เรียกได้ว่าเป็นที่ฮือฮาทีเดียวสำหรับคอนเสิร์ตครั้งที่ 3 ของหนุ่มๆ EXO กับคอนเสิร์ตที่มีชื่อว่า “EXO PLANET #3 - The EXO’rDIUM - in BANGKOK” ซึ่งจัดขึ้น 2 วันคือวันที่ 10-11 ก.ย. ที่ผ่านมา แต่งานนี้พิเศษสุดเมื่อคอนเสิร์ตวันสุดท้ายมีพิธีกรดังอันดับหนึ่งของเกาหลี “ยูแจซอก” มาร่วมแจมโชว์แดนซ์บนเวทีจนแทบจะกลมกลืนประหนึ่งเป็นอีกหนึ่งสมาชิกของวงเลยทีเดียว
โดยคอนเสิร์ตครั้งที่ 3 ของหนุ่มๆ EXO ที่ประกอบด้วย ซิ่วหมิน, ซูโฮ, เลย์, แบคฮยอน, ชานยอล, เซฮุน, ดีโอ, เฉิน และ ไค ได้จัดขึ้นที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 2 ต่อจากประเทศเกาหลีบ้านเกิด ซึ่งความแรงของคอนเสิร์ตครั้งนี้เริ่มร้อนแรงมาตั้งแต่วันประกาศขายบัตร เพราะเมื่อถึงวันจำหน่ายบัตรจริงๆ ก็สามารถขายหมดเกลี้ยงภายใน 3 นาทีทำเอาแฟนคลับหลายคนเสียดายไปตามๆกัน
ส่วนคอนเสิร์ตครั้งนี้ก็ต้องบอกว่ามีการจัดเต็มทั้งแสง สี เสียง เอ็ฟเฟ็กต์ สุดตระการตา และที่สำคัญที่สุดคือแฟนๆชาวไทยยังจะได้มีส่วนร่วมประสบการณ์ความสนุกกับแท่งไฟรุ่นใหม่ EXO OFFICIAL LIGHT STICK VER.2.0 ที่สามารถเปลี่ยนสีได้ตามจังหวะเพลงผ่านการเชื่อมต่อแอพพลิเคชันทางโทรศัพท์ “Wyth” (วิธ) เพราะทันทีที่เริ่มคอนเสิร์ต แท่งไฟที่แฟนๆถือก็ติดไฟสีเงิน สีประจำวงของ EXOขึ้นเองอัตโนมัติหลังจากที่มีการปล่อยสัญญาณจากทีมงานเพื่อเป็นการบอกใบ้ว่าคอนเสิร์ตกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู เขียว ฟ้า แดงฯลฯ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้บรรดาแฟนคลับเป็นอย่างมาก
เริ่มต้นเปิดตัวด้วยวีทีอาร์สุดยิ่งใหญ่ๆ กับพลังพิเศษของหนุ่มๆที่เป็นคอนเซ็ปท์ติดตัวมาตั้งแต่อัลบัมแรก ก่อนที่หนุ่มๆ EXO จะกระจายเปิดตัวบนเวทีตามมุมต่างๆ เพื่อเซอร์ไพร์สแฟนๆ จากนั้นก็เข้าสู่เพลงเดบิวต์อย่าง MAMA ที่มาในเวอร์ชันรีมิกซ์ ก่อนจะต่อเนื่องด้วยเพลงจากผลงานการคัมแบ็คล่าสุดที่นำมาแสดงครั้งแรกอย่าง Monster และตามต่อด้วย Wolf ซึ่งทั้ง 2 เพลงต่างก็มีช่วงแดนซ์คั่นกลาง ซึ่งในเพลง Wolf ยังมีการเต้นประกอบกราฟฟิคบนจอแอลอีดีขนาดยักษ์ด้านหลังด้วย
เข้าสู่ช่วงการพูดคุยทักทายแฟนๆ ที่หนุ่มๆต่างดีใจที่ได้กลับมาเปิดการแสดงที่เมืองไทยอีกครั้งพร้อมกับขอโทษที่ปล่อยให้แฟนๆชาวไทยรอกันมานาน ก่อนจะเข้าสู่การแสดงที่ตื่นตาตื่นใจอีกครั้งกับการเต้นผ่านม่านน้ำฝนกลางเวที โอบล้อมหนุ่มๆไว้กลางวงในเพลง White Noise เข้ากับเนื้อเพลงและบรรยากาศ
