xs
xsm
sm
md
lg

“เก๋” เผยเคยหน้าแหกหลายครั้ง! เลิกหวัง “ไฮโซพร้อม” ขอแต่งงาน ลั่นไม่ใช่ทุกอย่างของความรัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“เก๋ ชลลดา” โต้ห่าง “ไฮโซพร้อม” ลั่นทุกอย่างยังเหมือนเดิม เลิกหวังแฟนคุกเข่าขอแต่ง บอกหน้าแหกมาแล้วหลายครั้ง ย้ำการแต่งงานไม่ใช่ทุกอย่างของความรัก ส่วนตนไม่มีความสามารถเป็นแม่ใครได้ เล็งรับเด็กมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม



ถูกจับตามองว่ารักไม่หวานเหมือนเดิม สำหรับ “เก๋ ชลลดา เมฆราตรี” กับหวานใจ “ไฮโซพร้อม” ล่าสุด เก๋ออกมายืนยันว่า ทุกอย่างยังดีเหมือนเดิม แต่อีกฝ่ายเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ส่วนตนไม่คิดว่าการแต่งงานเป็นทุกอย่างของความรักอยู่แล้ว

“ก็ดีเสมอต้นเสมอปลายค่ะ ไม่มีอะไรเลย ที่บอกว่าห่างกันก็ไม่เลย จริง ๆ ที่ห่างกัน เพราะว่าคุณพร้อมเองเขาทำงานก่อนหน้านี้นะคะ ด้วยธุรกิจการงานคุณพร้อมจะเดินทางต่างประเทศบ่อย แล้วช่วงนั้นคุณพร้อมก็ไปเมืองนอก คนก็อาจจะเห็นในเฟซบุ๊ก หรืออินสตาแกรม หรือไม่ก็โซเชียลเน็ตเวิร์ก เขาก็เห็นว่าคุณพร้อมไปต่างประเทศตลอด แล้วเก๋ทำไมไปเก็บหมาเก็บแมวอะไรอยู่ไม่ได้อยู่ด้วยกันอะไรแบบนี้ แค่นั้นเลยแค่นั้นจริงๆ ค่ะ”

“ต้องบอกว่าอย่างที่บอกว่ามูลนิธิเดอะวอยซ์ เสียงของเรานี่ 50% ก็เป็นพลังกายพลังใจของเก๋ เพราะฉะนั้นเมื่อเรามีเวลาว่างถ้าจะปล่อยให้จิตอาสา หรือน้อง ๆ เขาลงไปโดยที่ไม่มีเรามันก็ดูแบบแปลก ๆ เราเป็นหัวเรือใหญ่เราก็ต้องไปด้วยแค่นั้นเลยค่ะ”

ย้ำยังไม่ได้ห่างกัน เชื่อสักวันต้องมีงานดี ๆ เกิดขึ้น
“ไม่มีเลยค่ะ ไม่ได้ห่างกันเลย บางทีก็เก็บหมาเก็บแมวด้วยกัน (หัวเราะ) คุณพร้อมนี่เป็นสารถีชั้นดีตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะว่าคุณพร้อมเองก็เรียกได้ว่าเป็นอีกท่านเลยที่ช่วยกันหาบ้าน คือ ผู้ชายอาจจะไม่ได้ใจแข็งเหมือนพวกเราที่เวลาจับทำวัคซีนทำหมันอะไรแบบนี้นะคะ เขาก็จะคอยแบบโพสต์หาบ้านให้น้องหมาน้องแมวที่แบบว่าถูกคนทอดทิ้งส่งให้เพื่อน ๆ เขาแล้วก็พร้อมเองเขาก็มีเพื่อนในเฟซบุ๊กต่างชาติเยอะ เพื่อนบางคนยังเคยรับสุนัขตาบอดไปเลยค่ะเขาก็จะเป็นแผนกหาบ้าน”

