“ปันปัน” มาตามนัด แถลงยอมรับผิดทุกดอก ขอโทษ “น้ำชา” ที่โพสต์ด่า ก-หรี่ รุนแรงเกินไป งงว่าโพสต์ไปได้อย่างไร ขอลงโทษตัวเองด้วยการออกจากต้นสังกัด แต่ไม่ยอมออกจากวงการ เพราะออกไปเดินไปไหนมาไหนคนก็จำได้อยู่ดี เผยพ่อ โทร.มาต่อว่า สอนมาดี ให้ทุกอย่าง ทำไมชอบทำลายชีวิตตัวเอง
มาตามนัดแล้วสำหรับ “ปันปัน สุทัตตา” หลังจากโพสต์ด่า “น้ำชา สุชีรา” นักแสดงรุ่นพี่ว่า “อี ก-หรี่” เมื่อวันก่อนจนกลายเป็นข่าวใหญ่โต เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องฉาวครั้งแรกของปันปัน ก่อนหน้านี้ ก็เจอเรื่องภาพหลุดเสพยา ครั้งก่อนปันปันได้แต่หลบหน้าไม่ให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้ไม่ต้องให้ผู้สื่อข่าวตามสืบให้เสียเวลา เพราะทันทีที่ข่าวออกเจ้าตัวก็ประกาศจะออกมาเปิดใจถึงเรื่องราวทั้งหมด หลังจากกลับพักผ่อนที่ภูเก็ต และทันทีที่ปันปันเดินทางมาถึงสนามบิน ก็เปิดแถลงข่าวทันที โดยยอมรับผิดทุกอย่าง และขอโทษน้ำชา ขอโทษครอบครัว ขอโทษต้นสังกัด ที่ทำให้เกิดผลกระทบ ยอมรับว่า โพสต์รุนแรงเกินไป และงงกับตัวเองว่าทำไปได้อย่างไร พร้อมทั้งรับผิดชอบการกระทำครั้งนี้ ด้วยการลงโทษตัวเองออกจากต้นสังกัดนาดาว เพราะเกรงใจบริษัทที่ทำเรื่องเสื่อมเสียหลายครั้ง จากนี้ไปขอเป็นนักแสดงอิสระ เผยพ่อ โทร.มาต่อว่า สอนมาดี ให้ทุกอย่าง ทำไมชอบทำลายชีวิตตัวเอง
“อย่างแรกเลยหนูต้องขอโทษก่อนสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบมาก ๆ พูดตรง ๆ เลยแล้วกันคือหนูก็ไปได้ยินเรื่องราวมา แล้วเราก็รู้สึกตกใจว่าคืออะไร ซึ่งเรื่องราวพวกนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับตัวหนูเลย เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว และเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา หนูผิดเองที่เข้าไปก้าวก่ายเขา อันนี้เรารู้สึกผิดจริง ๆ ที่เข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา เราก็เข้าใจถ้าเกิดวันหนึ่งมีคนเข้ามาว่า เป็นหนูก็โกรธเหมือนกัน ซึ่งหนูเข้าใจพี่น้ำชาเพราะเป็นหนูก็โกรธเหมือนกัน หนูก็ได้ โทร.ไปขอโทษพี่น้ำชา ขอโทษพ่อแม่พี่เขา ซึ่งก็มีการได้คุยกันแล้ว หนูรู้สึกผิดมาก ๆ แล้วรู้สึกผิดกับทางต้นสังกัดนาดาวด้วย หนูรู้สึกผิดกับการกระทำครั้งนี้มาก ๆ มันเป็นอะไรชั่ววูบจริง ๆ”
“ทันทีที่ทั้งหนูกับพี่น้ำชาว่างตรงกันก็จะนัดเจอกันทันที ส่วนเรื่องราวที่เป็นชนวนเหตุที่รับรู้มา ที่บอกว่าเกี่ยวกับ พี่มาร์ช จุฑาวุฒิ เอาเป็นว่ามันเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว หนูไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียดเพราะอย่างที่บอกมันไม่ใช่เรื่องของเราแล้วก็ไม่อยากที่จะพูด เพราะมันเป็นเรื่องของชีวิตเขาเอง ซึ่งเรื่องที่หนูรู้มาจริงไม่จริงยังไง เราก็ไม่ทราบเหมือนกัน”
