“หนุ่ม กะลา” ยึดพระราชดำรัสในหลวง ร.๙ “พูดให้น้อย ทำให้มาก” ด้านนักร้องวัยรุ่น “พลอยชมพู” แม้ไม่ได้เกิดบนผืนแผ่นดินไทยแต่ประทับใจพระราชกรณียกิจพระองค์ ขอเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท “เนม ปราการ” รับยึดในหลวงเป็นต้นแบบ หันกลับมามองตัวเองมากขึ้น
“หนุ่ม กะลา” ณพสิน แสงสุวรรณ ร่วมกับนักร้องนักแสดงวัยรุ่น “พลอยชมพู ญานนีน ภารวี ไวเกล” และ “เนม เก็ตสึโนวา” หรือ “เนม ปราการ ไรวา” เป็นตัวแทนของศิลปินแกรมมี่มาแจกอาหารประชาชนที่มาร่วมถวายอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในเต็นท์สภาสังคมสงเคราะห์ฯ โดยทั้งหมดเปิดใจว่า เป็นอีกวันที่รู้สึกตื้นตันได้มาทำความดีเพื่อพ่อหลวง ซึ่งหนุ่ม กะลาเผยความประทับใจเมื่อ 17 ปีก่อนเคยมีโอกาสร้องเพลง “พ่อบอก” เฉลิมฉลองในวโรกาส ในหลวง ร.๙ ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี
“ตอนนั้นเป็นโปรเจกต์ของแกรมมี่ที่จะทำเพลงเทิดพระเกียรติครบรอบครองราชย์ 50 ปี ชื่อเพลงพ่อบอก เนื้อหาพูดถึงคนไทยไม่ว่าจะเกิดในสังคมไหนก็ตาม พระองค์อยากเห็นพวกเรารักกัน การร้องเพลงเป็นเรื่องใกล้ตัวของผม ความคิดในตอนเด็กวันนั้นคือการเป็นคนดีและอยากเห็นทุกคนรักกัน”
“ตอนนั้นเป็นบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง มีการจุดพลุ ประดับไฟสวยงามมาก ผมเป็นคนหนึ่งที่มาเดินดูบรรยากาศที่ท้องสนามหลวง ส่วนตัวรู้สึกดีมาก หัวใจพองโต แต่ผมไม่เห็นบรรยากาศนั้นในหลายหลายปีมาแล้วเหมือนกัน วันนั้นเราเฉลิมฉลองด้วยความดีใจ แต่วันนี้อาจจะมีความโศกเศร้า เราทุกคนมาด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แบ่งปันน้ำและอาหารให้กัน ตอนนั้นรู้สึกว่าเราได้ทำเพลงเพื่อพ่อ เป็นเกียรติต่อตัวเองและครอบครัว”
“เรายึดคำสอนของพ่อหลวงที่ว่าพยายามทำให้มากกว่าพูด ถ้าสังเกตดี ๆ พ่อไม่เคยบอกรักเรา แต่ทรงทำให้เราเห็นมากกว่า ผมยึดหลักนั้นมาใช้คือพูดให้น้อยและทำให้มาก ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดจะช่วยทำให้ประเทศเราเดินหน้าต่อไปได้”
“พลอยชมพู ญานนีน” แม้ไม่ได้เกิดบนแผ่นดินไทยแต่ประทับใจพระราชกรณียกิจพระองค์ท่าน ขอเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท
“ได้เล่นหนังสั้นเพลงพระราชนิพนธ์เรื่องอมยิ้มค่ะ รู้สึกดีใจและภูมิใจที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งโปรเจกต์นี้ คือเป็นผลงานชิ้นหนึ่งที่ภูมิใจมาก มันเป็นเหมือนความทรงจำและความภาคภูมิใจที่เราได้ทำอะไรเพื่อพระองค์ด้วยค่ะ”
“ตอนเด็ก ๆ แม่ก็เคยเล่าเรื่องในหลวงให้ฟัง คือ หนูอาจจะไม่ได้ทราบเท่าที่คนที่เกิดที่เมืองไทย อาจจะรู้แค่บางเรื่อง แต่รู้สึกประทับใจที่ในหลวงทรงทำอะไรให้กับประชาชนและกับประเทศไทยให้อยู่อย่างมีความสุข เลยเข้าใจว่าทำไมคนไทยถึงรักในหลวงมากขนาดนี้ เราได้ศึกษาเปิดดูในเน็ตบ้าง ได้ไปอ่านมาบ้าง คือคำสอนอาจจะจำไม่ได้ แต่หนูเห็นจากที่พระองค์ทรงทำมาก่อน หนูตั้งใจทำหน้าที่ตนเองให้ดีที่สุด อยากจะทำด้วยความรัก”
“ตอนนี้มีโปรเจกต์ 2 โปรเจกต์ที่จะทำ อันแรกคือ เพลงต้นไม้ของพ่อ เป็นการรวมศิลปินก็เพิ่งอัดไป และจะมีอีกโปรเจกต์หนึ่งที่จะทำกับทางค่ายค่ะ เพลงต้นไม้ของพ่อ เพิ่งได้มาอัดหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ประมาณ 2 - 3 วันค่ะ คือ ความหมายเดิมมันซึ้งและรู้สึกอยู่แล้ว พอเกิดเหตุการณ์นั้นแล้วมาอัดทีหลัง แค่ร้องประโยคเดียวก็รู้สึกแล้วค่ะ อีกโปรเจกต์ก็เป็นของแกรมมี่เหมือนกันค่ะ อันนั้นเป็นโปรเจกต์ที่ทำกับค่าย MBO ด้วย เป็นเพลงชื่อ Oh I Say ค่ะ ได้มาร้องอีกครั้ง รู้สึกดีใจที่ได้ทำเพื่อพระองค์อีกครั้งหนึ่งค่ะ”
