เปลือยใจ “สกาย วงศ์รวี” เจ้าของวลีเด็ด “500 รุก ไซร้ ชัก ไม่รีบ” จากซีรีส์ I hate you I love you ฟุ้งใคร ๆ ก็อยากซื้อ เผย ตกม้าตายฉากเข้าม่านรูด ทำกองถ่ายเลท 2 ชม. จูนอารมณ์ไม่ติด รู้ตัวเล่นละครไม่ดี พูดไม่ชัดเพราะเป็นโรคลิ้นขี้เกียจ กดดัน ชม. บินน้อย เร่งเรียนร้องเพลงฝึกการออกเสียงให้ถูกต้อง ประกาศลั่นการแสดงให้ 6 แต่ความพยายามให้ตัวเองเต็ม 10 เรื่องหน้าจะดีกว่านี้ให้ดู!
เรียกว่า ดังตั้งแต่ปล่อยทีเซอร์เลยก็ว่าได้ สำหรับ “สกาย วงศ์รวี” นักแสดงซีรีส์ I hate you I love you เจ้าของสโลแกน 500 รุก ไซร้ ชัก ไม่รีบ โดยล่าสุดหนุ่มสกายเปิดใจว่า ฟีดแบ็กดีมาก ไปไหนมาไหนมีแต่คนตะโกนถามว่า 500 จริงหรือเปล่า ส่วนกระแสวิจารณ์ว่าเล่นละครไม่ดีตนก็น้อมรับ ตอนนี้กำลังเร่งเรียนร้องเพลงเพื่อฝึกออกเสียงใหม่แก้ปัญหาพูดไม่ชัดเพราะเป็นโรคลิ้นขี้เกียจ
“ตอนนี้เวลาไปไหนมาไหนก็มีคนมาถามตั้งแต่ ep.1 แล้วว่าใครฆ่านานะ ขนาดไปมหาลัยเพื่อนก็ยังถาม รวมไปถึงที่บ้านเองแม่ก็ยังถามว่าใครฆ่านานะ และพอคนถามมาก ๆ เราก็รู้สึกสะใจ (หัวเราะ) ซึ่งตัวเราเองก็อยากจะเล่าให้ฟังนะเพราะเราก็รู้ว่าตอนจบคือใคร แต่พอถามกันมาก ๆ เราเลยสะใจ”
“ถามว่ามีคนทักมากกว่าเมื่อก่อนมั้ย ปกติเวลาเจอคน นอกจากจะถามเรื่องนานะแล้ว ก็จะพูดตามประโยคในซีรี่ย์ว่า 500 ทำอะไรได้บ้าง แต่เราก็ไม่ได้ตอบกลับไปนะ เพราะว่าเขาตะโกนถามมาว่า 500 จริงเหรอ แต่พอเราหันไปก็ไม่รู้ว่าใครเรียก ซึ่งมันเป็นประโยคที่เขาไปรีเสิร์ชมาจริง ๆ (ตอนแสดงคิดว่ามันจะฟีคแบคดีขนาดนี้ไหม?) ตอนแรกก็ไม่คิดว่าฟีดแบ็กมันจะดีขนาดนี้ แต่อย่างที่บอกว่าประโยคนี้มันมาจากคนที่ทำอาชีพนี้จริง ๆ แต่ตอนถ่ายจำไม่ได้ว่ากี่เทคเพราะตอนถ่ายเป็นตอนตี 3 และครบ 24 ชม. ที่ถ่ายพอดี”
“พอ ep.2 ออนแอร์ไป กระแสก็ดีนะครับ บางคนก็ชอบ บางคนก็มีคอมเมนต์มาบ้าง ในกระแสที่ชอบก็คือชอบแซวว่า 500 ทำอะไรได้บ้าง แต่บางคนก็ให้มากกว่า 500 บาทนะครับ (หัวเราะ) บางคนชอบเนื้อเรื่อง แต่บางคนเขาก็ขัดใจว่าไม่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าใครฆ่านานะเลย”
น้อมรับกระแสวิจารณ์ จะนำมาปรับปรุง บอกไม่โกรธไม่เสียใจเพราะตนก็ยังเล่นได้ไม่ดี เผยฉากเข้าม่านรูดยังจูนกันไม่ติด ทำกองเลทไป 2 ชม.