“มีข่าวก็ไม่ตกใจ อย่างที่บอกว่าเราเก็บหมาเก็บแมว (หัวเราะ) ตามต่างจังหวัดแล้วพอดีช่วงนั้นก็เดินทางบ่อยค่ะ ไปยุโรปบ่อยช่วงนั้นเท่านั้นเองค่ะ จริง ๆ แล้วทุกวันของเรามันก็ดีมาก ๆ นะคะ ที่บอกว่าวันหนึ่งคงต้องมีงานดี ๆ เกิดขึ้นเพื่อจะได้ให้ครอบครัวของเราสองคนมีความสุขแน่นอน แต่ ณ วันนี้สิ่งที่เราเป็นอยู่มันก็เป็นกำลังใจให้กันและกันดีมาก ๆ แล้ว”

การแต่งงานไม่ใช่ทุกอย่างของความรัก บอกตนคงไม่มีความสามารถเป็นแม่ ลูกไม่ใช่โซ่ทองคล้องใจ รับอาจขอเด็กมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมมา
“จริง ๆ แล้วเก๋คิดว่าการแต่งงานมันไม่ใช่ทุกอย่างของความรักก็ว่าได้นะคะ คือเก๋ว่ามันแค่เป็นส่วนประกอบหนึ่งแล้วก็ไม่ใช่ที่สุดของปลายทางหรือว่าการเป็นแฟนพอเราอยู่จุด ๆ หนึ่งมันต้องเปลี่ยนการเป็นแฟนเป็นเพื่อนสนิทเป็นคู่คิดกันแล้ว เพราะฉะนั้นการแต่งงานนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งเล็ก ๆ เท่านั้นเอง แต่อย่างที่บอกว่าแน่นอนอนาคตข้างหน้าเราต้องทำให้กับคุณพ่อคุณแม่ของเราทั้งสองคนแน่นอนค่ะ ตอนนี้กำลังคิดอยู่เลยนะว่าแค่ลิสต์ชื่อแขก อิมแพ็กมั้ยเหรอ ก็นั่นน่ะสิคะ (หัวเราะ) จะได้มีที่จัดแล้วค่ะ อยู่มานานแล้วเนาะ เราก็รัก ตั้งแต่รู้จักรุ่นพี่นักข่าวแล้วก็น้อง ๆ ด้วยอย่างนี้ค่ะยังหาสถานที่จัดไม่ได้”

“มันเป็นเรื่องของเวลา คือ ด้วยตัวเก๋เองที่บอกว่าเราไม่ได้ตั้งเป้าหมายของการที่เราจะมีลูกด้วยนะคะ เพราะฉะนั้นก็เลยคิดว่าเราจะทำสิ่งนี้เพื่อให้เป็นของขวัญให้กับคุณพ่อคุณแม่เราทั้งสองคน เพราะฉะนั้นไม่ได้กำหนดเวลาเลย ถ้าเป็นสมัยก่อนนี้ตอนเป็นเด็ก ๆ เอ๊ะ ต้องแต่งงานตอนอายุเท่านี้เดี๋ยวจะมีลูกไม่ทันอะไรอย่างนี้ แต่ว่าด้วยตัวเก๋เองนี้ค่อนข้างจะแน่วแน่แต่ไหนแต่ไร ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะมีความสามารถขนาดเป็นแม่ได้ ก็เลยคิดว่าเราจะเลี้ยงลูกเพื่อน เลี้ยงลูกน้องชายเลี้ยงหลาน ๆ ไปเลี้ยงลูกบุญธรรมไป”

คือ คุณพร้อมก็มีความคิดที่ตรงกันนะคะ เพราะว่าเก๋เชื่อว่าจริง ๆ แล้วสุดท้ายแล้วความรักของคนสองคนก็คือแค่ของคนสองคน ต่อให้มีคนบอกว่าถ้าไม่มีลูกจะไม่มีโซ่ทองคล้องใจนะ คือ มันไม่ได้จริงเสมอไป ขนาดบางคนมีโซ่ทองตั้งหลายเส้นยังมัดใจกันไม่ได้เลยเพราะฉะนั้นมันไม่ใช่ที่สุดของความรัก”