“เราเป็นเด็กรุ่นใหม่แม้จะไม่ทันแต่ความดีที่พระองค์ท่านทรงทำเอาไว้ยังอยู่บนโลกใบนี้สามารถเห็นได้ อย่างในโซเชียลมีแชร์คลิป ได้เห็นกันว่าพ่อหลวงทำอะไรให้กับประเทศเราบ้าง อยากให้คนไทยสู้ต่อไปค่ะ อยากจะให้กำลังใจทุกคน อยากจะให้คนไทยนำพระราชดำรัสของพระองค์ท่านเอามาใช้ในชีวิตประจำวันด้วย เดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทค่ะ”
“เนม ปราการ ไรวา” ตื้นตันวันที่คนไทยหลอมรวมใจเป็นหนึ่ง ยึด “ในหลวง ร.๙” เป็นต้นแบบ ทำให้หันกลับมามองย้อนดูตัวเองมากขึ้น
“วันนี้ภูมิใจและตื้นตันใจเหมือนครั้งแรก มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ผมมาในตัวแทนของศิลปินแกรมมี่ มาแจกในเต็นท์ของสภาสังคมสงเคราะห์ฯ อาหารหลากหลายครับ พี่น้องก็เรียบร้อยต่อแถวกันเป็นระเบียบ วันแรกที่ผมมาคือแตกต่างกันเลยเพราะตอนนั้นฝนตก จะเห็นคนวิ่งไปมาใส่ชุดกันฝน แต่วันนี้อากาศร้อนก็จะต้องการอะไรเย็น ๆ ขนม น้ำเย็น”
“ส่วนที่คิดมาเป็นจิตอาสาเพราะเราได้เห็นภาพจากสื่อต่าง ๆ ทุกวันว่าคนทุกคนมาด้วยใจ มาจากทั่วประเทศจริง ๆ บางคนไม่มีที่นอน เดินทางมายากลำบาก เราเห็นก็อยากจะช่วย ตอนนี้คนไทยทุกคนควรจะรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกัน ผมดีใจนะที่มีโอกาสมาช่วยเป็นจิตอาสา เราได้เพื่อนใหม่โดยอัตโนมัติเลย อย่างคนที่เรายืนแจกของข้าง ๆ เขารู้ว่าเรามาด้วยหน้าที่เดียวกัน สร้างมิตรภาพใหม่ ๆ”
“เพลงยิ้มสู้ ประกอบหนังสั้นเรื่องอมยิ้มซึ่งเก็ตสึโนวาได้นำมาออเรนจ์ใหม่ เพลงนี้เป็นเพลงที่ในหลวงทรงเยี่ยมเด็กตาบอด พระองค์ท่านอยากจะแต่งเพลงเพื่อให้กำลังใจกับน้อง ๆ ก็มีเพลงยิ้มสู้ออกมา ไม่ว่าจะเจออุปสรรคขนาดไหนให้เรายิ้มสู้เผชิญกับมันก็จะผ่านไปได้ เป็นเพลงที่เหมาะมากกับสถานการณ์ตอนนี้ ทำเมื่อต้นปีที่แล้วประกอบหนังสั้นเรื่องอมยิ้ม และพวกเราก็เพิ่งนำมาอัดใหม่อีกเวอร์ชั่นเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว น่าจะปล่อยให้ได้ฟังและเห็นกันเร็ว ๆ นี้”
“ปีที่แล้วที่ร้องเพลงนี้ มันเป็นความรู้สึกมีความสุขที่ได้เผชิญหน้า แต่กลับมาครั้งนี้ผมยอมรับเลยร้องลำบากกว่าครั้งแรก เพราะมีความสะเทือนใจ ระหว่างที่อัดเพลงก็มีเสียงสั่น เพราะเรานึกถึงพระองค์ท่านตลอดเวลา และยากตอนที่ต้องอัดวิดีโอ เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะเหมาะสมมั้ยที่จะยิ้ม เพราะเพลงมันชื้อยิ้มสู้ เป็นเพลงให้กำลังใจ เราต้องสื่อสารให้ดีที่สุดในฐานะผู้ถ่ายทอดเพลง”
“เป็นเกียรติอันสูงสุดอันหนึ่งของการเป็นนักดนตรี ที่ได้ร้องเพลงพระราชนิพนธ์ พระองค์มีความสามารถมาก ๆ ในด้านดนตรี พระองค์ทรงเป่าแซกโซโฟน ขออนุญาตใช้ศัพท์ธรรมดาคือพระองค์เป่าแบบขั้นเทพเลย ได้ไปร่วมงานกับศิลปินนานาชาติ”
“ยึดพระองค์เป็นแบบอย่างแน่นอน ไม่ใช่แค่ด้านดนตรี เราเห็นพระองค์ทรงเล่นกีฬา ทรงงาน ทุกอย่างเป็นสิ่งที่สอนให้เราทุกคนหันมามองตัวเอง เพราะพระองค์ทรงเหนื่อยขนาดนี้ทั้งที่เป็นพระราชาของประเทศ แต่ยังมีเวลาศึกษาในหลายเรื่อง ทำไมอย่างเราถึงทำไม่ได้ พ่อหลวงของเราเป็นแบบอย่างดีที่ครับ”