เปิดใจ “ผอ.กองช่าง กรมโยธา” จิตอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู กลางวันรับราชการ กลางคืนเป็นจิตอาสาที่สนามหลวง ขับรถไปกลับ กทม.- นครปฐม กลับบ้านเที่ยงคืน ตื่นตี 5 ทุกวัน ทำอาหารแพ็กข้าว 5 พันกล่องให้ทหาร - ตำรวจ หุงข้าวไม่เหมือนใคร แต่รับประกันรสชาติ ลั่นมีทั้งคนร่วมบริจาคและควักเงินซื้อวัตถุดิบกันเอง น้ำตารื้นพ่อหลวงดูอยู่คงดีใจ
เป็นภาพความงดงามที่เกิดจากการแบ่งปันของคนไทย กรณีที่มีเหล่าจิตอาสานำอาหาร น้ำดื่ม และของใช้จำเป็นมาแจกจ่ายแก่ผู้ที่มาถวายอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยหนึ่งในนั้นมี “จำลอง คำหวาน” ผอ.กองช่าง กรมโยธาธิการ ที่มาเป็นจิตอาสามูลนิธิร่วมกตัญญูที่มาปักหลักทำอาหารบริการประชาชนที่มาถวายอาลัยพ่อหลวง โดยเจ้าตัวเผยเป็นจิตอาสามากว่า 30 ปี ไม่มีค่าตอบแทนเพราะตนทำด้วยใจ
“ปกติผมรับราชการเป็น ผอ.กองช่าง กรมโยธา จ.นครปฐม ว่างก็มาเป็นอาสาสมัคร มา 30 กว่าปีแล้ว กลางวันทำงานราชการ กลางคืนวันหยุดก็มาเป็นจิตอาสา ทำทุกอย่างเท่าที่เขาอยากให้ทำอะไร กลางคืนเข้าเวรช่วยประสานงาน เสาร์ - อาทิตย์ ไปดูแลตามหน่วยกู้ภัยต่าง ๆ ไม่ได้เงินอะไรเลย ไม่ได้อะไรตอบแทน ทำด้วยใจล้วน ๆ”
“สมัยก่อนเห็นคนประสบอุบัติเหตุแล้วไม่มีใครช่วย อาสาสมัยก่อนไม่ค่อยมี เขาก็รอให้คนมาช่วย ก็รอจนตายไป คิดว่าถ้ามีคนช่วยเขาไว้ก็คงไม่ตาย หลังจากนั้นเราเลยอยากทำงานช่วยตรงนี้”
“ปกติมาทุกปีครับ 5 ธันวาคม 12 สิงหาคม ผมมาทุกปี ก็มาทำโรงทานอย่างนี้ จะอยู่ทำกันประมาณ 5 วัน คนก็จะมีหลากหลายรูปแบบ ส่วนมากจะเป็นคนต่างจังหวัด แต่ส่วนใหญ่เขาก็จะกลับบ้านกันนะ มานอนที่นี่กันน้อยแต่งานนี้มีคนมานอนที่นี่กันเยอะ”
“เรื่องที่คนมาขนอาหารกลับไปเยอะ ๆ คนเรามันก็ห้ามความคิดกันไม่ได้นะ ถ้าเขาคิดดีมันก็ดี ถ้าเขาคิดไม่ดีมันก็พูดยาก มันห้ามใจเขาไม่ได้ ต้องมาเจอด้วยตัวเองถึงจะเข้าใจ อย่างตัวผมเองใหม่ ๆ ผมก็มีอารมณ์เหมือนกันนะ หนัก ๆ เข้าก็เข้าใจว่าคนเราคิดไม่เหมือนกัน คิดดีมันก็ดี ก็มองว่าคนเขามาช่วยเหลือ คนหิว แถวนี้ไม่มีของขาย มาก็จะลำบาก แต่เราก็ไปห้ามความคิดใครเขาไม่ได้ไง มันอยู่ที่ใจคนจะมอง อย่างงานนี้เป็นงานที่ใหญ่มาก ปกติเตาหุงข้าวจะมีแค่ 2 - 3 เตา แต่งานนี้มี 6 เตา”
