“แตงโม ภัทรธิดา” ไม่ใจหาย “โตโน่” กลับมาขนของที่บ้าน ลั่นยังเหลือของใช้ที่บ้านอีกเยอะ ทุกอย่างยังวางไว้เหมือนเดิม ไม่มีปัญหาถ้าต้องเจอหน้ากัน ปัดโพสต์ขอบคุณอีกฝ่ายมอบเพลงให้แฟนเก่า ขอเตือนในฐานะรุ่นพี่ให้ระวังคำพูด ลั่นอยากให้ตระหนักว่าจะทำให้ตนเดือดร้อน
หลังจากที่หนุ่ม “โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์” ยอมรับว่า ย่องกลับบ้าน “แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์” เพื่อเอาของชิ้นสุดท้าย ล่าสุด สาวแตงโมได้เปิดใจถึงกรณีดังกล่าว ในกองถ่ายภาพยนตร์เรื่อง “สาย 8 เร็ว ทะลุนรก” ย้ำยังเหลือข้าวของที่บ้านอีกเยอะ
“ไม่ได้เจอค่ะ เพราะว่าโมเองก็ออกมาทำงานข้างนอกแล้ว เขาก็มีของจำเป็นต้องใช้หลงเหลืออยู่ที่บ้านเยอะแยะเลยค่ะ แต่เขาก็บอกเราก่อนค่ะ ก็ตามมารยาทแล้วเราจะไปบ้านเขาเราก็บอก เขาจะมาบ้านเราเขาก็บอกเราเช่นกัน ก็ไม่ใจหายเลย เพราะว่าของโน่ยังเหลืออยู่ครึ่งบ้านค่ะ แล้วมันก็ยังวางอยู่เหมือนเดิมค่ะ โมยังเก็บให้ไม่ไหวเลย”
“โมเองเจอเขาได้นะคะ โมไม่มีปัญหาอะไรเลยค่ะ เขาจะมาเก็บอีกไหมหรือทิ้งไว้ อันนี้ไม่ทราบเขาค่ะต้องถามเขา ถามว่าทำไมไม่เก็บไปทีเดียวเลย คือเขาให้เหตุผลว่าที่คอนโดเขาสถานที่มันค่อนข้างเล็ก เพราะฉะนั้นก็เอาของไว้ที่นี่ก่อนแล้วเดี๋ยวแพ็กทีเดียวแบบนี้ดีกว่าค่ะ”
ปัดออกตัวแรง โพสต์ขอบคุณโตโน่ร้องเพลงให้บนเวทีเดอะสตาร์
“(ทำหน้าตกใจ) โมไม่ได้เขียนว่าร้องให้โมนะอันนี้ไม่ใช่ ที่เขียนว่าขอบคุณ รับทราบ อันนี้เป็นคนที่ใจต่อใจสัมผัสกันได้ ซึ่งโมไม่พูดแล้วกันว่าเป็นใคร ถามว่าไม่ใช่โตโน่ใช่มั้ยก็ถ้าใจเขาสัมผัสได้ก็อาจจะเป็นเขาก็ได้ค่ะ”
ขอเตือนในฐานะรุ่นพี่ในวงการ ก่อนเอ็นเตอร์เทนคนดูขอให้ระวังคำพูด บอกขอให้ตระหนักอย่าทำให้ตนเดือดร้อน
“อันนี้โมอาจจะต้องขอเตือนน้องเขาไว้นะคะว่าถ้าสมมติเขาเอนเตอร์เทนคอนเสิร์ตหรืออะไรก็ตาม ถ้าเขาใช้คำว่าแฟนเก่า บางทีถ้าไม่ได้เจาะจงถึงโมเนี่ย แต่น้องเขาเองน่าจะรู้ว่าถ้าพูดคำนี่คิดมาเนี่ยมันเดือดร้อนถึงโมแน่ ๆ เพราะว่าแฟนคนล่าสุดก็คือโม เพราะฉะนั้นเขาควรตระหนักนิดหนึ่งว่าเอนเตอร์เทนอออกไปแล้วสื่อจะต้องมาสัมภาษณ์โม จับจ้องที่โมเนี่ย บางทีก็ฝากให้เลี่ยง ๆ หน่อยก็ได้ค่ะ อยากเตือนเขาตรงนี้นิดหนึ่งในฐานะที่เราเป็นรุ่นพี่ในวงการ”
“ไม่จำเป็นต้องสายตรงไปบอกค่ะ เราใช้ผู้จัดการคนเดียวกัน ก็อาจจะมีกันตักเตือนกันไปบ้างแล้ว เพราะว่าถ้าเกิดเขาไม่ได้เจาะจง แต่ว่าต้องเข้าใจว่าคนส่วนใหญ่ก็ต้องคิดว่าเป็นโม แล้วโมก็ต้องมานั่งตอบคำถามอะไรแบบนี้ค่ะ ซึ่งจริง ๆ แล้วก็ไม่ได้อยากพูดถึงเรื่องนี้กันแล้วเนอะ”
ขอบคุณคนเชียร์จับจิ้น “เอส กันตพงศ์” บอกเป็นคนดี มีคุณสมบัติไว้ใจได้คนหนึ่ง มั่นใจไม่จีบเพราะอีกฝ่ายไม่โสด