“ส่วนเรื่องหึงหวงคือกับพี่มาร์ชเราก็เคยสนิทกันม๊ากมาก แต่มันก็ผ่านไปสักพักแล้ว ก็ไม่ได้คุยไม่ได้อะไรกันแล้ว ถามว่าหึงเขาสองคนไหมก็ไม่นะ คือ เขาทำงานด้วยกันก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะหนูก็สนิมกับคนที่หนูทำงานด้วย คือ เรื่องที่เราไปฟังมาแล้วรู้สึกทะแม่ง ๆ นิดหนึ่ง อาจจะไม่จริงก็ได้แต่ได้ยินมา ถามว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับพี่มาร์ชไหม ก็มีส่วน ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่หนูรู้สึกผิดเพราะมันเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว โดยตอนนี้หนูเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่มาร์ชแล้ว”
“คำที่หนูโพสต์มันแรงมากจริง ๆ หนูยังตกใจตัวเองเลย ก็รู้สึกผิดและขอโทษทุกคน เพราะหนูเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่ทำอย่างนั้น หนูขอโทษ (ตอนโพสต์มีสติครบหรือไม่) โอ้ย...อยู่ทะเล อยู่กับเพื่อน ก็ไม่ มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ เอาจริง ๆ หนูก็โพสต์ไป ก็งงตัวเองตอนนั้นเหมือนกัน ยังงงอยู่ถึงตอนนี้ว่าเราทำอะไรลงไป”
หลังจากโพสต์ไปก็มีกระแสโจมตีกลับมาเยอะ
“ก็อย่างที่เห็นว่าหลังจากโพสต์ไปหนูก็เลอะเหมือนกัน หนูก็ยอมรับว่าหนูทำจริง ๆ และขอโทษจริง และยอมรับว่าแคปชั่นแรงจริง ผิดตรงนี้จริง ๆ มองย้อนกลับมาถ้ามีคนมาทำแบบนี้กับหนู หนูก็ด่าเหมือนกัน ซึ่งหนูเข้าใจเขามาก ๆ ที่เขาโกรธขนาดนั้น”
“ถึงจุดนี้หนูไปคิดมาแล้วว่า บทลงโทษที่หนูจะให้ตัวเองคืนจะออกจากสังกัดนาดาว เพราะสิ่งที่มันเกิดขึ้นทำให้บริษัทเสียชื่อหลายครั้งแล้วด้วย หนูสงสารพี่จินา โอสถศิลป์ พี่ย้ง ทรงยศ สุขมากอนันต์ พี่เก้ง จิระ มะลิกุล และพี่วรรณ วรรณฤดี พงษ์สิทธิ์ศักดิ์ ทุกคนให้โอกาสหนูมาเยอะมากแต่หนูก็ยังทำให้พวกเขาผิดหวัง เลยรู้สึกว่าตอนนี้หนูเลยออกมาและเอาเวลาตรงนี้มาพิจารณาตัวเอง ออกมาดูแลตัวเองก่อน การตัดสินใจครั้งนี้หนูได้คุยกับคุณพ่อคุณแม่และผู้ใหญ่เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ได้ถึงขั้นที่บอกว่าจะพักในเรื่องของการแสดงเพราะหนูก็ยังมีซีรีส์กับทางบริษัทอยู่ พรุ่งนี้ก็ยังต้องมีไปถ่าย อย่างที่บอกว่าได้คุยกันถึงเรื่องที่หนูจะออกจากสังกัดซึ่งทางครอบครัวและผู้ใหญ่ก็บอกว่านี่อาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับหนูแล้ว”
