เพจ “ลึกสุดตรีน” กัดไม่ปล่อย กรณีซิรี่ส์เจ้าปัญหา เอ๊ย !!! เจ้าเวหา ของผู้จัด 2 ผัว-เมีย “อั้ม-*อธิชาติ ชุมนานนท์” กับ “นัท มีเรีย”
หลังจากเปิดประเด็นเรื่องนางเอกเรียกค่าตัวเพิ่ม 1 ล้านบาทขาดตัว ค่าถ่ายซ่อมฉากจบ จนทั้งผู้จัด ผู้กำกับ ดาหน้าออกมาปฏิเสธเป็นพัลวัน ล่าสุดหลังจากที่ 2 ผัว-เมียออกมาแถลงข่าวเรื่องที่โดนแฉว่าเบี้ยวค่าตัวนักแสดง แต่ก็ดูเหมือนจะมีเงื่อนงำอำพรางอะไรบางอย่างที่หลายคนยังคาใจ
โดยในเพจดังกล่าว มีการเฉลยข้อมูลแบบ “ลึกสุดตรีน” ตามชื่อเพจ เพื่อสร้างความกระจ่าง ความว่า
ขุดข้อมูลลึก ที่อั้ม-นัทพูดไม่ได้
กรณีโดนแฉเบี้ยวค่าตัวนักแสดง
2 ผัว-เมียเพลียไม่เลิก กระโดดเป็นผู้จัดเรื่องแรก ก็มีปัญหาตามมาไม่หยุดหย่อน ล่าสุดอุตส่าห์ตั้งโต๊ะเคลียร์เรื่องที่โดนแฉว่าเบี้ยวค่าตัวนักแสดงในเรื่อง แต่ก็น้ำท่วมปาก พูดอะไรมากไม่ได้ เพราะคนที่รับเงินแล้วไม่จ่ายต่อ ไม่ใช่โมเดลล่ง โมเดลลิ่งอะไรที่ไหน แต่ที่แท้ก็ฝีมือคนกันเอง แถมยังมีบุญคุณต่อกันมาในฐานะที่ตัดสายสะดือให้อั้มแจ้งเกิดในวงการ ที่สำคัญเป็นคนดีลโปรเจ็กต์นี้มาให้ทำด้วย
ซ้ำร้ายแว่วมาว่าเผลอๆ อาจจะโดนเชือดนิ่มๆ ไม่ให้ทำภาค 2 -3 ต่อ แต่จะเปลี่ยนให้ทีมเกาหลีมาเทคโอเวอร์ทำแทน เพราะโดนอิทธิฤทธิ์นางเอกซ้ำเข้าไปอีกดอก
เลิกเป็นผู้จัด หันมาจับโปเกมอน น่าจะสนุกกว่านะ !!
งานนี้ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ก็เลยไม่พลาดที่จะไปสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมมารายงานต่อ
ประเด็นแรก เรื่องผู้มีพระคุณที่อั้มนับถือนั้น เป็นอันรู้กันในวงการว่าหมายถึงผู้บริหาร “ค่ายนม” ซึ่งที่ผ่านมาก็เป็นคนกำหนดทิศทาง แทบจะเรียกได้ว่าเป็นคนชี้เป็นชี้ตายให้อั้มมาตลอด ในขณะเดียวกัน ก็ก่อคดีเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ มาหลายครั้งหลายครา จนคนในวงการเอือมระอา และกาดอกจันตัวแดงๆ ว่าชาตินี้ไม่ขอร่วมสังฆกรรมกันอีก
วีรกรรมก่อนหน้านี้ บังเกิดแก่ช่องดิจิตอลช่องหนึ่ง ที่เข้าไปเสนองานจนผ่านฉลุย ก่อนจะส่งผ่านให้ผู้จัดเชื้อสายสกุลดังไปดำเนินการต่อ แลกกับการฟันค่านายหน้าจนหัวแบะ
