“พระบิณฑ์” ปลื้มปีติ บวช 30 วัน ถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ชี้ ถ้าหากสบายใจจะบวชไปเรื่อย ๆ ไม่มีกำหนด เลือกวันที่ 22 ต.ค. ตรงกับวันที่พระองค์ท่านทรงผนวช ก่อนเดินทางไปปฏิบัติธรรมต่อที่อินเดียและเนปาล ลั่นขอเดินตามรอยในหลวง เรื่อง “การให้” จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ถึงแม้จะบวชแต่จะลงพื้นที่ช่วยเหลือ ปชช. ที่ขอความช่วยเหลือเหมือนเดิม
บวชเงียบ ๆ ไปเมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา สำหรับ “พระบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ฉายาทางธรรม “อาจิตปุญโญ” ซึ่งเข้าพิธีอุปสมบทโดยไม่ได้บอกให้ใครทราบมาก่อน แม้แต่ครอบครัวก็เพิ่งทราบข่าวในตอนเช้าของวันดังกล่าว ล่าสุด พระบิณฑ์ได้เผยถึงความตั้งใจในการบวชในครั้งนี้ ณ วัดบางแวก ภาษีเจริญ ซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 ยันบวชถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
“ความตั้งใจของอาตมา ตั้งแต่ได้รับทราบว่าพระองค์ท่านทรงประชวรมาตั้งแต่ปี 50 - 52 น่าจะประมาณนั้น จากนั้นตั้งใจมาตลอดว่า อาตมาตั้งใจจะบวช และเป็นความรู้สึกที่เก็บไว้ในใจมาตลอด จริง ๆ ตั้งใจจะบวช 14 ต.ค. ต้องบวชแบบสมบูรณ์แบบตามการบวชพระปกติ ไม่ใช่แค่การนุ่งผ้าเหลือง โกนหัวแล้วบวช อาตมาเลยคิดว่าเราควรใช้เวลา 1 อาทิตย์ ในการเก็บตัว ในการท่องการขานนาคได้อย่างถูกต้อง อาตมาต้องใช้สติปัญญาในการได้จำ หลังจากการที่เก็บตัวครบแล้ว ก็โทร.มาบอกพระอาจารย์ว่าจะบวช ท่านก็ถามว่าจะบวชเมื่อไหร่ อาตมาก็บอกว่าเดี๋ยวได้วันแล้วจะบอก ทั้ง ๆ ที่ในใจจะบวชในวันที่ 20 ต.ค. นะ แต่ด้วยอะไรก็ไม่รู้มาดลใจ ระหว่างนั้นอาตมาก็นั่งดูข่าวเกี่ยวกับพระองค์ท่านตลอด และมีข่าวว่า พระองค์ท่านทรงผนวชวันที่ 22 ต.ค. 2499 เลยคิดว่าจะบวชวันที่ 22 ต.ค. แทน
“ส่วนการที่ทำไมต้องบวชเงียบ ๆ คือ ตอนนั้นอาตมาทราบข่าวมาว่า จะมีการจัดร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และอีกอย่างหนึ่งประชาชนต้องไปที่นั่นหลายแสนคนมาก อาตมาคิดว่าการที่จะบวชเป็นสิ่งที่ตั้งใจ และการเกิดมาในชาติหนึ่งใต้พระบรมโพธิสมภารของท่าน และการที่เราบวชเงียบเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนหรือทำให้คนอื่นลำบากใจที่อาจจะต้องมาร่วมงานบวช และพะวงว่าจะต้องไปสนามหลวงไม่ทัน หรือถ้าไม่มาเดี๋ยวจะกลัวว่าอาตมาจะโกรธ และถ้ามาก็ต้องมาใส่ซองถวายพระ อาตมาว่าไม่เอาดีกว่า”