“แต่จริง ๆ ตอนนี้ก็ยังมีงานที่ทำด้วยกันอยู่ ซีรีส์จะออกอากาศปลายเดือนกันยายนนี้ เดี๋ยวคงจะต้องมีเดินสายโปรโมตอยู่ดี ในเรื่องของงานในเมื่อหนูรับมาแล้วก็ต้องทำต่อให้เสร็จ เพียงแต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นความผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่หนูก็ควรจะต้องพิจารณาตัวเอง ทำอะไรทีก็เป็นเรื่องใหญ่โต ส่วนที่คนสงสัยว่าหนูไม่เข็ดเหรอถึงทำเรื่องอะไรขึ้นมาอีก เข็ดสิคะ ใครจะอยากโดนแบบนี้ล่ะคะ จริง ๆ ทุกเหตุการณ์ที่ผ่านมาหนูก็ได้บทเรียนมาตลอด แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นบางครั้งคนบางคนมันก็ผิดพลาดโดยที่ไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่คิดว่าทำแบบนี้ไปแล้วมันจะพลิกมาเป็นแบบนี้ แล้วหนูก็ไม่ได้คิดที่จะพูดคำว่าเป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ด้วย หนูทำผิดก็ยอมรับว่าผิดค่ะ”
ยืนยันถึงไม่มีต้นสังกัดก็จะไม่ทำตัวแย่กว่าเดิม ยอมรับเคยคิดที่จะออกจากวงการ เผยเจอพ่อ โทร.มาต่อว่า ให้ทุกอย่าง สอนมาดีทุกอย่าง ทำไมชอบทำลายชีวิตตัวเอง!
“ไม่หรอกค่ะจริง ๆ พ่อแม่หนูดูแลหนูดีนะคะ ก็เคยคิดนะที่จะออกจากวงการเพราะอยู่แล้วเหนื่อย แต่ว่าออกไปแล้วยังไง ออกไปปุ๊บไม่มีงานไม่ทำงานเดินข้างถนนคนก็รู้จักหนูดี หนูเคยคุยกับพ่อแม่แล้วเรื่องนี้ เพราะเคยถามว่าปันปันเหนื่อยไหม เหนื่อยก็ไม่ต้องทำก็ได้นะ พ่อแม่ดูแลหนูได้จริง ๆ เหนื่อยก็ออกมาเถอะเพราะสงสาร เหตุการณ์ครั้งนี้ที่เกิดขึ้นหนูยังไม่ได้คุยกับพ่อเยอะ เพราะตอนที่ไปเที่ยวทะเลมันไม่ค่อยมีสัญญาณ พ่อก็แค่ทักมาถามว่า มันจริงหรือเปล่า พ่อสอนแกมาดีมาก ให้ทุกอย่าง แกมีทุกอย่างทำไมถึงชอบทำลายชีวิตตัวเอง เอาจริง ๆ พ่อเขาก็ผิดหวัง แต่เดี๋ยวกลับไปได้เจอกันก็คงคุยกัน”
“หนูก็ยอมรับว่าสิ่งที่พ่อพูดมามันทำให้ได้ฉุกคิด เพราะหนูเองก็เป็นคนใจร้อน ควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ บทเรียนที่ได้ครั้งนี้ก็เยอะมาก หนูเป็นคนของสังคมทำอะไรก็ต้องระวังทุกอย่างเลย หลังจากนี้ อาจจะพักการเล่นโซเชียลไปซักระยะหนึ่ง”
รู้สึกยังไงกับกระแสสังคมที่บอกว่าปันปันไม่เหมาะที่จะยืนอยู่ตรงนี้ ดาราสาวกล่าวว่า
“หนูก็ยอมรับได้ในสิ่งที่ทุกคนคิดกัน แต่หนูก็ยังที่จะอยู่ตรงนี้ยังไม่ได้ไปไหน งานก็ยังมีอยู่ จริง ๆ หนูเป็นคนที่ตั้งใจทำงานและตั้งใจเรียน รวมถึงพยายามที่จะควบคุมตัวเองให้ไปในทางที่ดี อยู่กับพ่อแม่มากขึ้น”
ส่วนความสัมพันธ์กับ “มาร์ช” ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นก็จะไม่คุยกัน