ฟุ้งใช้ตัวเองมัดใจ “ไฮโซพร้อม”
“ก็ใช้ตัวเองนี่แหละมัดใจ (หัวเราะ) เรื่องจะเห็นเขาคุกเข่าขอแต่งงาน อันนี้ก็ไม่รู้ต้องไปถามฝ่ายเขานะ เดี๋ยวจะกดดันเขาเกินไป จริง ๆ เคยแซว เคยพลาดเคยหน้าแตกหลายรอบแล้วค่ะ (หัวเราะ) บอกว่าไม่เป็นไรนะ ถ้าสมมติว่าวันนั้นต้องมาถึงเอาแบบธรรมดาก็ได้ เพราะเขาคงเห็นแล้วว่าเพื่อนๆ เรามีอะไรที่แบบแปลกตาตื่นตาตื่นใจอะไรอย่างนี้ ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ จริง ๆ ความรักมันเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่อยู่ด้วยกันแล้วสบายใจค่ะ ส่วนเรื่องราวหวือหวามันเป็นหน้าที่ของเพื่อนเราดีกว่า เก๋ว่าเรื่องแบบนี้เพื่อนเราถนัดกว่าค่ะ”

ยืนกรานยังไม่ได้รับหมายศาลข้อหาหมิ่นประมาท แฉมีคนกลางมาป่วน อยากให้ไกล่เกลี่ยจบ เพราะรักหมา ไม่อยากมีปัญหากับคน
“ต้องบอกว่าจริง ๆ แล้วนี้เก๋มีการพูดชัดเจนแล้วเลยนะคะ ว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัวของเก๋ เป็นเรื่องราวของมูลนิธิเดอะวอยซ์ เสียงจากเรา ซึ่งก็มีทนายความที่ดูแลรับผิดชอบชื่อเสียงภาพลักษณ์ของหน่วยงานของเก๋ อันที่ 1 มูลนิธิเดอะวอยซ์ เสียงจากเรา เป็นโจทก์ในการแจ้งความคู่กรณีที่มีปัญหากับมูลนิธิ ก็คือคนที่โพสต์ข้อความเป็นการดูถูกเหยียดหยาม หรือว่าให้ร้ายใช้คำหมิ่นประมาทที่ไม่สุภาพนี้”

“เราก็จะจัดการเรียกว่ามีการแคปชันหน้าจอหรือว่าถ้าเกิดบางคนเล่นผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กก็จะแคปหน้าโปรไฟล์แล้วก็จะมีการส่งให้แผนกตำรวจ IT ของบ้านเราที่หลาย ๆ คนรู้จักก็คือ ปอท. ซึ่งทั้งหมดนี้ที่เจ้าหน้าที่ของเราแล้วก็เจ้าหน้าที่ตำรวจดูมาแล้วผู้ที่เข้าเครือข่ายมีทั้งหมด 24 แอคเคานต์ ซึ่ง 24 แอคเคาต์นี้จริง ๆ แล้วต้องบอกว่าเก๋ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนว่าเป็นบุคคลท่านใด สิ่งใด ๆ ก็ตามที่เอาไปเขียนเก๋ก็งงว่ามีชื่อได้ยังไงเพราะว่าจริง ๆ แล้วนี้ตามหลักกฎหมายนี้หมายแจ้งความไม่สามารถเปิดเผยได้นะคะ แล้วเก๋ก็ไม่เคยถ่ายหมายแจ้งความลงในเฟซบุ๊ก หรือโซเชียลหรือการป่าวประกาศ หรือว่าจะเป็นใคร มีแต่พูดเสมอว่า 24 คนนี้”