ผละจากช่องนั้น ก็เบนเข็มมาดีลช่องใหม่ โดยการยืมมืออั้ม ในฐานะที่เป็นน้องคนสนิทมาเป็นคนออกหน้า อาศัยบารมีความเป็นพระเอกเบอร์ใหญ่ มาช่วยให้การเจรจาเสนอโปรเจ็กต์ละครง่ายขึ้น ซึ่งก็สอดคล้องต้องกันกับความต้องการของอั้ม ที่อยากจะขยับขยายตัวเองขึ้นมาเป็นผู้จัดละคร เหมือนกับพระเอก-นางเอกร่วมรุ่น ซึ่งจริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ก็เคยเสนอตัวจะทำละครให้ช่อง 3 แต่ก็ไม่ผ่านการอนุมัติ เพราะคนกุมบังเหียนละครของช่อง กับผู้บริหารค่ายนมศรศิลป์ไม่กินกันอย่างแรง
พอผลการเจรจากับช่องใหม่ผ่านฉลุย อั้มได้เป็นผู้จัดละครสมใจ แต่ก็ต้องแลกกับการที่ไม่ได้ต่อสัญญากับช่อง 3
ส่วนผู้มีพระคุณรายนั้น ก็ฟันค่าหัวคิวเหนาะๆ ไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท ยังไม่นับการเป็นคนดำเนินการทำเรื่องเบิกจ่ายค่าตัวของบรรดานักแสดงสมทบในเรื่อง ที่ว่ากันว่าแค่ภาคแรกภาคเดียว มีการเสนอตัวเลขรวมสูงถึง 7 ล้านบาท (นี่ขนาดว่าไม่รวมค่าตัวของ 6 นักแสดงหลัก ที่ฟันกันไปไม่ต่ำกว่าคนละ 10 ล้านบาท)
ทีนี้เรื่องมาเกิด ก็เพราะค่าตัวเบิกไปแล้ว แต่ดันไม่ยอมไปจ่ายต่อ จนเป็นเหตุให้นักแสดงสมทบต้องมาทวงถามผ่านสื่อ จนเป็นเรื่องเป็นราวให้อั้ม-นัทต้องออกมาตั้งโต๊ะแถลง แต่จะพูดอะไรมากก็ไม่ได้ เพราะบุญคุณมันค้ำคออยู่
ข่าวว่า 2 ผัว-เมียก็เพียรพยายามโทร. ไปหวังจะเจรจาหลังไมค์ แต่ฝ่ายผู้มีพระคุณก็ยังไม่ยอมรับสาย จน ณ บัดนี้
ส่วนประเด็นเรื่องมีข่าวว่าเผลอๆ 2 ผัว-เมียอาจจะไม่ได้ทำซิรี่ส์ภาค 2-3 ต่อ เพราะทางช่องจะเปลี่ยนมือให้ทีมงานจากเกาหลีมาทำแทนนั้น เบื้องลึกเบื้องหลัง มีคนกระซิบมาว่านางเอกคนดังไปบีบน้ำตาปิดห้องเจรจากับผู้บริหารช่อง ว่าไม่ปลื้มทีมงาน โดยนัยก็คืออาจจะไม่พอใจที่มีข่าวหลุดออกมาเรื่องเรียกค่าตัวเพิ่มค่าถ่ายซ่อม เพราะข้อมูลลึกขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่คนวงในเป็นคนเม้าท์มอยเอง ข่าวจะลอยลมมาจากไหน !!?? เม้าท์กันขนาดนี้ จะให้มาร่วมงานกันอีก ก็คงไม่สนิทใจ
อีกเหตุผลหนึ่งของการเปลี่ยนทีมแบบยกเซ็ต ไล่มาตั้งแต่คนเขียนบท ก็คือช่องเองก็ไม่ค่อยปลื้มกับผลงานของภาคแรก ที่ทำออกมาแล้วเร็ตติ้งต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เหมือนทำดูกันเองในช่อง ส่วนหนึ่งอาจเพราะผู้จัดมัวไปเน้นที่ความยิ่งใหญ่ อลังการของกองทัพ แต่ขาดความมุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้งที่จะทำให้คนดูจิกหมอนนอนฟินเหมือนดูซิรี่ส์เกาหลี ทางช่องก็เลยจะหาคนเกาหลีมาทำแทนซะเรยยยยย ทีนี้ล่ะ จะได้มุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้ง ดูไปฟินไปสมใจ
