xs
xsm
sm
md
lg

“ชิน” ไม่เอาชีวิตแม่-น้องมาเสี่ยง! ปล่อยมือเต้นขณะขับรถมีสติ โต้ใช้อภิสิทธิ์ออกจากกรมมารับงาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ชิน ชินวุฒิ” เปิดใจไร้อภิสิทธิ์ รับงานนอกไม่กระทบหน้าที่ทหาร มั่นใจไม่มีใครดรามา ขอโทษดรามาปล่อยมือร้องเต้นขณะขับรถ ยันมีสติ ไม่เอาชีวิตแม่ - น้องมาเสี่ยง หยอดรัก “ลิลลี่ ภัณฑิลา” มากขึ้นทุกวัน ดีใจที่อยู่เคียงข้าง เห็นคุณค่ากันมากขึ้น

โผล่มารับรายการ Your’re a Star ดาวปั้นดาว ต้องทำหน้าที่ปั้นดาวดวงใหม่ประดับวงการ สำหรับ “ชิน ชินวุฒิ อินทรคูสิน” โดยเจ้าตัวชี้แจงว่าการมารับงานนอกแบบนี้ไม่กระทบการทำหน้าที่ทหาร และตนได้ขออนุญาตผู้บังคับบัญชาเรียบร้อยแล้ว ยันไร้อภิสิทธิ์ใด ๆ

“จริง ๆ ผมก็ออกมาทำงานได้ รับงานได้ถ้าไม่กระทบงานหลวง งานหลวงคือเบอร์หนึ่ง เป็นภารกิจแรกที่ต้องทำทุกวัน แต่ถ้ามีงานแบบนี้ก็สามารถขอลาได้ แล้วแต่ผู้บังคับบัญชาเห็นควร คือ ลาปกติเลย สามารถลากิจ ได้หมด หากมันไม่กระทบกับงานหลัก และดูตามความเหมาะสม อย่างรายการนี้เป็นรายการเกี่ยวกับครอบครัวเด็ก ๆ กลุ่มคนเหล่านี้ คือ รากฐานของประเทศทุกอย่างก็ดูเหมาะดี”

ไม่หวั่นถูกวิจารณ์ได้รับอภิสิทธิ์เหนือใคร บอกตั้งใจทำทุกภารกิจในทุก ๆ วัน
“สิ่งที่เราทำทุกวันนี้ เราตั้งใจทำ ในทุกภารกิจจากผู้บังคับบัญชา เราทำเต็มที่ไม่ว่าจะงานอะไรก็แล้วแต่ งานสารคดี งานประชาสัมพันธ์ รวมถึงการเข้าเวร ทุกงานเราตั้งใจเต็มที่ ผมนั้นอาจจะร้องเหนื่อยกว่าเพื่อน ๆ คนอื่นด้วยซ้ำ เพราะเราเบิ้ลทุกอย่าง ที่ต้องทำทั้งภารกิจหลัก และภารกิจรวม เป็นอะไรที่ช่วยกันมากกว่า”

“ก่อนลาเราก็ต้องบอกอยู่แล้ว ต้องเรียนทุกอย่าง เช่น ตอนนี้ผมฝึกเสร็จแล้ว จะเป็น 10 สัปดาห์แรกที่ต้องฝึกพร้อมกันทั้งประเทศเท่านั้น สำหรับทหาร ผลัด 159 หลังจากนี้งานหลักก็จะเป็นไปตามกองพันและหน่วยต่าง ๆ ตอนนี้ภารกิจหลักของผมเป็นการประชาสัมพันธ์ ไปช่วยงานต่าง ๆ งานเหล่านี้มีแทบทุกวัน”

“ล่าสุด ผมได้มีโอกาสไปร้องเพลงที่งานคอนเสิร์ตป๋าเปรม (พลเอก เปรม ติณสูลานนท์) ผมตื่นเต้นมาก เป็นครั้งแรกที่ผมไปร้องเพลงในฐานะเป็นทหาร ก่อนหน้าสองปีผมก็มาร้องครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ฐานะมันต่างออกไปทำให้ผมตื่นเต้นมาก ทหารปกติจะได้รับหน้าที่ต่างออกไปในคุณลักษณะ ในแต่ละกองพันจะมีคนที่มีทักษะต่างกัน ก็จะไปทำหน้าที่ตามที่ตัวเองเก่ง “ซึ่งหน้าที่เหมาะกับผมที่ทำมาตลอด 13 ปีในวงการบันเทิง น่าจะเป็นส่วนประชาสัมพันธ์ การอยู่กับผู้คน มอบความสุขให้”

