“บูม กิตตน์ก้อง” แมนมาก บุกหา “พ่อกีฟ” ขออนุญาตคบลูกสาวเป็นแฟน อวยอีกฝ่ายเหมือนดอกฟ้า ส่วนตนเหมือนหมาวัด ปิ๊งตั้งแต่เห็นครั้งแรกในจอทีวี ตามสืบประวัติ ส่องอินสตาแกรม ยึดอีกฝ่ายเป็นกำลังใจมาตลอด บอก 4 ปี พิสูจน์รักแท้ จริงจังอนาคตขอเก็บเงินสร้างครอบครัว สัญญาจะดูแลฝ่ายหญิงเป็นอย่างดี
เคยประกาศตั้งแต่ก่อนไปเป็นทหารว่า ถ้าหาก “บูม กิตตน์ก้อง ขำกฤษ” ปลดประจำการเมื่อไหร่ จะเข้าไปขออนุญาตคุณพ่อ “กีฟ ดราภดา โสตถิพิทักษ์” เพื่อขออนุญาตเรียกว่าแฟนเปิดเผย ซึ่งล่าสุด หนุ่มบูมได้เผยว่าทันทีที่ปลดประจำการทหารปุ๊บ ตนได้เข้าไปขอเป็นแฟนทันที และอีกฝ่ายอนุญาตให้คบกันเรียบร้อย ยอมรับเขินมาก
“อย่างที่บูมเคยพูดเอาไว้ว่า ถ้าบูมปลดประจำการจะเข้าไปคุยกับคุณพ่อของน้อง (กีฟ) อย่างเป็นทางการ ที่ผ่านมา เราก็ทำอะไรเข้าตามตรอกออกตามประตูมาตลอด ให้เกียรติเขาในฐานะที่เขาเป็นผู้หญิงด้วย เรามีอะไรเราก็คุยกับทางผู้ใหญ่ของเขาอยู่ตลอด และอย่างที่บูมเคยบอกไปก่อนที่จะเข้าประจำการ ว่า ถ้าบูมปลดประจำการมาแล้ว และความรู้สึกของเราสองคนยังเหมือนเดิม บูมจะเข้าไปคุยกับคุณพ่อน้อง และขออนุญาตขอคบกับน้องเป็นแฟน ซึ่งก็ได้เข้าไปคุยแล้ว”
“วันนั้นผมบอกกีฟว่าหนูชวนคุณพ่อไปทานข้าวมั้ย เขาก็ชวน แต่เขาไม่รู้หรอกว่าเราจะพูด เพราะตอนนั้นเรายังไม่ได้ปลดประจำการอย่างเป็นทางการ ยังเหลือเวลาอีกประมาณ 1 สัปดาห์กว่า บูมจะปลดประจำการ ซึ่งเขาเลยไม่คิดว่าจะเป็นวันนั้น วันนั้นก็นั่งทานข้าวคุยกันเป็นปกติ ก็คุยเรื่องธุรกิจของคุณพ่อ คุณพ่อก็มีธุรกิจมานำเสนอ คุยกันจนเสร็จแล้วก็กำลังจะลุกกลับ บูมก็บอกกับทางคุณพ่อ ว่า ยังมีอีกเรื่อง บูมก็บอกกับคุณพ่อไปว่าผมคุยกับลูกสาวคุณพ่อมาตั้งนานแล้ว ผมเลยอยากจะขออนุญาตพ่อเรียกน้องว่าแฟน เวลาที่พี่ๆ นักข่าวถาม หรือใครถาม ผมจะได้ตอบได้อย่างเต็มปากว่าน้องเป็นแฟนผม แล้วหลังจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับตัวน้อง ผมจะได้เป็นคนรับผิดชอบเอง เพราะว่าเราเป็นแฟนกันแล้ว”
“ผมก็พูดกับคุณพ่อไป คุณพ่อก็บอกว่าดีมาก ขอบคุณมากที่ให้เกียรติลูกสาวเขา คุณพ่อก็ฝากให้ดูแลน้องดีๆ เพราะว่าคุณพ่อก็ทำงาน ก็อาจจะไม่ได้มีเวลาดูแลน้องเท่าไหร่ เลยฝากให้เราช่วยดูแล ผมก็รับปากคุณพ่อไป ตอนนั้นน้องเขาก็นั่งเขิน บิดไปบิดมา อะไรก็ไม่รู้ (หัวเราะ) ซึ่งจริงๆ แล้วบูมว่าบูมเขินกว่าเขานะ แต่ด้วยความที่เราเป็นผู้ชาย เราต้องแอ๊บไว้ (ยิ้ม) ไม่ค่อยแสดงออก”
ทำใจถ้าหากพ่อกีฟไม่อนุญาต จะกลับไปปรับปรุงตัวเองให้ดี
