xs
xsm
sm
md
lg

ปรากฏการณ์ “ศรราม” คืนชีพ “สายโลหิต” รีเทิร์น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แม้ว่าจะระยะนี้ทางรายการทีวีต่างๆ จะเริ่มกลับมาสู่รายการภาคปกติแล้ว แต่ก็ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มเสียทีเดียว โดยเฉพาะในภาคของละคร ถ้าพิจารณาแล้วว่าเนื้อหาไม่เหมาะสมกับช่วงเวลานี้ ก็อาจจะต้องถูกขยับ-ปรับ-เลื่อนออกไปก่อน
โดยในผังของละครต่างๆ ในระยะนี้ ยังคงเน้นไปที่ละครที่มีเนื้อหาที่แสดงออกถึงความรักชาติ และเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ละช่อง จึงมีการนำละคร “น้ำดี” ที่มีเนื้อหาในลักษณะดังกล่าว กลับมาออกอากาศใหม่อีกครั้ง
ช่อง 3 มีละคร “สี่แผ่นดิน” เวอร์ชันที่นำแสดงโดย “ฉัตรชัย เปล่งพานิช” และ “จินตหรา สุขพัฒน์” กลับมารีรันใหม่ในช่อง 3 SD และ 3 Family ทำให้ตอนนี้เราจึงได้ดูละคร “สี่แผ่นดิน” ทั้งในเวอร์ชั่นนี้ และเวอร์ชั่นที่กำกับโดย “หม่อมน้อย-ม.ล. พันธ์เทวนพ เทวกุล” นำแสดงโดย “ธีรภัทร์ สัจจกุล” และ “สิริยากร พุกกะเวส” ที่ออนแอร์อยู่ทางช่อง PPTV. ตั้งแต่ในช่วงที่งดเว้นรายการบันเทิงทุกประเภท
ขณะที่ช่อง 7 ก็ดัน “สายโลหิต” ฉบับที่นำแสดงโดย “ศรราม เทพพิทักษ์” ในบท “ขุนไกร” และ “สุวนันท์ คงยิ่ง” ในบท “แม่หญิงดาวเรือง” กลับมาออกอากาศใหม่ ในช่วงเวลาไพรม์ไทม์ของละครภาคกลางคืน คือทุกคืนวันจันทร์- อาทิตย์ แทนเวลาละครทั้งหมดในล็อต
และนั่นทำให้ละครเรื่องนี้ถูกนำกลับมาพูดถึงกันอย่างมากมาย เรียกว่าแค่ออกอากาศตอนแรก ก็แตะที่ 3.7 ไปแล้ว
โดย “สายโลหิต” ในฉบับ “ศรราม-สุวนันท์” เป็นการนำมาสร้างเป็นหนที่ 2 (หนแรกนั้น เป็นเวอร์ชันของทางช่อง 3 ที่นำแสดงโดย “ฉัตรชัย เปล่งพานิช” และ “อาภาพร กรทิพย์” ) ออกอากาศเมื่อปี 2538 นับมาถึงวันนี้ที่นำกลับมาออกอีกครั้ง “สายโลหิต” เวอร์ชันนี้ ก็มีอายุ 20 ปีเต็มๆ ง่ายๆ ก็คือคนที่อายุยังไม่แตะ 30 ปี อาจจะไม่ทันได้ดู
ทั้งนี้ทั้งนั้น ในที่นี้ขออนุญาตไม่พูดถึงความซาบซึ้งตรึงตรา และเรื่องราวของความรักชาติ ที่เป็นแกนหลักของละครเรื่องนี้ แต่ขอโฟกัสไปที่นักแสดงนำในเรื่อง
“หนุ่ม-ศรราม” ในยุคเมื่อ 20 ปีก่อน ถือว่าเป็นพระเอกระดับแม่เหล็กของวงการทีวีก็ว่าได้ ถ้านึกไม่ออกว่าดังขนาดไหน สั้นๆ ง่ายๆ ว่าดังระดับเดียวกับ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ในยุคนี้เลยทีเดียว ยิ่งเมื่อมาประกบคู่กับนางเอกคู่ขวัญ อย่าง “กบ-สุวนันท์” ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะเป็นคู่นักแสดงที่เคมีเข้ากันที่สุดแล้ว ถือว่าเป็น “คู่จิ้น” ในตำนานที่โด่งดังที่สุดในยุคนั้น
จะมีพระเอกสักกี่คนที่ยังคงอยู่ยั้งยืนยง อยู่แบบคงกระพันชาตรีมาถึง 20 ปี อย่างหนุ่ม-ศรราม ในขณะที่พระเอกร่วมรุ่น หลายๆ คนก็ล้มหายตายจากไป ถ้าไม่ลาวงการ ก็ขยับมาเล่นบทพ่อบ้าง ผู้ร้ายบ้าง แต่หนุ่ม-ศรราม ยังสามารถดำรงสถานะเป็นพระเอกรุ่นใหญ่ได้อยู่ อย่างที่กำลังออนแอร์อยู่ตอนนี้ ก็คือ “สลักจิต” ของช่อง One แล้วเร็วๆ นี้ ก็มี “น้ำเซาะทราย” ทางช่อง 7 ที่โคจรกลับมาประกับกับกบ-สุวนันท์ อีกครั้ง