ลั่นเป็นวันที่ภูมิใจที่สุด แม่น้ำตาไหลดีใจที่ได้เห็นภาพในวันนี้ บอกแม่รักในหลวงที่สุด ไม่อายเจอพระบรมฉายาลักษณ์ที่ไหนจะก้มกราบทันที
“เรื่องการบวชของอาตมารู้กับพระอาจารย์ที่จะบวชให้เพียง 2 คนเท่านั้น แม้แต่คุณแม่ของอาตมายังไม่รู้ แต่พระอาจารย์ท่านก็บอกว่าการบวชที่สมบูรณ์แบบควรจะมีญาติผู้ใหญ่ พ่อหรือแม่มาร่วมด้วย เพราะจะได้ให้ท่านเป็นคนถวายจีวรให้ ซึ่งแม่อาตมาไม่สามารถมาร่วมได้ เพราะท่านต้องไปงานกฐินที่ต่างจังหวัด และพอวันจะบวชตามฤกษ์ที่ตกลงกับหลวงพ่อไว้ คือ 8 โมงเช้า อาตมาก็ตื่นตั้งแต่ตี 5 ปรากฏว่า กำลังจะออกจากบ้านเจอแม่นั่งรออยู่ ก็นึกว่าท่านรู้แล้วว่าจะบวชหรือเปล่า แต่ท่านบอกว่ามารอขึ้นรถไปทอดกฐินตอน 10 โมงเช้า อาตมาก็เลยตัดสินใจชวนท่านไปทำบุญ พอมาถึงวัดก็กรอกใบสมัครในการบวช และก็เดินมาบอกแม่ว่าจะบวชนะ พอท่านได้ยิน ท่านก็น้ำตาไหลขึ้นมาทันที”
“และคำหนึ่งที่แม่พูดออกมาว่าแม่ดีใจจังเลย อาตมาก็รู้สึกว่าทั้งแม่และเพื่อน ๆ ที่มาน้ำตาไหลกันหมด เพราะไม่มีใครรู้มาก่อนและอาตมาเองก็ไม่อยากจะบอกใคร เป็นวันที่อาตมาภูมิใจมากที่สุด เพราะโยมแม่เป็นคนที่รักในหลวงที่สุด อาตมาไม่อายเลยเวลาที่ไปไหนมาไหนแล้วโยมแม่เจอพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง ท่านจะเข้าไปนั่งกราบทันที (น้ำตาเริ่มคลอ) ซึ่งรู้สึกปลื้มใจ และรู้สึกว่าอาตมาทำถูกต้องที่สุด”
“ตั้งใจเริ่มแรกว่าบวช 30 วัน แต่ถ้าถึง 30 วันแล้วอาตมายังสบายใจที่อยากจะบวช ก็จะบวชไปเรื่อย ๆ และคิดว่า ตั้งใจจะไปปฏิบัติธรรมที่พุทธสังเวชนียสถาน 4 ที่ประเทศอินเดียและไปแสวงบุญที่เนปาลต่อ เป็นเวลา 7 วัน ซึ่งจะเดินทางไปประมาณกลางเดือน พ.ย. ตั้งใจถวายให้พระองค์ท่านอย่างเต็มที่ ซึ่งอาตมาบอกกับโยมแม่ไว้แล้วว่าบวชครั้งนี้ บวชให้กับในหลวง พระครูอุปัชฌาย์ท่านยังบอกว่าการบวชครั้งนี้ของอาจิตบุญโญเป็นการถวายให้กับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช”
ยังลงพื้นที่ช่วยเหลือ ปชช. ได้เหมือนเดิม
“อาตมาถามพระครูอุปัชฌาย์ การที่บวชพระแล้วจะออกไปช่วยเหลือพี่น้องที่ขอร้องมาหน้าแฟนเพจของอาตมาได้มั้ย พระอุปัชาฌาย์บอกได้ นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก แต่ต้องข้อจำกัดนิดหนึ่งว่าถ้าเป็นโยมผู้หญิง ให้นั่งคุยได้เฉย ๆ ไม่สามารถแตะต้องตัวได้ แต่ถ้าเป็นโยมผู้ชายที่ป่วยเราสามารถจำต้องตัวได้เหมือนเดิม”
