เล่นเอาชาวเผือกจ้องกันตาแทบถลน เมื่ออยู่ดีๆ นางเอกเบอร์หนึ่งของงวิก 3 พระราม 4 อย่าง “ญาญ่า อุรัสยา สเปอร์บันด์” จากที่เคยหน้าอกหน้าใจแบนราบ จนคนค่อนว่ากล้วยทับยังเรียกพี่ ก็ดูม ดูม โด่ง เด้ง ขึ้นมาทันตาเห็น
อีกคนที่ถูกจับตามองก็คือ “แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์” ที่ระยะหลังดูอวบอึ๋มขึ้นผิดตา จากที่เคยแต่งเนื้อแต่งตัวมิดชิด ก็กล้าเซ็กซี่มากยิ่งขึ้น ขนาดว่าโดนวิพากษ์วิจารณ์ว่าแต่งตัวเซ็กซี่เกินงาม เมื่อตอนไปเป็นแขกรับเชิญในรายการ “3 แซ่บ” เพราะถูกจับไปเปรียบเทียบกับ “มิ้นต์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง” ที่แต่งตัวเรียบร้อย สวย น่ารัก สมวัย
ทางฝั่งวิกหมอชิต ก็ไม่น้อยหน้า เพราะมองไปมองมา ก็เห็นได้ชัดๆ ว่า ตอนนี้ “มีน พิชญา วัฒนามนตรี” เริ่มมีเนินอกเป็นของตัวเอง ไม่ต้องพึ่งฟองน้ำเหมือนเมื่อก่อนเก่า
แน่นอนที่สุด ว่าเหตุผลที่ทุกคนเพ่งเล็งก็คือเรื่องของ “ศัลยกรรม” ที่สามารถดลบันดาลให้อะไรต่อมิอะไรที่เคย “ขาด” สามารถเติมเต็มขึ้นมาสมปรารถนา
ยุคสมัยนี้เรื่องของการทำศัลยกรรม ดูจะเป็นเรื่อง “ใกล้ตัว” ที่แทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเข้าไปทุกที อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลย เดี๋ยวนี้ผู้ชายก็เดินเข้าออกสถานศัลยกรรมจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว
ฉะนั้นแล้ว ถ้าญาญ่า , แต้ว หรือแม้แต่มีน จะย่องไปเสริมนั่น เติมนี่บ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด เพียงแต่ที่มาของ “นม” อาจจะต่างกัน
2 สาววิกพระราม 2 ใช้นโยบายกินของไทย ใช้ทองไทย แหล่งที่มาจึงไม่ใกล้ไม่ไกล มาจากแถบๆ ถนนสุขุมวิทนี่เอง
ส่วนฝั่งนางเอกวิกหมอชิต อาจจะมาไกลหน่อย เพราะแว่วมาว่าอิมพอร์ตมาจากแดนกิมจิเลยทีเดียว
แต่แม้ว่าดารากับศัลยกรรมดูจะไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับยุคนี้ กระนั้นก็น้อยคนนักที่จะยอมรับว่าตัวเองเคยผ่านมีดหมอมาแล้ว หรือถึงยอมรับ ก็รับแบบครึ่งๆ กลางๆ หรือพูดง่ายๆ ว่าบอกไม่หมด ฉะนั้นแล้วสิ่งที่ตามมาก็คือกระบวนการจับผิด หยิบยกรูปเก่ากับรูปปัจจุบันออกมมาเปรียบเทียบชนิดให้เห็นกันจะๆ แต่ถึงขนาดถูกเอารูปเก่ามาเปรียบเทียบ ชนิดเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน หลายคนก็อ้างนั่นอ้างนี่ไปเรื่อง บ้างก็ว่าผอมลง บ้างก็ว่าดัดฟัน บ้างก็ว่าต่อมน้ำลายอักเสบ และสารพัดสารพันเหตุผลที่จะยกมาอ้าง เพื่อจะสยบข่าวลือเรื่องการทำศัลยกรรม
อย่างกรณีของ “นนท์ เดอะ วอยซ์” ที่ภาพปัจจุบัน ต้องบอกว่าเดินมาไกลเหลือเกิน แต่เจ้าตัวก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้ทำศัลยกรรม แต่แค่ดูแลตัวเองมากขึ้น ก็เลยทำให้ผิวพรรณ หน้าตา ดูดีขึ้นมาจากเมื่อก่อน (เหรอ ?) ฟากพระเอกฮอตอย่าง “ดีเจ. พุฒ - พุฒิชัย เกษตรสิน” ก็ยอมรับว่าทำศัลยกรรมจริง แต่ทำแค่ตาเท่านั้น โดยมีแฟนสาว “จุ๋ย-วรัทยา นิลคูหา” ออกมาช่วยแก้ต่างให้ด้วยอีกหนึ่งแรง แต่เมื่อหยิบรูปเก่ามาเปรียบเทียบกับรูปปัจจุบัน เห็นได้เลยว่าเบ้าหน้าเปลี่ยนไปราวกับคนละคน