"ช่วงที่ผ่านเหตุการณ์ตอนที่เลิกกันแรก ๆ ก็ยังคุยติดต่ออะไรบ้าง แต่หลัง ๆ ก็ไม่ได้คุยอะไรกันแล้วไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องคุยกันแล้ว ส่วนเรื่องธุรกิจมาสก์หน้าทำด้วยกันตอนนี้ก็ยังทำด้วยกันอยู่ แต่ว่าถ้าของในสต๊อกล็อตสุดท้ายนี้หมดก็จะไม่ทำด้วยกันแล้ว หลังจากนั้นถ้ามีเหตุที่จะต้องคุยกันก็คุย แต่ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นก็ไม่จำเป็นต้องคุย”
ขอโทษ “น้ำชา” และทุก ๆ คนที่ทำให้เกิดผลกระทบ
“หนูขอโทษจริง ๆ ขอโทษพี่ ขอโทษผู้จัดการของพี่ ขอโทษพ่อแม่ของพี่ ขอโทษทุก ๆ คนที่ทำให้เกิดผลกระทบกับสิ่งที่หนูทำไป หนูขอโทษที่ไปก้าวก่ายชีวิตพี่ รวมถึงไม่มีสัมมาคารวะใส่ ปีนเกลียว ยังไงหนูต้องขอโทษจริง ๆ ค่ะ ส่วนพี่มาร์ชหนูก็ต้องขอโทษที่ครั้งนี้เข้าไปก้าวก่ายชีวิตของพี่อีกครั้ง ขอโทษที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ทุกอย่างขึ้น หนูเป็นคนผิดเองทุกอย่างค่ะ”
ด้าน “จงจิตต์ อินทุ่ง” Senior Artist Manager ในฐานะตัวแทนของบริษัท นาดาว บางกอก จำกัด ต้นสังกัด “ปันปัน” ก็ได้เปิดเผยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ว่า เป็นเรื่องส่วนตัวไม่สามารถดูแลนักแสดงในสังกัดได้ 24 ชม. และไม่อยากไปตั้งมาตรฐานหรือกฎไปการตัดสินนักแสดงคนใดคนหนึ่ง เพราะแต่ละคนมาจากพื้นฐานครอบครัวไม่เหมือนกัน ยินดีร่วมงานกับปันปัน
“อย่างที่น้องเขาตอบไป ทางครอบครัวของน้อง ได้ โทร.มาคุยกับทางนาดาว แต่พอดีพี่ย้งกับพี่จีน่าติดงานที่ต่างจังหวัด คือ ทางน้องเขาบอกกับทางครอบครัวว่า น้องเขารู้สึกกับเรื่องที่เกิดขึ้น เวลาเขาทำอะไรก็แล้วแต่ทั้งเหตุการณ์ครั้งที่ 1 ที่ 2 ที่ผ่านมารวมถึงครั้งนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวก็ตามแต่เขารู้สึกว่า เขาทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว บริษัทที่ทำให้เสียชื่อเสียง เขาจึงพิจารณา เขาขอจะออกไปดูแลตัวเอง ซึ่งปันปันเป็นนักแสดงในสังกัดนาดาวบางกอก ซึ่งสัญญาตอนนี้ของเขายังมีอยู่ ที่ผ่านมาทางนาดาวมองว่า เรื่องสัญญาเป็นเพียงนิติกรรม ทำเพื่อให้รู้ว่าทางบริษัทมีหน้าที่ดูแลเขา แต่ว่าในทางปฏิบัติแล้ว เราดูแลกันเหมือนครอบครัวพี่น้อง การที่ปันปันออกไปดูแลตัวเองและสัญญายังคงอยู่ มันก็เหมือนกับว่าเรายังมีความผูกพันกัน และสามารถดูแลกันในแบบพี่น้องได้ โดยที่เรื่องสัญญามันไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น"
“กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางเรามีการพูดคุยกันอยู่ว่าจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ดี แต่น้องเขาเป็นคนออกมาพูดก่อน และพิจารณาตัวเองรู้ผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น เรารู้สึกว่า ในเมื่อเขาออกมายอมรับ เราก็เลยตกลงตามที่เขาต้องการ”
“บางทีเราไม่สามารถไปดูแลทุกคนได้ในเรื่องส่วนตัว เรื่องการรับผิดชอบงาน จัดสรรเวลา รับผิดชอบให้งานออกมาประสบความสำเร็จ แต่เรื่องส่วนตัวเราไม่ได้อยู่กับศิลปินตลอด 24 ชม. เด็กแต่ละคนก็ต้องดูแลตัวเองกันด้วย”
ไม่อยากให้เอามาตรการอะไรมาตัดสินเด็ก ๆ ที่จะมาอยู่ในสังกัดเพราะแต่ละคนต่างครอบครัว
“จริง ๆ เราไม่อยากให้คิดว่าต้องทำมาตรการหรือกฎอะไรออกมา เพราะเด็กแต่ละคนมีการเติบโตและดูแลจากครอบครัวที่ไม่เหมือนกัน ความคิด พฤติกรรมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราไม่อยากเอามาตรการมาตัดสินหรือกำหนดว่าใครควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร เพียงแต่เมื่อไหร่ที่เหตุการณ์เหล่านั้น มันทำให้การทำงานมันไม่ประสบความสำเร็จเสียงาน ไม่มีความรับผิดชอบต่องาน อันนี้เราต้องพิจารณาเขาเป็นรายไป”
“ตอนนี้ที่เราคุยกันอยู่ มันคือการตัดสินใจของเค้า ซึ่งตอนนี้ก็เพิ่งมีงานของปันปันที่เพิ่งถ่ายจบไป และเรากำลังจะทำโปรโมต ถ้าเขายินดีที่จะมาร่วมโปรโมต เราก็ยินดี และในอนาคตในแง่การร่วมงานซึ่งมีในโซเชียลพูดว่า ทางนาดาวพยายามดันน้อง ทั้ง ๆ ที่น้องทำตัวแบบนี้ เราขอยืนยันได้เลยว่างานของนาดาวแต่ละชิ้นส่วนใหญ่ทำเพื่อให้มีคุณภาพให้คนดูได้เห็นสิ่งที่มันดีที่สุด ถ้าน้องเขาเหมาะสมกับคาแรกเตอร์บทบาทไหน เราก็ยินดีให้เขามาร่วมงาน นี่ไม่ใช่เฉพาะแค่ปันปัน รวมถึงนักแสดงคนอื่น ๆ ด้วย เกี่ยวกับเรื่องการขอออกมาดูแลตัวเองของปันปัน ก็จะมีผลวันนี้ (31 ก.ค. 59)”
“ในส่วนของการทำงาน ปันปันถือว่าเป็นเด็กที่มีศักยภาพสูง แต่เขายังเด็ก การที่เขาทำอะไรในชีวิตประจำวันในเรื่องส่วนตัว เราก็อยากให้เขาระมัดระวังแล้วพิจารณานิดนึงกับการกระทำแต่ละครั้ง ให้นึกถึงผลที่จะตามมาและเหมือนตอนนี้เขารู้ตัวแล้วทุกอย่าง เวลาที่เราคุยกันเขาก็จะเป็นคนออกมาขอโทษเอง โดยที่เราไม่จำเป็นต้องบอก ถามว่าเราได้พูดหรือตักเตือนปันปันอะไรไปบ้างหรือไหม ก็มีพูดและตักเตือนไปบ้าง เขาเหมือนจะรู้ตัวเอง เขาบอกว่า เหมือนสิ่งที่เค้าโพสต์ไป เขาไม่รู้ตัวเอง เพราะฉะนั้นเราต้องตักเตือนเขาว่าหลังจากนี้ ปันปันจะทำอะไรต้องมีสติ ณ ตอนนี้ระหว่างนาดาวและปันปันถือว่าจบด้วยดี และหากในอนาคตมีโปรเจกต์ใด ๆ ก็ตาม และเราเล็งเห็นว่า ทำให้งานมีคุณภาพและประสบผลสำเร็จ เราก็ยินดีที่จะให้ปันปันมาร่วมงาน”