“เรียกว่าการบวชครั้งนี้สามารถทำให้เราได้กระทำการช่วยเหลือคนได้เหมือนเดิม ซึ่งเราก็ปฏิบัติอยู่ในศีลของสงฆ์เหมือนเดิม ไม่ฉันข้าวเย็น แต่ขออนุญาตในเรื่องของการใช้โทรศัพท์ เพราะอุปัชฌาย์ก็บอกว่าอยู่ที่เจตนาของเราว่าเราจะกระทำไปเพื่ออะไร ก็มีโยมหลานคนถามว่าพระบิณฑ์จะไปสนามหลวงมั้ย อาตมาเลยถามว่าจะให้ยืนผัดข้าวเหรอ นั่นก็ไม่ใช่กิจของสงฆ์ แต่จริง ๆ แล้วพระอาจารย์บอกว่าทำได้ เพราะวัดป่าสามารถปรุงอาหารฉันเองได้ แต่นี่ดูเอิกเกริกไปเพราะนั่นคือท้องสนามหลวง และเห็นว่าดาราหลาย ๆ คนก็ไปทำประโยชน์ให้ส่วนร่วม ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าเป็นงานมูลนิธิที่จะออกไปร่วมงานก็คืองานทอดกฐิน อย่างเมื่อวานก็ไปเพชรบูรณ์ไปทอดกฐินมา ส่วนงานแจกของน้ำท่วมก็ไม่มีแล้ว”
บวชครั้งที่ 2 และเป็นวันที่ปลื้มปีติที่สุด
“มันปลื้มปีติมาก เคยบวชครั้งหนึ่งแล้วตอนสมัยอายุ 25 ตอนนั้นเบญจเพสพอดี บวชได้ 20 กว่าวันบวชแล้วไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ บวชแล้วต้องไปโน่นไปนี่ บวชแล้วทางนั้นทางนี้นิมนต์ คือ เราไม่มีการสวดมนต์ได้นั่งสมาธิอะไร แต่บวชครั้งนี้แค่ 2 - 3 วันที่ผ่านมา รู้สึกมันปลื้มปิติมากแล้วได้บวชถวายพระองค์ท่าน เมื่อคืนนั่งสวด นั่งมองพระองค์ท่านรู้สึกปลื้มปิติมาก และสบายใจที่สุดในการที่ได้บวชในครั้งนี้”
“ในสื่อต่าง ๆ ในโซเชียล อาตมาปลื้มใจนะที่หลาย ๆ คนออกมาทำความดีถวายพระองค์ท่าน เพื่อเป็นพระราชกุศลให้พระองค์ท่าน ไม่ว่าจะกิจกรรมอะไรก็แล้ว บางครั้งการทำให้กับพระองค์ท่าน ก็ไม่จำเป็นต้องให้ใครรับรู้หรือเห็น เพียงแต่ว่าเราทำแล้วรู้สึกสบายใจ อิ่มเอมใจ แค่นั้นเราก็มีความสุขแล้ว บางคนต้องออกมาให้คนได้รับรู้ อาตมาก็โอเค มันก็มีส่วนให้คนรู้สึกอยากทำตาม นั่นคือดาราหลาย ๆ คน ขนาดดารายังเสียสละมาทำแบบนี้ คนที่ไม่ได้เป็นดารา เขาก็อยากทำเหมือนดาราเหมือนกัน เพราะฉะนั้นการตั้งใจทำอะไรให้กับพระองค์ท่าน”
วอนอย่าแชร์ต่อสิ่งที่ไม่ดี
“ถ้าทำดีทำได้หมดครับ แล้วต้องขอฝากคนที่กำลังจะทำสิ่งที่ไม่ดีโดยการหมิ่นพระองค์ท่าน โดยการต่อว่าคนส่วนรวม ทำไปทำไม เพื่ออะไร อาตมาขอนะครับ ถ้าท่านไม่นับถือไม่อะไรก็อยู่ในใจ อย่าออกมาทำให้พวกเราเกิดมีโมโห รู้สึกว่ามันไม่เป็นกุศลเลย ทำให้จิตใจอยากจะเข่นฆ่า อยากจะต่อว่า อาตมาว่ามันไม่ดี ถ้าใครไม่ชอบก็เก็บไว้ในใจก็คือจบ ออกมาในโลกโซเชียลแล้วหลาย ๆ คนทำให้ อาตมาเองแม้กระทั่งบวชแล้วก็ยังรู้สึกว่าพยายามทำใจตลอด ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา เราทุกคนก็ขอให้เห็นใจทุก ๆ ฝ่ายนะครับ เพราะเจ้าหน้าที่เขาก็พยายามกวดขันตรงนี้อยู่ ถ้าเจอสิ่งที่เลวร้ายก็ขอร้องอย่าไปแชร์ต่อ หรือทำให้เขารู้สึกประสบความสำเร็จในการยั่วยุพวกเราที่เป็นชาวพุทธที่รักพระองค์เหนือชีวิตพวกเรา ขอฝากไว้ด้วยครับ”