“เตรียมใจไว้เหมือนกันว่าถ้าคุณพ่อน้องบอกไม่ได้ บูมก็พร้อมจะพัฒนาตัวเอง แล้วก็ปรับปรุงตัวเองอะไรที่ไม่ดี ก็ตั้งใจจะถามทางคุณพ่อเลยว่ามีอะไรตรงไหนที่ผมยังไม่ดี ตรงไหนที่ท่านยังไม่ชอบ ผมพร้อมจะไปปรับปรุงแก้ไข ก็คิดไว้อีกมุมหนึ่ง แต่พอคุณพ่ออนุญาต ก็ดีใจนะที่ท่านคงเห็นในสิ่งที่เราทำบ้าง ว่าเรารักลูกสาวท่านจริงๆ แล้วเราก็ตั้งใจจริงๆ ซึ่งเราก็เป็นคนแบบนี้ เราเป็นคนตรงๆ เปิดเผย ไม่เคยทำให้น้องเสียหาย คุณพ่อท่านคงรู้ว่าผมดูแลน้องได้ ไปเป็นทหารผมก็ไปเป็นมาแล้ว และมันยิ่งกว่าดูแลคนๆ เดียว เพราะต้องดูแลคนหลายๆ คน ซึ่งเราก็ผ่านมาได้ และท่านคงได้เห็นความตั้งใจทำงานของเรา และการที่เราดูแลครอบครัว ครอบครัวบูมมี 5 คน บูมต้องดูแลอีก 4 คน บูมก็ดุแลได้ ท่านก็คงเห็นอะไรหลายๆ อย่างตรงนี้ วันนั้นก็บอกคุณพ่อไปว่าผมจะดูแลน้องให้ดี ถ้ามีเรื่องอะไรที่มันไม่ดี ที่มันเกิดขึ้น พ่อไม่ต้องกลัวนะ ผมจะดูแลและเป็นคนรับผิดชอบเอง”
ยกอีกฝ่ายดอกฟ้า ส่วนตัวแค่หมาวัด รับปิ๊งตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นในทีวี ตามสืบประวัติ ส่องอินสตาแกรม ยึดเป็นกำลังใจในการทำงาน
“เราเป็นคู่ที่ต่างกันมาก เขาเหมือนดอกฟ้า บูมก็เป็นหมาวัดดีๆ นี่เอง (ยิ้ม) พูดตรงๆ เลยว่าเราเริ่มจากติดลบด้วยซ้ำ ถ้าเทียบกับเขาที่มีพร้อมทุกอย่าง เขาไม่จำเป็นต้องเล่นละครก็ได้ เขาไม่จำเป็นต้องทำงาน ไม่ต้องทำอะไรก็ได้ เขามีพร้อมทุกอย่าง เติบโตมาในชีวิตของความเป็นลูกคุณหนู ตอนนั้นที่เรารู้จักเขาครั้งแรก เรายังไม่ได้เล่นละคร เรานั่งดูเขาอยู่ในทีวี ในตอนนั้นมันเป็นความรู้สึกที่แบบมันไม่น่าเป็นไปได้เลย จนวันหนึ่งที่เราได้รู้จัก ได้คุยกัน มีโอกาสได้เจอกัน เราชอบเขามาตั้งแต่ตอนที่เห็นเขาในทีวีแล้ว”
“เรานั่งดูทีวีอยู่ที่บ้าน แล้วรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ทำไมเปรี้ยวจัง ไว้ผมสั้นเล่นละครอยู่ช่อง 7 ก็เข้าไปดูหาข้อมูล ก็รู้ว่าเขาประกวดไทยซูเปอร์โมเดล ก็รู้สึกว่าน่ารักจังเลย ชอบ เลยไปตามหาอินสตาแกรมเขา แล้วเข้าไปดูอินสตาแกรมเขาทุกวัน นานเกือบครึ่งปี เข้าไปดูเขาเพื่อเราจะได้มีกำลังใจในการทำงาน ดูแล้วน่ารัก ดูแล้วโลกสดใส เหมือนโรคจิตมั้ย คือ ทำอย่างนี้มาก่อนที่จะรู้จักกัน อยู่ดีๆ วันหนึ่งตอนที่กดเข้าไปดู แล้วก็มีการแจ้งเตือนขึ้นมาว่า เขากดฟอลโลว์เรา ทั้งที่เราไม่เคยไปกดไลก์ หรือคอมเมนต์ หรือแม้แต่ฟอลโลว์เขา เราก็ไม่เคย ก็งงมาก แต่ก็รีบกดฟอลโลว์กลับทันที พอหลังจากนั้นก็เริ่มมีเรื่องราว เพราะว่าเราได้เข้ามาทำงานในช่อง 7”