แต่ขอเตือนไว้ว่า ต่อให้ทีมงานเกาหลีฝีมือดีขนาดไหน แต่ก็อาจจะไม่รู้วัฒนธรรมของดาราไทยเท่ากับทีมงานคนไทยด้วยกันเอง โดยเฉพาะดาราในภาค 2 -3 ที่ล้วนแล้วแต่เป็นระดับเทพด้วยกันทั้งนั้น
“ใหม่-ดาวิกา” ก็คนหนึ่ง ฤทธิ์เยอะขนาดไหน แม้กระทั่งบิ๊กบอสส์โพลีพลัสยังบอกลา ให้ตายทีมเกาหลีก็คงไม่รู้
ไหนจะ “แอนดริว เกรกสัน” ที่ล่าสุดเพิ่งสร้างวีรกรรมมาสดๆ ร้อนๆ ในกองละคร “เหมือนคนละฟากฟ้า” เมื่อจู่ๆ ประชาสัมพันธ์กองถ่ายดันถือวิสาสะพานักข่าวเข้ากองโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ผลก็คือพระเอกแอนดริวยิ้มเย็นๆ แล้วขับรถกลับบ้านเลยจ้า เป็นอันว่ากองวันนั้นก็เลยล้ม เพราะไม่มีพระเอกให้ถ่าย เรื่องแบบนี้เกาหลีก็คงไม่รู้อีกนั่นแหละ
วกกลับมาทีอั้ม-อธิชาติ จริงๆ แล้วอาจจะเร็วไปหรือเปล่าที่จะกระโดดขึ้นมาเป็นผู้จัด ประเด็นคือจะเอาตัวเองไปเทียบกับ “แอน ทองประสม” หรือ “หน่อย-บุษกร” คงไม่ได้ เพราะต้องยอมรับว่าทั้งแอน ทั้งหน่อย ณ เวลานี้ จะหาบทเด่นๆ ให้แสดงฝีมือได้ยากเย็นเต็มทน ถ้ายังรักจะอยู่เบื้องหน้า ก็ต้องยอมรับสภาพที่จะต้องถูกเลื่อนขั้นไปเป็นพี่ เป็นน้า เป็นแม่ ทั้งคู่ก็เลยจำเป็นต้องฉีกตัวเองไปยืนเบื้องหลัง อย่างน้อยที่สุด ชื่อก็ยังไม่หายไปจากวงการ แต่อย่างอั้มยังหากินกับการเป็นพระเอกได้อีกนาน เพราะพระเอกรุ่นใหญ่ระดับเดียวกัน นาทีนี้ก็แทบจะหาไม่ได้แล้ว ถ้าเฉพาะในช่อง 3 ระดับ ท็อปฟอร์มจริงๆ ก็เหลือแค่เคน-ธีรเดช, ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ , ป๋อ-ณัฐวุฒิ นอกนั้นก็ลงมาเป็นรุ่นณเดชน์ , หมาก-ปริญ ,บอย-ปกรณ์
แต่ก็ใช่ว่าหนทางการเป็นผู้จัดจะอับเฉาเสียทีเดียว เพราะเมื่อไม่ได้ขึ้นตรงต่อผู้บริหารค่ายนมแล้ว ตอนนี้อั้มก็เตรียมตัวเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า กลับมาตายรังที่ช่อง 3 เหมือนเดิม โดยมีผู้จัดรุ่นใหญ่อย่าง “อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์” เปิดหัวแหวนกรุยทางเจรจากับผู้บริหารไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแต่ว่าคงต้องเคลียร์ซิรี่ส์เจ้าปัญหา เอ๊ย !! เจ้าเวหานี้ให้จบก่อน ว่าจะได้ทำต่อ หรือว่าพอแค่นี้
ก็ได้แต่หวังว่าจากนี้ คงไม่ต้องมีเรื่องราวให้ต้องตั้งโต๊ะแถลงข่าวกันอีก อ่านข่าวแล้วเพลียแทน !!!
ที่มา นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 352 13-19 สิงหาคม 2559