จากนั้นหนุ่มๆก็กระจายตัวกันไปตามจุดต่างๆของเวที เป็นคู่ๆ เพื่อแสดงในเพลง Thunder และ Play Boy จนมาถึงเพลงที่ทุกคนรอคอยอย่าง Artificial Love ที่หันมาควงไม้เท้าเต้นคู่กันไปด้วยลีลาสุดเซ็กซี่ยั่วยวนทำเอาแฟนคลับกรี๊ดกันสนั่นกับลีลาที่โตขึ้นของหนุ่มๆ
พักจากลีลาเซ็กซี่ยั่วยวนกลับมาสู่โหมดสดใส เมื่อEXO กลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อโผล่มาจากตู้เสื้อผ้า และโทรทัศน์ด้วยลีลาน่ารักๆในเพลง Unfair ซึ่งงานนี้หนุ่ม ไค ที่มีอาการบาดเจ็บที่ขาจนไม่สามารถร่วมเต้นกับเพื่อนๆบนเวทีได้ ก็โผล่มาร่วมนั่งร้องเพลงบนเวทีกับเพื่อนๆ ซึ่งแฟนคลับของเขาก็กรี๊ดกันสนั่นที่ได้เห็นเขาบนเวทีด้วย
และแฟนๆก็ยังจะได้เห็นหนุ่มๆพร้อมหน้าพร้อมตาบนเวทีกันอีกยาวๆ เมื่อเข้าสู่ช่วงอคูสติกที่ขนเอาเพลงช้ามาร้องรวมถึงการนำเพลงแดนซ์อย่าง Call Me Baby มาร้องในเวอร์ชันอคูสติกเช่นกัน โดยมี 2 หนุ่มนักดนตรี เลย์ และ ชานยอล ร่วมบรรเลงกีตาร์เอง
มาสู่ช่วงที่แฟนคลับจะได้มีส่วนร่วมไปกับหนุ่มๆ EXO แบบเต็มตัว เมื่ออุปกรณ์อย่างแท่งไฟที่ทุกคนใช้โบกไปมาในคอนเสิร์ต จะกลายเป็นอุปกรณ์ประกอบการเต้นที่หนุ่มๆ EXO ถึงขั้นต้องทำคลิปออกมาล่วงหน้าก่อนเดินสายทัวร์สอนท่าเต้นให้แฟนๆร่วมโบกแท่งไฟเต้นไปกับพวกเขาในเพลง Tender Love และแฟนคลับทุกคนก็ให้ความร่วมมือกันดีมากจริงๆ พร้อมใจกันโบกตรงตามสเต็ปที่หนุ่มๆเคยสอนไว้ทุกประการ และสนุกกันต่อกับ Love Me Right เพลงที่ฮิตกระหึ่มกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว
ตามมาด้วยการแสดงในเพลง ONE and Only กับลีลาที่โตขึ้นเต้นอยู่บนผืนน้ำทำให้ทุกสเต็ปมีสายน้ำกระจายไปรอบๆตลอดเวลาเพิ่มความเซ็กซี่ให้พวกเขา โดยเมนเต้นอย่าง เลย์ และ เซฮุน ก็โชว์เดี่ยวๆกับลีลายั่วยวนสุดใจเปียกน้ำทั้งตัวให้สาวๆรอบฮอลล์กรี๊ดกันสนั่นหวั่นไหวกัภาพเสื้อเชิ้ตแนบเนื้อเห็นกล้ามอกของหนุ่มๆ
มาถึงมุมน่ารักๆของหนุ่มๆกันบ้าง ที่คราวนี้แปลงร่างเป็นภูติจิ๋วในเพลง Heaven ที่ช่วงจังหวะนี้แฟนๆได้ทำโปรเจ็กต์มงกุฎกระดาษมาใส่บนศีรษะ โดยคอนเสิร์ตวันแรกเองก็มีโปรเจ็กต์ลักษณะเดียวกันแต่เป็นหมวกกระดาษรูปกรวยเพื่อใส่ร่วมธีมกับศิลปินบนเวที โดยมีการสวมไว้ตลอดในช่วงเพลงสดใสน่ารักอย่าง XOXO, Girl X Friend และ 365 โดยในเพลงหลังนี้หนุ่มๆก็ยังคงหยิบแท่งไฟมาเป็นอุปกรณ์ให้แฟนๆร่วมโบกไปพร้อมๆกันตามจังหวะท่าเต้นเช่นกัน
