“วิน ศิริวงศ์” เผยชีวิต 1 ปี ที่ขาด “สิงห์ มุสิกพงศ์” ทุกอย่างไม่มีทางเหมือนเดิม เผยเส้นทางสายดนตรีไม่ได้ฉลุย เพราะอีกฝ่ายเป็นคนที่มีบทบาท รับอยากเปลี่ยนชื่อวง ไม่อยากให้ทุกคนต้องโศกเศร้าเพราะคิดถึง ด้านพี่ชายสิงห์เผยพ่อแม่ยังร่ำไห้
ครอบครัวมุสิกพงศ์ จัดงานทำบุญครบรอบ 1 ปีการจากไปของ “สิงห์ มุสิกพงศ์” หรือ “สิงห์ สควีซ แอนิมอล” เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 29 ก.ค. ณ ตำหนักสมเด็จ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (ภูเขาทอง) โดย มี “เฟย์ พรปวีณ์ นีระสิงห์” แฟนสาว เดินทางมาพร้อมกับคุณแม่และน้องสาว รวมไปถึงเพื่อนสนิทสิงห์ อาทิ วิน ศิริวงศ์ หรือ วิน สควีซ แอนิมอล, เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ ฯลฯ และแฟนคลับที่มาร่วมอาลัยเป็นจำนวนมาก โดยวินได้เผยความรู้สึกใน 1 ปีที่ขาดสิงห์ ว่า ยังคิดถึงตลอดเวลา และเส้นทางสายดนตรีไม่สบายเหมือนเดิม
“วันเวลามันผ่านไปไวมากเลยนะครับ เพราะผมเพิ่งรู้สึกว่าเขาเพิ่งไปเที่ยว เพียงแต่ว่าไม่รู้ว่าเขาไปไหน ติดต่อเขาไม่ได้เท่านั้นเอง ก็คิดถึงนะ เหมือนว่าเราคิดถึงเขาขึ้นเรื่อย ๆ เพราะปกติเวลาที่เราคิดถึง เราก็จะยกหูโทรศัพท์ โทร.หาเขาได้เลย แต่นี่เหมือนว่าความรู้สึกคิดถึงที่คุยกันไม่ได้แล้ว เลยยิ่งรู้สึกปั่นป่วนข้างในมากขึ้น แต่ถามว่าสภาพจิตใจโอเคหรือยัง ตอนนี้ก็โอเคแล้วครับ”
“ผมยังคิดถึงเขาตลอดเวลา ในตอนนี้ต้องขอบอกว่าในเส้นทางสายดนตรีของผมเองก็ไปไม่ได้ฉลุย ๆ หรือว่าสบาย ๆ เหมือนเดิม มันก็ยังมีความตะกุกตะกัก มีความไม่เหมือนเดิมอยู่ และถึงแม้เราจะพยายามให้มันไปได้ให้เหมือนเดิม แต่มันก็ยังยากอยู่เหมือนเดิม เพราะอีกคนที่จากไป เขามีบทบาทเยอะ และมาถึงทุกวันนี้มันเริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่าเวลาที่ขาดเขาไปมันเป็นส่วนที่สูญเสียเยอะ เพราะช่วงแรกก็คิดแค่ว่าเขาป่วยเนอะ หรือว่าเขาลาไปพักร้อน เวลาเราขึ้นเวทีคนเดียว เราก็คิดว่าเดี๋ยวเขาก็กลับมา แต่มันค่อนข้างชัดขึ้นเรื่อย ๆ ว่าเขาคงไม่กลับมาแล้ว”
“ถามว่าเหงามั้ย มันก็ต้องเหงาแน่นอนอยู่แล้ว และความจริงมันเริ่มมากระทบใจขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมันมาถึงใจเราแล้ว สำหรับวงเราก็พยายามหาคนใหม่มาเล่น แต่เราก็รู้ว่ามันไม่เหมือนเดิม เพราะนอกจากเสียงแล้ว และภาพบนเวที บรรยากาศมันก็ไม่เหมือนเดิม มันก็ต้องเปลี่ยนวิธีบริหารใหม่ มันเหมือนบริษัทที่ดี ๆ ที่ต้องเปลี่ยนผู้บริหารใหม่ ต้องคิดเอง ทำเอง อย่างที่บอกบางทีมันก็เหงา”
“ซึ่งมันอาจจะไม่เหมือนเดิม แต่ผมเชื่อว่ามันก็ไปได้ แต่เราก็ต้องสู้นะครับ ปีหนึ่งผ่านมา อาจจะเหงา แต่มันก็มีเรื่องราวดีเกิดขึ้นมา และก็มีโปรเจกต์อะไรเต็มไปหมดเลย ผมก็ไม่ได้หยุดทำอะไร ผมก็รับเอาไว้ทำหมดเลย การที่เราอยู่กับปัจจุบันเหมือนเดิม เราสู้กับมันไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้”
รับฝันถึง “สิงห์” ชี้อาจเป็นความคิดถึงจนอีกฝ่ายมาหา