แต่ในวันนี้ผมทำในฐานะทหารที่เป็นหน้าที่ ที่เป็นเกียรติมาก ผมได้มีโอกาสดี ๆ หลายอย่าง ได้ถ่ายสารคดีของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผมได้ทำหลาย ๆ อย่าง ถ้าหากไม่ได้เป็นทหารคงไม่ได้ทำ ต้องขอบคุณผู้บังคับบัญชาทหารบก ที่ให้โอกาสนี้กับผม”

เชื่อเพื่อนทหารทุกคนเข้าใจ เพราะงานหลักยังเป็นงานกองทัพเหมือนเดิม
“งานหลักทุกวันนี้คืองานกองทัพ ที่ผมต้องคำนึงถึงก่อน เพื่อประเทศของเรา เพื่อกองทัพ เมื่อไหร่ที่มีงานเสาร์ อาทิตย์ ก็สามารถมารับงานได้ตามความเหมาะสม

“ทุกคนเข้าใจนะ ว่างานผมจะต่างไปจากเพื่อน ๆ แล้วบางคนก็มีงานที่ไม่เหมือนกับเราเลย ผมอยู่ในกองทหาร เกียรติยศ ทุกวันจะแต่งตัวกันเต็มยศ เพื่อไปรับแขกบ้านแขกเมืองที่มาจากต่างประเทศ แต่บางคนก็ไม่ได้อยู่ในตรงนี้ ก็ได้รับหน้าที่อื่นต่างออกไป ซึ่งเพื่อน ๆ ทหารเข้าใจกันดี ว่าหน้าที่หลักของพวกผมคือการประชาสัมพันธ์กองทัพ”

ไม่หวั่นกระแสดรามา ถ้าผู้บังคับบัญชาไม่อนุญาตตนก็ออกมาไม่ได้
“ไม่กลัวนะ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบมีลายลักษณ์อักษรชัดเจน ผมไม่ได้หนีออกมา ไม่ได้ทำอะไรผิด ทุกอย่างเป็นไปตามกฎ ให้มาก็มา ถ้าไม่อนุญาตก็ไม่มา มีบ้างที่ไม่ได้มาเพราะงานบางงานชนกับงานของกองทัพ เราคงเข้าใจได้ สำหรับผมมองว่าเป็นการช่วยกัน เราช่วยเขาเขาช่วยเรา การเป็นทหารไม่ได้เครียดอะไรขนาดนั้น”

“เสร็จงานก็กลับกองทัพ เพราะเราต้องปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง เราทำเท่าที่เราจะทำได้ ที่ไม่อนุญาตเราก็เข้าใจ เพราะเรามีงานที่ต้องทำก่อน ในสองปีที่อยู่ตรงนี้ ที่ได้รับหน้าที่เป็นพลทหารของกองทัพบก เราต้องทำหน้าที่นี้เป็นหลัก จะมีดรามาอะไรก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคน แต่สำหรับผม ผมได้ปรึกษากับกองทัพแล้ว ซึ่งท่านก็พิจารณาตามความเหมาะสม”

“ผมก็ฝึกเหมือนเพื่อน นอนดินก็นอนเหมือนเพื่อน อาบน้ำขันก็อาบเหมือนกัน ยุงกัด ดินโปะหน้า ข้าวคลุก ก็ทำเหมือนกันทุกอย่าง เราทำหน้าที่เหมือนคนอื่น ๆ แต่หน้าที่เราไม่เหมือนเพื่อนเท่านั้นเอง