เวทีกลับมาร้อนแรงอีกครั้งเมื่อหนุ่มๆมาแสดงในเพลง Overdose และ Transformer ตามมาด้วย Lightsaber โดยบรรดาหนุ่มๆที่ไม่ใช่เมนเต้นและไม่เคยโชว์ลีลาเปียกน้ำมาก่อนก็ถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกในช่วงท้ายของเพลง ก่อนจะหยิบดาบเรืองแสงมาฟาดฟันไปบนสายน้ำและสายฝนกลางเวที ทำเอาตื่นเต้นที่ได้เห็นหนุ่มๆเปียกปอนกันครบวง
จากนั้นหนุ่มๆก็พากันพูดคุยคั่นเวลาระหว่างสลับกันไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ด้านหลังเวที โดนงานนี้เฉิน หนุ่มเสียงสูงของวงก็มาโชว์ลีลาร้องเพลงประกอบซีรีย์สุดฮิต ที่มีข่าวว่าในคอนเสิร์ตวันแรกเจ้าตัวโชว์เพลง Everytime จากซีรีย์ Descendant of The Sun ไปแล้ว ในวันคอนเสิร์ตส่งท้ายเจ้าตัวจึงขอร้องเพลงจากซีรีย์ที่ ดี.โอใ ร่วมแสดงอย่าง It’S O.K That’s Love บ้างซึ่งแฟนๆก็ร่วมร้องคลอไปได้เป็นอย่างดีจนหนุ่มๆประทับใจที่แม้จะเป็นเพลงโซโลเดี่ยวของสมาชิกวงแฟนๆก็ยังคงติดตามและร้องเพลงของพวกเขาได้เช่นกัน และพอคุยกันไปได้สักพัก หนุ่มชานยอล โฆษกประจำวงก็เดินออกมาเพื่อขอยึดครองเวที ยืนอยู่บนเวทีใหญ่แต่เพียงผู้เดียวซึ่งเป็นสิ่งที่เขาใฝ่ฝันมานาน แต่ยืนอยู่ไม่ทันไร น้องเล็กน่ารักอย่างเซฮุน ก็รีบออกมาป่วนพี่ชายตัวแสบทันที ก่อนจะพากันทยอยออกมาเพื่อเข้าสู่ช่วงแดนซ์ไทม์อย่างเป็นทางการ
โดยหนุ่มๆยังบอกด้วยว่านี่คือการเริ่มคอนเสิร์ตอย่างแท้จริง พร้อมสอนแฟนๆร้องเพลงตามในเพลง Do It Together , Full Moon, Drop That
แล้วก็มาถึงช่วงเวลาพิเศษที่ทุกคนรอคอยกับการร่วมงานกันของ EXO กับพิธีกรอันดับหนึ่งของเกาหลีอย่าง ยูแจซอก ที่มาร่วมเต้นร่วมแจมกับ EXO บนเวทีในเพลง Dancing King ซึ่งก่อนหน้านี้มีการรายงานข่าวออกมาเป็นระยะๆเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ตัวท็อปเกาหลีอย่าง EXO กับ ยูแจซอก จะมาร่วมงานกัน โดยเป็นโปรเจ็กต์พิเศษที่เกิดขึ้นผ่านรายการ Infinity Challenge ที่พิธีกรร่วมรายการอยากเห็นเขาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของวง EXO และในที่สุดการร่วมงานกันของทั้งคู่ก็ได้เกิดขึ้นที่เมืองไทยซึ่งหนุ่มๆ EXO บอกด้วยว่าการแสดงเพลงใหม่ครั้งนี้ร่วมกับ ยูแจซอก อาจเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นก็เป็นได้ จึงทำให้การแสดงในชุดนี้ที่เมืองไทยนับเป็นโอกาสสุดพิเศษสำหรับแฟนๆชาวไทยที่ได้เห็นการแสดงชุดนี้