“เริ่มกันตั้งแต่เช้าเลย 6 โมงเช้า เพราะเราต้องแพ็กข้าวกล่องให้หน่วยงานต่าง ๆ ด้วย ทหาร ตำรวจ ทุกหน่วยงานที่อยู่ที่นี่ เขาก็จะมารับอาหารที่นี่กัน วันหนึ่งก็ 4 - 5 พันกล่อง ส่วนแจกก็ต่างหาก ผมก็จะมาช่วยหลังเลิกงาน ขับรถส่วนตัวมาจากนครปฐม กลับถึงบ้านประมาณตี 1 เช้าก็ไปทำงานต่อ”
“วัตถุดิบมาจากมูลนิธิเป็นหลัก แล้วก็มีคนมาบริจาค แล้วเราก็จะแบ่งแผนกกัน ฝ่ายหุงข้าวก็หุงข้าว ทำกับข้าวก็ส่วนหนึ่ง แพ็กกล่องก็ส่วนหนึ่ง ตักแจกก็ส่วนหนึ่ง”
ยันหุงข้าวไม่เหมือนใคร ทำมากว่า 60 ปี ข้าวมูลนิธิฯ ไม่ต้องปรุง รับประกันเรื่องรสชาติ น้ำตาซึม ถ้าพ่อหลวงดูอยู่คงดีใจ
“เราหุงข้าวแบบนี้กันมา 60 กว่าปีแล้ว นึ่งข้าวอย่างนี้กันมาตลอด ทำแจกเวลาเกิดเหตุไฟไหม้บ้าง อะไรต่างๆ เพราะการหุงในหม้อมันไม่ทัน คนเป็นพันมายืนรอมันทำแบบนั้นไม่ได้ ส่วนคุณภาพข้าวสุกเหมือนกับหุงในหม้อนี่แหละครับ ไม่ต่าง ไม่มีแข็ง คนหุงเขาจะชำนาญอยู่แล้ว เขาหุงกันประจำ ส่วนอาสาก็จะมาเสริมช่วยหยิบจับ ส่วนเรื่องของการทำอาหารเขาก็จะมีตัวหลักที่เขาเป็นคนปรุง ที่เหลือก็เป็นลูกมือช่วยกัน เมนูก็ทำหลากหลายสลับกันไปให้ไม่เบื่อ เราไม่ได้กะเกณฑ์ว่าต้องทำวันละกี่มื้อ กี่หม้อ เราก็ทำไปเรื่อย ๆ มีซื้อกันเองบ้าง มีคนเอามาบริจาคบ้าง ปกติงาน 5 ธันวาคม เราจะทำแจกกันเป็นรอบ แต่งานนี้เราทำกันเรื่อย ๆ แจกตลอดไม่หยุดเพราะคนเยอะมาก”
“กล้ารับประกันเรื่องรสชาติ มาชิมได้ ข้าวร่วมกตัญญูไม่ต้องปรุง เรามีสูตร คนทำเขาก็จะรู้มือรู้รสอยู่แล้ว แม้คนทำจะเวียน ๆ กันไป แต่จะมีทีมหลักที่เป็นคนปรุง คนปรุงก็จะมีมือหนึ่ง มือสองอีก เขาก็จะรู้รสของเขาว่าอะไรต้องใส่เท่าไหร่”
“ตอนนี้ไม่ขาดอะไรแล้วเพราะคนเอามาให้กันหลากหลายมาก วันก่อนมีคนเอาเนื้อไก่มาให้ 2 พันกิโล คนมาร่วมบริจาคเยอะมาก บางทีมากันเป็นตัน ๆ งานนี้โดยประเมินคนมาต่อแถวกันเป็นหมื่น ๆ ต่อวัน ไม่รวมแพ็กข้าวกล่องที่วันละ 5 - 6 พันกล่อง”
“ที่บอกว่าของแจกล้นผมว่าไม่ล้นนะ อย่างที่ร่วมกตัญญูของสดเราจะซื้อกันเอง เราจะรู้ปริมาณ เราควบคุมได้ อย่างคนที่เขาเอามาบริจาคส่วนใหญ่จะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้ ก็ทำหมดทุกวัน อย่างถ้าวันไหนขาดเราก็เอารถไปวิ่งซื้อ ถามว่าเหนื่อยมั้ยก็เหนื่อยกลับเที่ยงคืน ตี 5 ก็ต้องออกมาแล้ว ก็จะเป็นอย่างนี้กันหมด อาสาส่วนมากเขาจะมีงานประจำกันทุกคน ใครว่างก็มา สิ่งทีได้กลับมาคือเราคิดว่าเราทำเพื่อพ่อ ถ้าพระองค์ท่านเห็นคงดีใจ ท่านคงดูอยู่ (น้ำตาซึม)”