“หลายคนอาจจะเจอว่าสิงห์ไปหา แต่สำหรับผมไม่เจออะไรเลย แต่ก็อาจจะมีฝันถึงบ้าง แต่ก็เป็นความคิดถึงที่เราอาจจะคิดถึงเขาจนเราเอาไปฝันถึง เพราะเราก็คิดถึงตลอด เราอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน อาจจะไม่เท่ากับครอบครัวเขา แต่ในช่วงเวลาที่รู้จักกัน เราก็คิดถึงกันตลอด ไม่ว่าจะไปไหน ทำอะไร หรือจะแต่งตัวก็ถามว่าใส่สีอะไร สิงห์จะแต่งยังไง จะได้ไม่ต่างกันมาก และตอนนี้มันคือเราจะทำอะไรก็ได้ไม่ต้องไปถามใครอีกแล้ว อยู่บนเวทีเราจะพูดเพื่อตัวเรา เพราะทุกครั้งที่เราขึ้นเวที เราจะแบ่งแสงไฟ แบ่งไปให้เขาพูดเท่า ๆ กับเรา แต่ตอนนี้เราต้องแบกเอาไว้คนเดียว ถามว่าทำได้มั้ย มันก็ทำได้ แต่มันเป็นช่วงที่เขิน ๆ แปลก ๆ”
อยากเปลี่ยนชื่อวงไม่อยากให้ทุกคนคิดถึงความโศกเศร้า
“ซึ่งให้ผมเปลี่ยนชื่อวงยังไง คนก็เรียกผมว่า วิน สควีซแอนิมอล เหมือนเดิม แต่ก็เดี๋ยวลองดู พยายามจะเปลี่ยนชื่อให้เป็นอะไรสักอย่างหนึ่ง จะได้ไม่ได้ต้องมานึกถึงความโศกเศร้าที่ผ่าน อะไรที่เป็นสควีซแอนิมอลปุ๊บ คนก็จะมาเมนต์ว่าคิดถึงพี่สิงห์จังเลย บางทีมันก็เป็นคอมเมนต์ที่ดี แต่ถ้าเรายังอยู่ตรงนั้นตลอดไป มันจะทำให้เราก้าวไปข้างหน้าได้ยากขึ้น ส่วนเรื่องนักร้องคงไม่เพราะปกติผมเป็นคนร้อง เพราะเราก็เคยพยายามให้เขาร้องบ้างอยู่แล้ว แต่หลัก ๆ จะเป็นผมร้องคนเดียวมากกว่า”
ด้าน “แชมป์ วีรพัฒน์ มุสิกพงศ์” พี่ชายสิงห์ เผย พ่อแม่ยังเสียใจร้องไห้ ยึดวัดเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ
“ที่ผ่านมา คุณพ่อคุณแม่ก็ดีขึ้น แต่ก็ยังทำใจไม่ได้ เราก็ดูแลพ่อแม่ไป เพราะท่านก็มีวัดที่นี่เป็นที่พึ่งทางใจยู่แล้ว คุณพ่อคุณแม่มาที่วัดนี้แทบจะทุกวัน คุณแม่จะมาทำวัตรค่ำ ส่วนวันไหนผมว่างก็จะมาทำวัตรค่ำที่นี่เช่นกันครับ หลัก ๆ ใช้พุทธศาสนาเป็นที่ยึดแนวจิตใจ คุณพ่อคุณแม่ก็อาจจะยังมีร้องไห้ เสียใจอยู่บ้าง ก็อย่างที่เห็นครับ”
“สิงห์เขาก็ไม่ได้มาหานะครับ เพราะผมว่าการที่เราฝันถึงใครสักคน มันคือการคิดถึง ไม่ใช่การมาหา ที่บ้านก็ไม่มา อยากให้มาหาที่บ้านเหมือนกัน นาน ๆ ทีอาจจะฝันเพราะอาจจะคิดถึงมากกว่าไม่ใช่การมาหาโดยตรง”
เผยความคืบหน้ามูลนิธิ “สิงห์ เพื่อการดนตรี” เชื่อจะเป็นการทำบุญที่ยั่งยืน
“ในส่วนของเรื่องมูลนิธิในด้านกฎหมาย บ้านเรามันค่อนข้างซับซ้อน แต่ก็สำเร็จเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เหลือองค์ประกอบเล็ก ๆ น้อย ๆ เรื่องภาษี เรื่องบัญชี เสร็จเมื่อไรก็จะบอก หลัก ๆ ก็จะเป็นเรื่องทุนการศึกษาเกี่ยวกับด้านดนตรี ผมอยากเอาเงินไปทำบุญให้กับสิงห์ มันจะเป็นสิ่งที่ยั่งยืน เพราะคุณพ่อเองก็ตั้งใจกับมูลนิธินี้มาก แนวทางหลัก ๆ ที่คุณพ่อวางไว้ ส่วนรายละเอียด ทั้งผมและเสือ และเพื่อน ๆ สิงห์ก็ช่วย ๆ กันคิด นอกเหนือเรื่องการศึกษา ซัปพอร์ตคนที่รักดนตรี อย่างเรียนดีและชอบดนตรี เราก็จะช่วยเหลือแบบนั้นไป ไม่น่าจะเกินเดือน สองเดือนนี้ น่าจะเสร็จนะครับ”