ต้องบอกเลยว่า ยูแจซอก ไม่ทำให้แฟนๆที่รอชมการแสดงของเขาผิดหวัง เจ้าตัวโชว์สเต็ปเทพได้อย่างกลมกลืนประหนึ่งเป็นสมาชิกของวง ทำเอาชานยอลต้องเอ่ยปากว่าเราได้สมาชิกน้องเล็กคนใหม่ของวงมาเรียบร้อยแล้ว โดยยูแจซอกที่มีอาการประหม่าเล็กน้อยก็กล่าวขอบคุณแฟนๆที่ให้การต้อนรับพร้อมกล่าวขอบคุณ EXO ที่ให้เขามาร่วมแจมในคอนเสิร์ตครั้งนี้ โดยหนุ่มๆเผยว่า ยูแจซอก ทุ่มเทกับการแสดงครั้งนี้มากเพราะร่วมฝึกซ้อมฝึกเต้นกับหนุ่มๆนานนับเดือน เรียกได้ว่าคุ้มค่าสมกับการรอคอยมานานตั้งแต่ที่มีข่าวลือออกมาตั้งแต่ต้นปี โดยการแสดงครั้งนี้จะถูกนำไปเผยแพร่ออกอากาศในรายการ Infinity Challenge ซึ่งจะแพร่ภาพในวันที่ 17 ก.ย. นี้ด้วย
จากนั้นหนุ่มๆก็ยังคงแดนซ์กันต่อแบบไม่หยุดกับ Keep on Dancing และพาแฟนๆโบกมือตามจังหวะซ้ายขวา ก่อนจะเข้าสู่ช่วงพีคที่กระโดดตามกันแบบสุดตัวในเพลง Let Out The Beast เรียกได้ว่าร้อนแรงกันทั้งคอนเสิร์ตจริงๆ เพราะนอกจากการพร้อมใจกันกระโดดแบบไม่หยุดแล้ว เครื่องปรับอากาศในฮอลล์เกิดเหตุขัดข้อง งานนี้เลยร้อนแรงกันสุดๆแบบฉุดไม่อยู่ ทำเอาหลายคนเป็นลมลงไปนั่งพื้นกันเยอะทีเดียว ตามด้วย Lucky ที่ครั้งนี้มาในจังหวะรีมิกซ์ และ Run ที่แฟนๆต่างนั่งไม่ติดเมื่อหนุ่มๆกระจายตัวไปแจกความใกล้ชิดให้แฟนๆได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด ก่อนจะกลับเข้าไปด้านในให้แฟนๆได้ร้องอังกอร์พร้อมตะโกนเรียก EXO ไปจนถึงร้องเพลง Happy Birthday ให้หนุ่มเฉินที่เกิดเดือนนี้ด้วย
พร้อมกับกลับมาในช่วงท้ายของคอนเสิร์ตกับ Cloud 9 และ Growl และเพลงโชว์ลีลาเด็ด Lucky One ที่เด้งใส่กันจนแฟนๆหวีดร้องกันไม่หยุด รวมถึงการจับกลุ่มเด้งของ 3 หนุ่ม ดีโอ, ชานยอล และ ซูโฮ ก็ทำเอากรี๊ดกันลั่นฮอลล์เช่นกัน ก่อนจะปิดท้ายส่งแฟนๆกลับบ้านด้วยเพลง Angel ที่แฟนๆต่างก็ร่วมชูป้ายที่มีข้อความต่างๆทั้ง “เจอกันกี่ทีก็ยังทำให้ใจเต้นเหมือนเป็นครั้งแรกเลย”, “เหนื่อยไหมคะ จะส่งเสียงเชียร์ดัง ๆ นะ”, “สมกับเป็น EXO ที่เปล่งประกายอยู่เสมอ” และ “รอยยิ้มของ EXO คือ ความสุขของ EXO-L” จนหนุ่มๆ EXO ถึงกับเอ่ยปากว่าเสียงกรี๊ดของ EXO-L ชาวไทยนั้นพิเศษกว่าที่ไหน ๆ และช่วยเพิ่มพลังให้กับพวกเขาได้มาก ๆ ก่อนปิดฉากคอนเสิร์ตด้วยความประทับใจ ถือเป็นอีกหนึ่งคอนเสิร์ตที่ทาง SM True ได้จัดให้แฟนคลับชาวไทยมาสัมผัสความสนุกแบบอัพเกรดไปอีกขั้น และสร้างความทรงจำตามแบบฉบับของประเทศไทยร่วมกับบอยแบนด์ที่มาแรงที่สุดในตอนนี้อย่าง EXO