“ถ้ารู้ตัวตอนแรกเริ่มที่เราไปแจ้งความลงบันทึกประจำวัน ทางเลขาเขาให้ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ทองหล่อ ว่า 24 แอคเคานต์ ต่อไปนี้ ถ้าใครรู้ตัวว่าตนเองเข้าข่ายหมิ่นประมาท พูดจาเหยียดหยามดูถูกนะคะ แล้วก็มีข้อมูลที่ไม่เท็จจริงนี้ให้ลบข้อความออกให้หมดพร้อมทั้งแสดงเจตจำนงในการแสดงความบริสุทธิ์ว่าให้เขียนลงขอโทษว่าเป็นการเข้าใจผิด อันที่ 1 อันที่ 2 ตัวเก๋ไม่ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับใครทั้งสิ้นอย่างที่บอกว่าเรื่องราวในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องราวส่วนตัวนะคะ เป็นเรื่องราวของมูลนิธิ แต่เผอิญมูลนิธินี้มีพี่เก๋เป็นประธานมูลนิธิ เพระฉะนั้นเวลาบอกเดอะวอยซ์ก็เดอะวอยซ์เก๋ ๆ คนก็เลยเข้าใจว่าเดอะวอยซ์ก็คือเก๋เป็นคนไปแจ้งความ ต้องบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของมูลนิธิ อันที่ 3 อย่างที่หลาย ๆ สำนักข่าวออกไปนะคะมันไม่จริงเลย ที่บอกว่าเก๋ได้รับการแจ้งความหมายถึงว่าเก๋ถูกคนไปแจ้งความ”

“คือจริง ๆ อันที่ 3 นี้ต้องบอกว่ามูลนิธิเดอะวอยซ์ก็คือตัวเก๋เป็นผู้เสียหาย คือเราเป็นผู้ถูกกระทำไม่ว่าจะเป็นการเอาคำพูดหรือเอาข้อความเอาภาพไปตัดต่ออะไรก็ตาม เราเป็นผู้ถูกกระทำเพราะฉะนั้น ณ วันนี้เราก็เป็นโจทย์อยู่นะคะ แล้วจำเลยก็ต้องมาแก้ข้อกล่าวหาเหล่านี้ให้ตกไป ส่วนข้อที่ 4 นี้ที่บอกว่ามีการเข้าใจผิด จริง ๆ เรื่องการเข้าใจผิดนี้มีการเคลียร์ไปแล้วนะคะ ต้องบอกว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ มีหน่วยงานหลายหน่วยงานมากไปช่วยสุนัขตัวนี้ มูลนิธิเดอะวอยซ์ เราเองไม่มีเจ้าหน้าที่ลงไปพื้นที่แต่มีคนมาขอความร่วมมือจากเรา ก็คือ หน่วยกู้ภัยหมาแมวนะคะ แล้วก็คือ ผ่าน พี่แหม่ม วิชุดา พินดั้ม พี่บุ๋ม ปนัดดา องค์กรทำดี ผ่านพี่ต่าย สายธาร หน่วยกู้ภัย”

“เขาจะมีการช่วยหมาตัวนี้ที่ตกท่ออยู่เขาจะระดมเงินทุน เก๋ก็เลยบอกว่าจะให้เดอะวอยซ์ออกเหรอคะ เขาบอกว่าไม่เอาถ้าเอาเงินเดอะวอยซ์ก็แปลว่าเดอะวอยซ์ทำคนเดียวเคสนี้ประชาชนในโซเชียลเน็ตเวิร์กเขาให้ความสนใจ ขอลองให้เป็นการระดมทุนได้มั้ยเป็นการเรี่ยไร แล้วปรากฏว่า คู่กรณีเก๋ ซึ่งเก๋ก็ไม่ทราบว่าเขาไปฟังใครมาจริง ๆ เราต้องบอกคนกลางเราต้องตัดคนกลางออกนะคะ คือ คู่กรณีของเก๋นี้เขาไปฟังคนกลางว่าเก๋เหมือนกับว่าไปใช้สิทธิ์ไปใช้ชื่อว่าเราเป็นผลงานของเรา คือ เดอะวอยซ์ ซึ่งเราไม่เคยบอกเลยว่าเคสนี้เป็นของเราแต่ไหนแต่ไร เราบอกเคสนี้เราระดมทุนให้คนอื่นแล้วก็เงินก้อนนี้ปรากฏว่าพอถึงเวลามีคนไปจ่ายแล้ว”