“ในส่วนกระแสที่ถูกด่า เราก็ได้อ่านนะครับ เราก็น้อมรับและเอามาปรับปรุง แต่ผมก็ไม่ได้โกรธเขาหรือว่าเสียใจนะครับ เพราะเขาพูดในฐานะของคนดู แต่อย่างบางฉากเราดูว่ามันก็ยังไม่โอเค อย่างซีนแรกที่เราได้ถ่ายซีรีส์เรื่องนี้คือฉากในโรงแรมม่านรูด เรียกได้ว่าเราเล่นยังไม่ดีเลยก็ว่าได้ เป็นซีนแรกที่เราเข้าฉากและเรายังจูนเข้ากับบทของโจไม่ได้”
“ซึ่งตอนถ่ายฉากนี้เลยทำให้กองเลทออกไปอีก 2 ชม. มันกดดันทั้งเวลาที่เขาต้องไปถ่ายซีนอื่นด้วย แต่เราก็ทำเต็มที่ที่สุดในซีนนั้น แต่หลังจากนั้นเราก็เริ่มจูนเข้ากับคาแรกเตอร์ขึ้นเรื่อย ๆ เพราะอย่างแรกผมยอมรับเลยว่าบทมันไกลตัวเรามาก แต่ผมก็ต้องขอบคุณพี่ๆ ที่เลือกผมมารับบทโจ ซึ่งเราก็เป็นนักแสดง เราได้รับมอบหมายมาให้แสดงบทนี้ เราก็ต้องทำให้เต็มที่ ที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ในเวลาตอนนั้น”
ออกตัวพูดไม่ชัดเพราะเป็นโรคลิ้นขี้เกียจ เร่งเรียนร้องเพลงฝึกการออกเสียงให้ถูกต้อง
“และอย่างบางคอมเมนต์ก็บอกว่าเราเหมือนพูดในลำคอ คือก่อนหน้านี้เราได้ไปเรียนร้องเพลงกับครูโรจน์ ครูเขาก็เทสต์การออกเสียงของเราว่าเกิดมาจากอะไร เทสต์หลายอย่างมากจนเขาบอกว่าเราเป็นเลซี่ทัง หรือพูดง่าย ๆ ว่า เป็นโรคลิ้นขี้เกียจ เมื่อก่อนผมเป็นคนพูดน้อย ทำให้ลิ้นขยับน้อย กล้ามเนื้อไม่ค่อยขยับ เลยต้องเปลี่ยนมาพูดเยอะ ๆ ตอนนี้ก็เรียนร้องเพลงเป็นการช่วยวอร์ม มันเหมือนนักร้องเวลาที่เขาร้องเพลง เสียงก็จะออกมาจากกระบังลม แทนที่จะออกมาจากลำคอ อย่างเวลาเราเล่นละครเราก็ฝึกงับคำให้ตรงเพราะบางคำเราก็ยังไม่คล่อง”
กดดัน ชม.บินน้อยที่สุด
“ก็กดดันนะครับ พวกพี่ ๆ เขาเก่งมาก พวกพี่ ๆ เขาจะส่งมาแรงมาก โดยเฉพาะพี่ปันปัน แต่ไม่ได้เกร็งนะครับ เพราะบางครั้งเราจูนไม่ค่อยติด (แล้วพี่ย้ง ผู้กำกับ เกร็งมั้ยที่ได้ร่วมงานกับพี่เขา?) ไม่ได้เกร็งหรือกลัวนะครับ อย่างเวลาที่เขาด่าเราเพราะเขาสอนให้เราพัฒนาตัวเอง ไม่ได้ด่าให้เราร้องไห้ พี่ย้งจะเป็นสไตล์ที่ด่าให้เราสู้ไม่ใช่ให้เราท้อหรือว่าถอย เพราะตอนเล่นฮอร์โมนก็โดนด่าหนักกว่านี้อีกครับ (หัวเราะ)”
“ไม่เคยถามว่าทำไมพี่ย้งเลือกเรามาเล่นเหมือนกันครับ เพราะผมรู้สึกว่าถ้าพี่เจาไว้วางใจในตัวของเราแล้ว เราก็อยากทำให้มันเต็มที่”
รู้ได้ไงหน้าแบบนี้รับบทเป็นโจรไม่ได้ อยากให้ติดตามเรื่องต่อไปรับรองจะเล่นให้ดีกว่าเดิม
“ถามว่าระหว่างพละกับโจ บทไหนยากกว่ากัน ก็ต้องบทโจครับ อย่างพละมันยังมีเค้าโครงมาจากตัวเรา เป็นเด็กนักเรียน ม.ปลาย แต่พอมาบทโจนี่ไม่มีอะไรเหมือนเราเลย เพราะความเป็นโจนี่ถ้าเทียบกับตัวเราแล้ว โจเขาผ่านประสบการณ์มาอย่างมากมาย ผมว่าประสบการณ์ของโจถ้าเทียบกับคนทั่วไป เขาน่าจะอายุสัก 40 นะ เขาโชกโชนกว่า”
“(แต่บางเสียงก็บอกว่าหน้าอย่างสกายไม่น่าเป็นโจร เอามีดแทงใครไม่ได้?) อันนี้ก็ไม่แน่นะ (หัวเราะ) แต่ผมว่าสมัยนี้บางคนหน้าตาดี แต่บางทีนิสัยหรือว่าข้างในเขาไม่ได้ดีเหมือนหน้าตาเขาก็ได้ เขาอาจจะร้ายลึกก็ได้นะครับ ส่วนที่บางคนบอกว่าเล่นไม่ดีไม่เป็นไร แค่หน้าตาดี แค่นี้ก็ให้ผ่าน ก็อยากให้ทุกคนรอดูเรื่องต่อไป เพราะผมจะทำให้ดีกว่าเดิมนะครับ เพราะเรื่องต่อไปรับบทเป็นนักแบดในโปรเจคเอส”
“ก็อยากจะขอบคุณทุกคำติชม ผมสัญญาว่าจะเอาไปพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ๆ ไป ส่วนคะแนนที่ให้ตัวเองถ้าเต็ม 10 ผมก็ให้สัก 6 พอครับ แต่ถ้าในเรื่องความพยายามผมให้ตัวเองเต็ม 10 เลยครับ (ยิ้ม)”