“เอส กันตพงศ์” แจงสัมพันธ์ “เสี่ยชูชัย” แค่พี่น้อง ภาพหอมแก้มควงดูรถทำจริงแต่เพราะสนิทสนมกัน ไม่ถือสาถูกมองเป็นคู่ขาเสี่ยชูชัย บอกเป็นเรื่องน่ารัก เปิดกว้างเรื่องความรักในทุกเพศ เผยสถานะมีคนคุยอยู่แล้วเป็นคนนอกวงการ
มีภาพหอมแก้มควงกันไปดูรถหรูออกมาทำเอาหลายคนเข้าใจไปว่า ตอนนี้หนุ่ม “เอส กันตพงศ์ บํารุงรักษ์” กำลังสานสันพันธ์หวานชื่นอยู่กับเสี่ยเครื่องเพชร “ชูชัย ชัยฤทธิเลิศ” งานนี้เจ้าตัวขำๆ พร้อมแจงความสัมพันธ์เป็นแค่พี่น้องไม่ได้คิดอะไรเกินเลย
“ผมมีโอกาสได้เจอพี่ชูชัยที่วันเกิดแกเมื่อปีที่แล้ว ก็ไปช่วยทำบุญแผ่นดินไหวที่เนปาล ตอนนั้นก็ตั้งใจอยากไปทำบุญที่ช่วยเหลือคนเนปาลอยู่แล้วก็เลยได้เจอกัน หลังจากนั้น ก็ได้คุยกันมาเรื่อยๆ ปรึกษาอะไรกัน พี่ชูชัย เป็นพี่ชายที่น่ารัก ให้ความเมตตาน้องๆ เรื่องซื้อรถพอร์ชนั้นพอดีเป็นรถของผมเองครับ”
“พอดีพี่เขาปรึกษาว่าอยากจะซื้อรถไว้รับแขกวีไอพีที่ชูชัยบุรี ช่วงที่ผ่านมา เลยมีโอกาสได้ไปดูกัน เราเองใช้รถรุ่นนี้อยู่ ก็เลยแนะนำไปว่าดีไม่ดี เขาไม่ได้ซื้อให้ผมครับ ถึงเขาซื้อให้ก็ไม่กล้ารับครับ อาจจะมีคนเห็นว่าเราไปเดินดูรถกัน ผมยอมรับว่าผมไปช่วยพี่เขาดูในฐานะคนที่ใช้อยู่ ออกแนวปรึกษากัน เพราะผมมีปัญหาธุรกิจอะไรก็ปรึกษาพี่เขา เราออกแนวคุยกันเรื่องธุรกิจ”
“ข่าวที่ออกมาผมมองว่ามันเป็นข่าวที่น่ารักนะ แสดงว่าพี่เขาเป็นคนใจดี เอ็นดูน้องขนาดนั้น แต่ถ้าพี่เขาจะให้จริงๆ อย่างที่บอกผมไม่กล้ารับ มันเยอะเกินไป ส่วนภาพที่หอมแก้มเป็นภาพงานเนปาลครับ หอมละหมื่นบาท เป็นหอมทำบุญ พี่ชูชัยเขาก็หอมเราแล้วก็เอาเงินทำบุญไป”
ลั่นไม่มีปัญหาหากคนมองตนเป็นคู่ขาเสี่ยชูชัย บอกต่างรู้กันดีกว่าเป็นแค่พี่น้องกัน ส่วนตนมีคนที่คุยอยู่แล้ว
“ตัวผมเองไม่ได้มีปัญหาในความรักกับคนเพศไหนเลย ผมรู้สึกว่าความรักมันก็คือความรัก ทุกคนถูกสร้างมาให้เท่าเทียมกัน ความรักระหว่างผู้หญิง-ผู้ชายไม่ได้มีค่ามากกว่าความรักของผู้ชาย-ผู้ชาย หรือไม่ได้มีค่ามากกว่าความรักของผู้หญิง-ผู้หญิง ผมเลยมีเพื่อนทุกเพศ เพื่อนสนิทผมที่มหาวิทยาลัยเป็นทอมหนึ่ง เลสเบี้ยนหนึ่ง เกย์หนึ่ง มีผมเป็นผู้ชายอยู่คนเดียว นี่คือ 4 คนที่อยู่ด้วยกันในกลุ่ม เราเลยรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าใครจะมองว่าผมกับพี่ชูชัยเ ป็นแบบไหนแต่เรารู้กันสองคนว่าเราเป็นพี่น้องกัน อย่างเวลาไปทานข้าวเราก็บริสุทธิ์ใจไปทานข้าวกับพี่เขาไม่ได้คิดอะไร ผมเองก็มีคนคุยแล้วครับเป็นคนนอกวงการ เขาก็เข้าใจแหละว่าเป็นข่าวไม่ได้มีอะไร”