“เก๋บอกว่าถ้าใครอยากจะประสงค์ได้เงินก้อนนี้คืนนะคะให้มาแจ้งที่หน้าเพจเฟซบุ๊กเดอะวอยซ์ เรื่องเกิดขึ้นในบ้านเราค่ะก็จบลงในบ้านเราว่าทุกคนที่เรียกว่าบริจาคเงินมาในวันที่ 31 พฤษภาคม ช่องเวลาหนึ่งทุ่มถึงสองทุ่มครึ่ง มีใบเสร็จลงท้ายด้วยเลข 6 เพราะฉะนั้นยอดบริจาคจะเริ่มต้นที่ 16 บาท 106 บาท 166 บาท เอาเงินคืนได้หมดเลยเพราะว่าเรียกว่าแคมเปญในข้อนี้ คือ เราไม่ได้ใช้เงินมีคนจ่ายไปแล้ว เราก็แถลงการณ์ของเราจบในหน้าเพจเราจนกระทั่งวันที่ 2 มิถุนายน มีคนมาเล่าให้ฟังว่านี้มีการเข้าใจผิดว่า เก๋ไปเอาเครดิตว่าเดอะวอยซ์ทำเราก็ไปชี้แจงในหน้าเพจตรงข้ามแล้วว่า จริง ๆ เป็นการเข้าใจผิดนะคะ ตัวเราเองเราไม่รู้เรื่องเลย แล้วก็ไม่เคยพูดเลยว่าคดีนี้หรือว่าเคสนี้เป็นของเรา เก๋ว่าจริง ๆ แล้วมันมีผู้ปรารถนาดีเยอะไปหน่อย”

“จริง ๆ ต้องบอกว่าเฟซบุ๊กเป็นต้นเหตุ ที่มีการโพสต์แชร์คนแรกที่เปิดเป็นพับบลิค คือกลุ่มเขานี้จะมีเป็นไพรเวตกันอยู่แล้วแต่ว่าจะมีพับบลิคอยู่สองท่านเก๋ก็เลยบอกเขาไปแล้วว่า ถ้าเวลามีข่าวออกไปนี้ ถ้ามันมีเสนอข่าวเป็นภาพข่าวนี้ก็จะเป็นภาพหัวข้อเป็นโปรไฟล์พิกเจอร์อาจจะมีชื่อเราติดไป ซึ่งเก๋ได้มีโอกาสได้คุยกับคู่กรณีแล้ว ตอนนั้นก็บอกว่า คุณโย ยศวดี พี่บุ๋ม ปนัดดา ก็มาเป็นกาวใจคุยให้เป็นคนในวงการเหมือนกันอย่าเข้าใจผิด ซึ่งตัวเก๋เองยังยืนยันเจตนารมณ์นะคะ ว่าเก๋ไม่ได้จะเอาเรื่องเขาทั้งสองคนเลย พี่คนที่บริจาคทั้งสองคนนี้ เขาไม่ได้มีความผิดเกี่ยวข้อง เพียงแต่ว่าเฟซบุ๊กของพี่เขาเป็นจุดกำเนิดของข้อความทุกข้อความ เพราะฉะนั้นนี้มันจะหยุดข้อความตรงนั้นได้ก็ต้องจบที่เฟซบุ๊กที่บ้านพี่เขา คือพี่ก็ต้องลบออกไป”

“ในกรณีที่เพื่อน ๆ พี่เขาแชร์ไป เพื่อน ๆ พี่เขาก็ต้องลบตามด้วย ไม่ใช่ว่าลบแค่หน้าพี่ แล้วแชร์เพื่อนพี่ต่อไปได้ เพราะการแชร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เห็นแล้วข้างล่าง ว่า มีทั้งหมด 119 แชร์ แต่ว่าก็อย่างที่บอกว่าเราก็ตามมาได้แค่ 24 แอคเคานต์ ซึ่ง 24 แอคเคานต์นี้ เราไม่ได้บอกว่ามีความผิดทุกคนนะคะ แต่เข้าข่ายซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบต่อไปตอนนี้ก็เป็นเรื่องราวกฎหมาย”