“ก็ขอบคุณสำหรับคนที่เชียร์ค่ะ แต่อย่าคาดหวังอะไรเยอะเพราะว่าเราสองคนก็ยังไม่ได้ไปถึงไหนเลยเรารู้จักกันมานานแล้ว แล้วก็เป็นคนที่ปรึกษากันได้ทุกเรื่อง นาน ๆ ทีที่เราจะปรึกษากันทีหนึ่งก็เรื่องยาว ๆ เหมือนแบบเรื่องประจำปีเลย ปีหนึ่งก็มาเล่ากันว่าปีนี้มันมีอะไรยังไง เจออะไรกันมาบ้าง ก็คือ เอสเป็นคนที่เป็นสุภาพบุรุษที่ปรึกษาได้คนหนึ่ง เป็นคนดีมาก ๆ คนหนึ่ง แล้วเขาก็มีคุณสมบัติที่ดีพอที่เราจะไว้ใจเขา”
“จีบหรือเปล่าต้องถามเอสนะคะ แต่ว่าเท่าที่โมรู้สึกคือไม่จีบค่ะ สนิทกันขนาดไหนคือเราคุยกันเรื่องใหญ่ๆ ได้ทุกเรื่อง แต่ถามว่าเรื่องหยุมหยิมจุกจิกเราคุยกันบ่อยไหม ไม่บ่อยค่ะ เราคุยกันไม่บ่อยเลย แต่ว่าถ้าคุยทีหนึ่งก็คุยกันยาว ๆ เอสเองจะเป็นคนที่ค่อนข้างเข้าในทางโลกทางธรรม คือเขาเป็นคนที่ละเอียด เป็นคนที่ดีมีวินัย ถ้าอยากได้คำปรึกษาดีๆ ก็จะต้องปรึกษาเขา เพราะเขาจะสอนอะไรเราได้เยอะ เขาดูเป็นผู้ใหญ่สูงกว่าวัย”
“โมกันเอสยังไม่เคยได้ลองดูถึงความเข้ากันได้ขนาดนั้น เราไม่ได้ไปจดจ่ออยู่ตรงนั้นเลยค่ะ เพียงแค่ว่าเวลาเราปรึกษาแล้วเราให้คำปรึกษาซึ่งกันและกันได้ดีมากกว่าในฐานะเขาเป็นผู้ชาย ถ้าเรามีปัญหานี้เขาจะมองยังไง ในมุมมองของเราที่อยู่ในวงการมานานกว่า ถ้าเขาเจอปัญหาแบบนี้เราจะแนะนำเขายังไง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องใหญ่ ๆ”
“ในไอจีเป็นการแกล้งกันมากกว่า เพราะมันก็เป็นอะไรที่ตลกดีเวลาเราทำงานอยู่แล้วเปิดมาดูก็ตลก ขำ ๆ ดูสิวันนี้ใครจะแกล้งใคร จะโดนแกล้งแบบไหน เอสไม่น่าโสดนะคะ อุ้ย ขอโทษนะเอส (พนมมือไหว้) เอสก็มีคนคุยอยู่ค่ะ ยืนยันว่าเป็นแค่เพื่อนกันค่ะ (ยิ้ม)”
ยังไม่พร้อมเปิดใจให้ใคร พูดดักไว้ก่อนใครมาจีบให้ได้แค่เพื่อน
“มีใครเข้ามาไหมหรอ เป็นจริงเป็นจังไม่มีเลย เราไม่เปิดใจด้วยค่ะ มันค่อนข้างหายากนะคะผู้ชายดี ๆ ค่อนข้างปิดใจ 70 - 80 เปอร์เซ็นต์ค่ะ ส่วนเปอร์เซ็นต์ที่เหลือนั่นคือถ้าวันหนึ่งจ๊ะเอ๋คนที่แบบคลิกจริง ๆ ก็อาจจะเปิดค่ะ แต่ว่ามันยังไม่เจอจริง ๆ ตอนนี้ใครเข้ามาก็ได้แค่เพื่อนแน่ ๆ ค่ะ บอกไว้เลย พูดไว้ก่อนเลยว่าถ้าเข้ามาก็ได้แค่เท่านั้นก่อนค่ะ”
ไม่เรียกค่าตัวสูงเวอร์ บอกเล่นหนังเรื่องแรกเพราะเป็นแฟนหนัง “พชร์ อานนท์”
“รับบทเป็นแม่ค้าขายส้มตำ อดีตลูกคุณหนู โดนพี่แจ๊สหลอกว่ารวย เลยตกลงปลงใจเป็นเมียพี่แจ๊ส แล้วก็ช่วยกันทำมาหากิน แต่ลักษณะการเล่นหนังกับเล่นละครต่างกันมาก มาวันแรกโมเล่นไม่ได้ เกือบสิบเทค มันค่อนข้างยากมาก ๆ โมติดแพตเทิร์นละครมาเยอะ เลยใช้เสียงที่ใช้ได้ในละคร แต่พอเป็นหนังแล้วมันดูเยอะไป แต่พี่พชร์ก็จะคอยบอกว่าอันไหนควรลดควรเพิ่ม ตัดสินใจรับหนังเรื่องแรกเพราะเป็นแฟนหนังพี่พชร์ค่ะ เลยอยากมีสักครั้งที่เราอยู่ในหนังด้วย เรื่องค่าตัวกันเองมากเลยค่ะ อย่างที่บอกว่าโมรับงานเพราะเป็นแฟนหนังพี่พชร์อยู่แล้ว คนกันเอง เราก็ไม่ได้เรียกราคาสูงจนเกินไป”