เคยท้อแต่ไม่เคยถอย ต้อยต่ำเคยคิดว่าอีกฝ่ายเป็นแฟน “เวียร์ ศุกลวัฒน์” และตนคงสู้เวียร์ไม่ได้
“เคยท้อ แต่ไม่เคยถอย ผมว่าความรู้สึกท้อมันมีกับทุกคนอยู่แล้ว ยิ่งช่วงแรกที่เรากดฟอลโลว์อินสตาแกรมเขา ตอนนั้นเขามีข่าวกับพี่เวียร์ (ศุกลวัฒน์ คณารศ) และเราก็เป็นคนเสพสื่อธรรมดาอยู่ที่บ้าน เราก็คิดว่าสงสัยเขาคงเป็นแฟนกันแหละ ซึ่งพี่เวียร์เขาเป็นพระเอกช่อง 7 แล้วเขาจะมาชอบเราเหรอ ตอนนั้นคิดแล้วว่าเขาเป็นแฟนกับพี่เวียร์ จนพอเราได้รู้จักกับเขา ก็ได้เห็นว่าเขาสนิทกัน และเขาก็ไม่ได้สนิทแค่กับพี่เวียร์ ก็สนิทกับพี่เหม (ภูมิภาฑิต นิตยารส) พี่บ๊วย (เชษฐวุฒิ วัชรคุณ) และพี่ๆ คนอื่นด้วย ทำให้เรารู้ว่าข่าวก็คือข่าว พอเราได้รู้จักกัน เขาก็พาเราไปเจอ”
“ช่วงที่เขามีข่าวเยอะเขาก็ปรึกษาเรา แต่เรื่องบางเรื่องที่เป็นเรื่องของครอบครัว มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เราไม่สามารถไปบอกเขาได้หรอกว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เราให้เกียรติในความคิดของเขา เราเคารพในการตัดสินใจของเขาด้วย เราก็พยายามให้กำลังใจเท่าที่เราจะให้ได้ ก็บอกเขาว่าไม่มีอะไร เดี๋ยวทุกอย่างจะผ่านไป ก็มีช่วงหลังๆ ที่บอกเขาว่าให้ซอฟต์ๆ ลงหน่อย เพราะเราเป็นห่วง เรารู้ว่าเขาเป็นคนตรง แต่บางครั้งคนไม่เข้าใจหรอกว่า ความตรงเกินไปมันคืออะไร บูมก็ทำได้แค่เตือนและเป็นกำลังใจให้”
4 ปีพิสูจน์รักแท้ จริงจังชีวิต ขอเก็บเงินสร้างอนาคตครอบครัว อยากดูแลให้ดีเหมือนที่พ่อกีฟดูแล
“บูมว่าบูมก็ดูแลเขาเต็มมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว วันนี้แค่สถานะมันเปลี่ยนเอง แต่ทุกอย่างมันก็เหมือนเดิม บูมก็ยังทำทุกอย่างเหมือนเดิม เพราะว่าถ้าพอเป็นแฟนแล้วบูมเปลี่ยนไป น้องเขาก็ไม่น่าจะโอเค เพราะเขาโอเคในสิ่งที่เราเป็น ในตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เขาโอเคในสิ่งนี้ มันไม่ได้มีน้อยไปกว่าเดิม มากกว่าเดิมก็คงจะมี แต่ถ้ามากไปแล้วเขารู้สึกไม่ชอบ ก็คงทำให้มันเท่าเดิมดีกว่า”
“บูมก็ค่อนข้างเป็นคนจริงจังกับชีวิตนะ แต่ขอเก็บตังค์ก่อนนะ คงต้องรออีกสักระยะหนึ่ง คงค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ให้เราพร้อมจริงๆ ให้ครอบครัวเขาเชื่อมั่นว่าเราจะดูแลลุกสาวเขาได้จริงๆ อย่างน้อยให้เท่ากับที่พ่อเขาดูแลมา เพราะว่าถ้าเกิดเราเอาลูกสาวเขามาแล้ว เราดูแลเขาได้ไม่ดี ก็ให้เขาอยู่กับครอบครัวเขาไม่ดีกว่าเหรอ เราเอาลูกสาวเขามาลำบากทำไม ถึงต้องทำงานไม่รู้จักเหน็ดรู้จักเหนื่อย เพราะไหนจะครอบครัวบูมด้วย และเพื่อคนที่เรารักด้วย”