และยิ่ง “สายโลหิต” กลับมารีรันใหม่แบบนี้ ก็ยิ่งส่งเสริมให้บารมีความเป็นพระเอกของหนุ่ม-ศรรามเจิดจรัสขึ้น ถือเป็นการกลับมาแจ้งเกิดอย่างดงามอีกครั้งในวัย 40 กว่าก็ว่าได้ เพราะหนุ่ม-ศรราม ในบท “ขุนไกร” นั้น หล่อ ทระนง องอาจ สมเป็นชายชาตินักรบจริงๆ และถึงจะผ่านมา 20 ปี ก็ยังคงความหล่อเป็นอมตะ ชนิดที่ต้องบอกว่า เวลาทำอะไรเขาไมได้จริงๆ
และคนที่ถูกพูดถึงไม่แพ้หนุ่ม-ศรราม ก็คือ “บี-มาติกา อรรถกรศิริโพธิ์” ที่แสดงเป็น “ดาวเรือง” วัยเด็กได้อย่างน่ารักน่าชัง ซึ่งแม้หลายคนจะคุ้นชื่อว่าบีเป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 7 มีผลงานละครผ่านตามาหลายต่อหลายเรื่อง แต่ก็นั่นแหละ เชื่อว่าบางคนอาจจะนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าบีเริ่มเข้าวงการมาตั้งแต่เด็กๆ และมีผลงานสร้างชื่ออย่างละครพีเรียดเรื่อง “สายโลหิต” ซึ่งดาราเด็กในยุคเดียวกับบี-มาติกา ที่เติบโตขึ้นมาเป็นนางเอกในตอนนี้ มีอยู่หลายคนด้วยกัน อย่าง “หยาดทิพย์ ราชปาล” , “พิงกี้-สาวิกา ไชยเดช” , “ขวัญ-อุษามณี ไวทยานนท์”
การกลับมาของละคร “สายโลหิต” จึงเหมือนเป็นการพาแฟนละคร นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูสะครแห่งความ ทรงจำในอดีตอีกครั้ง ได้ย้อนกลับไปดูคู่จิ้น “ศรราม-สุวนันท์” ตอนอายุ 20 ต้นๆ และ 10 ปลายๆ ได้เห็นบี-มาติกา สมัยยังใช้คำนำหน้าว่าเด็กหญิง ในขณะเดียวกัน คนที่เกิดไม่ทัน หรือเกิดทันแต่ลืมเลือนไม่บ้าง ก็จะได้พบคำตอบว่าทำไมละครเรื่องนี้ จึงนับเป็นหนึ่งในละครที่ทรงคุณค่า และได้รับการกล่าวขวัญถึงมาเนิ่นนานขนาดนี้
แต่ก็แอบเป็นห่วงช่อง 7 ที่เพิ่งฟิตติ้ง “สายโลหิต” เวอร์ชันรีเมกใหม่ไปหมาดๆ ว่าจะต้องทำการบ้านหนักกว่าเก่า เพราะการรีเมกของเดิมที่ทำไว้ดีมากๆ ปกติก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว แล้วนี่เพิ่งนำเวอร์ชันเดิมกลับมารื้อฟื้อความทรงจำ ยิ่งจะย้ำให้เห็นข้อเปรียบเทียบได้อย่างชัดเจน คือถ้าทำดี อย่างมากก็แค่เสมอตัว แต่ถ้าทำดร็อปลงไปกว่าเดิม ก็อาจจะโดนวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่นแน่นอน งานนี้จึงถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายของทั้งช่อง 7 และของนักแสดงนำในเวอร์ชั่นใหม่ อย่าง “พอร์ช-ศรัณย์ ศิริลักษณ์” กับ “นาว-นิศานาฎ ศรศึก” ว่าจะสามารถผ่าทางตันนี้ออกไปได้อย่างไร
และในสัปดาห์หน้า เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 21 พ.ย. “ขุนไกร-ดาวเรือง” ก็จะเจอข้าศึกตัวฉกาจ อย่าง “คุณอุบล” จากละคร “พิษสวาท” ที่เพิ่งลาจอไปหมาดๆ แต่ทางช่อง One ก็จะนำกลับมาออกอากาศซ้ำอีกรอบ ในวันจันทร์-พฤหัส 4 วันรวด โดยเลื่อนละครในผังเดิมออกไปก่อน
ทีนี้ก็ต้องมาวัดกระแสกันว่าเสียงฟันดาบของ “ขุนไกร” กับเสียงลากโซ่ของ “คุณอุบล” ใครจะจับหัวใจคนดูได้มากกว่ากัน แต่ที่แน่ๆ งานนี้รุ่นเล็กทั้งหลายหลบไป เพราะถึงเวลารุ่นใหญ่คืนชีพกลับมาทวงบัลลังก์แล้ว
ที่มา นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 366 19-25 พฤศจิกายน 2559







กำลังโหลดความคิดเห็น