ขอโทษปล่อยมือเต้นสุดเหวี่ยงขณะขับรถ ยันมีสติ ไม่เอาชีวิตแม่ - น้องไปเสี่ยง
“มันก็เป็นข้อดีของแต่ละคนนะ ผมรู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องมีดรามาบ้าง หลังจากที่ผมปล่อยคลิปออกมา ก่อนอื่นต้องขอโทษทุกคนด้วยที่อาจจะดูประมาท เพราะเข้าใจว่าผมเป็นคนของสังคม เป็นตัวอย่างของเด็ก ๆ ของทุกคน ผมเข้าใจเรื่องตรงนี้ ต้องขอโทษด้วยอาจจะดูประมาทไป แต่ผมอยากบอกว่า ผมจะไม่เอาชีวิตของแม่และน้องสาวไปเสี่ยงอยู่แล้ว ผมมีสติ คิด และทบทวน ก็แล้วแต่นะว่าใครจะมองเป็นข้ออ้าง แต่จังหวะที่ผมเต้น หรือทำอะไรบนรถตาผมโฟกัสที่ถนนตลอด แล้วผมก็เลือกใช้ถนนที่รถไม่เยอะไม่อันตราย และไม่ได้ขับเร็ว แต่เข้าใจนะว่าไม่ควรทำ ผมจะเอาคำติต่างๆ มาทบทวนเพื่อครั้งหน้าจะได้ไม่ทำอีก”

รับสวีต “ลิลลี่” ในวันเกิด ดีใจที่อยู่เคียงข้าง การเป็นทหารทำให้เห็นคุณค่ากันมากขึ้น
“โชคดีเสร็จงานวันที่ 12 ส.ค. พอดี ก็ดีครับ ดีใจที่มีคนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็เอาใจช่วยเรามาตลอด เราเห็นคุณค่ากันและกันมากขึ้นครับเป็นเรื่องที่สำคัญ ช่วงฝึก 10 อาทิตย์เราไม่ได้คุยกันเลย ไม่สามารถใช้มือถือได้ ไม่สามารถติดต่อกันได้ หลังออกมาแล้วทำให้เราเห็นคุณค่ากันและกันมากขึ้น มันก็เลยทำให้เราเห็นคุณค่าของเวลามากขึ้นด้วยครับ เวลาที่อยู่ด้วยกันแม้จะน้อยนิดเราก็ทำให้มันเต็มที่ครับ พยายามทำให้มันดีที่สุดครับ แค่อยู่ด้วยกันมันก็เป็นของขวัญที่ดีแล้วครับ จริง ๆ ครับ”

“(รักมากกว่าเดิม?) สำหรับส่วนตัวผมเองใช่ครับ เราเองก็พยายามเต็มที่ที่สุดเท่าที่จะสามารถในระยะเวลาที่เรามี เราอาจจะไม่ได้ฟรีดอมเหมือนเมื่อก่อน เรามีหน้าที่ความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งหน้าที่ แต่เมื่อไหร่ที่เรามีโอกาสได้คุยได้อยู่ด้วยมันก็ดีครับ ทำให้เราโตขึ้นด้วย ความสัมพันธ์เราก็โตขึ้นด้วย เราก็ใจเย็นลง เราก็เข้าใจอะไรมากขึ้น ดีครับ ก็ทำให้เราสวีตมากขึ้นด้วยครับ”

“แค่เป็นเขาก็พิสูจน์มากพอแล้วครับ อย่างที่เขาเป็นทุกวันนี้ก็พิสูจน์ให้ผมเห็นมากพอแล้ว หน้าที่ของผมก็ต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไป ผมเห็นคุณค่าตรงนี้ก็พยายามทำให้ดีที่สุด ในทุกหน้าที่ที่ทำ ส่วนคุณแม่ก็น้องสาวก็น่ารักทำเค้กให้ ของขวัญที่เขาซื้อให้ก็เป็นของที่เราใช้ ผมไม่ได้อยากได้สิ่งของ แต่สำคัญคือความรักและการเอาใจใส่ ปีนี้เป็นปีที่ดีที่สุด อายุ 27 ปี ก็โตขึ้นครับ”

ผมคบใครก็จริงจัง อยากให้ครอบครัวผมรัก และแฟน ๆ รักด้วย ถามว่ามองอนาคตมั้ย ก็ทำให้ดีที่สุดครับ นับตั้งแต่วันนี้ ก็ได้เจอครอบครัวน้องบ้าง มีโอกาสทานข้าวด้วย ครอบครัวเขาน่ารักมากครับ”



กำลังโหลดความคิดเห็น