เมืองนอกยังให้ความสำคัญ พระองค์ท่านเป็นเทพ คือ ศูนย์รวมจิตใจคนไทยทั้งชาติ
“ประชาชนคนไทยหลายสิบล้านคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ที่จะถวายสักการะพระองค์ท่าน เห็นน้ำใจของหลายๆ คนที่มีต่อพระองค์ท่านมาช่วยเหลือกันมาเกื้อกูลกัน เห็นความศรัทธาที่ยิ่งใหญ่มาก ทำให้เรารู้ว่าประเทศชาติวันนี้พระองค์ท่านคือจุดศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งหมด ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศ เราเห็นสิ่งต่าง ๆ ขนาดได้ดูข่าวว่าฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่กำลังจะแข่งขันกัน ก่อนแข่งขันเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมี โอ้โห เป็นอะไรที่แบบ อาตมาว่าถ้าอาตมายืนอยู่ในสนามตอนนั้น คงกลั้นน้ำตาไม่อยู่แน่ มันเป็นอะไรที่ทั่วโลกไม่ใช่แค่ประเทศไทยที่ให้ความสำคัญกับพระองค์ท่านมาก สิ่งนี้เรารู้เลยว่าพระองค์ท่านไม่ใช่บุคคลธรรมดา พระองค์เป็นเทพ สิ่งที่สัมผัสและรู้สึกได้”
เคยมีวันที่ดีที่สุด รับของที่ระลึกจากพระหัตถ์ในหลวง
“ในชีวิตหนึ่งเคยเข้าเฝ้าฯ เมื่อปี 2534 หรือ 2535 ได้เข้าเฝ้าฯ พระองค์ท่าน ได้รับของที่ระลึกจากพระหัตถ์พระองค์ท่าน ตอนนั้นมันเป็นอะไรที่ปลาบปลื้มมาก ตลอดที่อาตมานั่งอยู่ในห้องดุสิต สายตาไม่เคยละพระพักตร์พระองค์ท่านแม้แต่เสี้ยววินาที จนกระทั่งไปรับจากพระหัตถ์พระองค์ท่าน เป็นวันที่อาตมาจดจำมาถึงทุกวันนี้ เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต ที่ได้รับของที่ระลึกจากพระองค์ท่าน”
ขอเดินตามรอยในหลวงเรื่องการให้ จนกว่าชีวิตจะหาไม่
“เรื่องเกี่ยวกับการให้ พระองค์ท่านเป็นบุคคลที่ให้ ตั้งแต่ 70 ปีที่ครองราชย์ พระองค์ทรงให้กับพสกนิกรชาวไทย ให้อาชีพ ให้ทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่ลมหายใจ ที่หลายคนเจอพระองค์ท่านแล้วชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นอาตมาก็เอาตรงนี้มาทำให้ตัวเองเป็นคนที่ให้มาตลอด ระยะเวลา 30 กว่าปีทีทำงานร่วมกับมูลนิธิกตัญญูก็ให้มาตลอดจนมาให้ทางด้านหน้าแฟนเพจ ออกไปเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชน ก็เป็นการให้เหมือนกัน จะเจริญรอยตามพระองค์ท่านไปตลอดชีวิตจะหาไม่”