“ตัวเก๋เองไม่ได้มีปัญหาตั้งแต่แรกนะคะ ถ้าจะมีการไกล่เกลี่ยนี้มันต้องจบไปนานมากแล้ว แต่อย่างล่าสุดที่มีข่าวนี้ว่าคู่กรณี ไปแจ้งความกลับ เก๋ก็เลยสงสัยว่าเขาจะแจ้งความได้ยังไง เพราะว่าเอาง่าย ๆ คือ แจ้งความข้อหาอะไร เพราะว่าเก๋และเดอะวอยซ์เป็นผู้เสียหาย เขาบอกว่ามีข่าวในหนังสือพิมพ์ เป็นข้อความว่าเก๋แจ้งความกลับโดยข้อหาหมิ่นประมาท เก๋ก็เลยบอกว่า พี่ค่ะหนูยังไม่ได้แจ้งความชื่อพี่โดยตรงเลย หนูพูดขึ้นมาลอย ๆ คือ 24 แอคเคานต์ ใครก็ตามที่เข้าข่ายให้ลบข้อความออก เพราะฉะนั้นตัวเก๋เองทุกวันนี้ไม่มีหมายแจ้งความใด ๆ แล้วก็เก๋ก็ไม่ได้เป็นจำเลยด้วย”

“จริง ๆ เราก็บอกตั้งแต่แรกนะคะ ว่า ต่างคนต่างช่วยเรา ว่ารักสัตว์เหมือนกันอยากให้จบกันโดยดีง่ายมากค่ะ เหตุเกิดที่ไหน ให้จบเหตุที่นั่น เป็นที่เฟซบุ๊กเขา เขาก็ต้องลบและเพื่อน ๆ ของเขาด้วย ถ้าหากเก๋เป็นเพื่อนกับน้อง เก๋ก็บอกเลยว่าเก๋ไม่ได้พูด น้องเก๋พูด เก๋ต้องเตือนน้อง ไม่ใช่ปล่อยให้มันเป็นเรื่องราวของการแชร์ไปเรื่อย ๆ แล้วเกิดความเข้าใจผิด เกิดความบาดหมางโดยไม่จำเป็น จากที่การเป็นเรื่องราวของแค่คนสองคน ผู้ใหญ่คุยกัน กับกลายเป็นเรื่องราวเด็ก ๆ ใครไม่รู้ หรือต้องบอกว่าจริง ๆ แล้วนี้การผสมโรงเป็นอะไรที่เจ็บแสบที่สุดนะคะ คือ คนที่มีเรื่องกันเขาไม่ด่ากันแรงขนาดนั้นเลย แต่ลูกทีมนี้แบบสุด ๆ เก๋เองยังต้องปรามแฟนคลับเลยว่า เดอะวอยซ์ไม่เคยทะเลาะกับใคร ให้ทุกคนที่เขียนลบออกนะ ฉะนั้นเองที่บอกแล้วว่าเก๋รักสัตว์ค่ะ แล้วเราก็ไม่อยากที่จะมีปัญหากับคน”

“ตอนนี้เป็นเรื่องราวของทนายความค่ะ เพราะว่าเรื่องของทนายความเก๋มีตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะว่าอย่างที่บอกว่าเราเป็นโจทย์ เก๋มีทนายตั้งแต่แรกแล้ว ในส่วนของเขา เขาก็มีทนายของเขาในการที่จะมาให้ปากคำ แล้วก็มาแก้ต่างว่าเขาไม่ผิด ด้วยสาเหตุอะไรหรือที่เขาทำอะไรไป ที่เขาเขียนว่าเก๋เป็นคนผิด ที่กล่าวหาว่า เราคดโกงประชาชนด้วยข้อหาอะไร ก็ต้องมีหลักฐานมาว่าให้ตามกฎหมายเลย คือ ถ้าผิดก็ผิด ถ้าเกิดถูกก็ต้องออกมาขอโทษ เราก็มาเจรจา ไม่ใช่ว่ามาผ่านคนกลางแบบนี้มันไม่ถูก”



กำลังโหลดความคิดเห็น