ที่มาไกลเหลือเกินอีกคู่หนึ่ง ก็คือนักร้องดูโอ “นิว –จิ๋ว” ที่เมื่อย้อนกลับไปดูภาพสมัยมาออดิชั่นรายการเดอะ สตาร์แล้ว พูดเลยว่าถ้าเสียงไม่เทพจริงๆ คงตกรอบตั้งแต่ตอนนั้น แต่ภาพ ณ ปัจจุบัน ก็ทั้งทุบ ทั้งเหลา จนเบ้าหน้ากลายเป็นตุ๊กตาไปแล้ว
กระทั่งดาราหน้าใหม่อย่าง “เต๋อ รัฐนันท์” จากตุ๊ดซี่ไดอารี่ เป็นอีกหนึ่งคนหนึ่งที่ถูกเพ่งเล็งว่าหล่อด้วยแพทย์ เพราะถ้าเทียบกับเบ้าหน้าตอนที่เป็นแฟนกับ “อุ้ม-ลักขณา” ก็ต้องบอกว่าตอนนี้มาไกลจริงๆ
ขณะเดียวกัน ประเด็นเรื่องการทำศัลยกรรมสำหรับบางกรณี ก็ถูกนำมาใช้เพื่อผลประโยชน์อื่นนอกเหนือจากการส่งเสริมให้ตัวเองดูดี หล่อ สวย และอ่อนกว่าวัย อย่างกรณีของ “สุรชัย สมบัติเจริญ” ที่ลุกขึ้นมาทำศัลยกรรมในวัย 60 กว่า กลายเป็นข่าวฮือฮาขึ้นหน้า 1 นสพ. ทุกฉบับ ทั้งข่าวแง่บวก และแง่ลบ ซึ่งก็ถูกนำมาถกเถียงกันว่า นอกจากจะหวังผลในเรื่องของการกระชากวัยจาก 60 เหลือ 35 ตามที่ออกข่าวแล้ว ลึกลงไปกว่านั้น ก็หวังผลในเรื่องของกระแส ทั้งในเรื่องของการกลับมามีพื้นที่ในสื่อบันเทิง และเพื่อ โปรโมตซิงเกิ้ลใหม่แม้ว่าผลของ “หน้าใหม่” ที่ออกมา ซึ่งอาจจะยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทาง จะดูละม้ายคล้ายหน้าของ “ดร. เสรี วงษ์มณฑา” แต่อย่างน้อยที่สุด ตอนนี้ก็ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก “ดร. เซปิง” กับโครงการ “เฟซ ออฟ ไทยแลนด์” เรียกว่าได้ผลประโยชน์ทางการตลาดไปเต็มๆ เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ผู้ทันสัดกรณีของแวดวงการทำศัลยกรรม ระบุว่าใบหน้าต้นแบบที่มีคนอยากทำศัลยกรรมให้เหมือน หรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงที่สุด ก็คือนางเอกตัวแม่อย่าง “อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ” ที่ดูยังไงก็สวยทุกองศา ไม่แปลกที่ดารายุคหลังทั้งช่อง 3 ช่อง 7 จะมีหน้าแบบพิมพ์นิยมของอั้ม รองจากอั้ม ก็เป็น “ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต” ที่มีโครงหน้าฮิตในหมู่คนนิยมศัลยกรรมไม่แพ้กัน ส่วนพิมพ์นิยมฝ่ายชาย ตกเป็นของ “มาริโอ้ เมาเร่อ” ทั้งหน้าตา และเอิ่ม.....หัวนมชมพู
และก็ต้องยอมรับว่าประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งการทำศัลยกรรม ก็คือเกาหลี ไม่แปลกที่เหล่าดารา , เซเลปทั่วฟ้าเมืองไทย เอะอะก็บินไปเกาหลีเป็นว่าเล่น อ้างว่าไปเรียนบ้างล่ะ ไปเที่ยวบ้างล่ะ แต่พอกลับมา ก็มีดั้งใหม่กลับมาทุกที ซึ่งทางผู้จัดการ 360 องศาสุดสัปดาห์ ได้รับการเปิดเผยเรื่องช้อมูล และรายละเอียดจากคลินิกศัลยกรรม LAPRIN PRINCESS SURGERY สาขาชองดัม ประเทศเกาหลี ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมครบวงจรที่ดีที่สุดติดอันดับ Top 5 ของประเทศเกาหลี เกี่ยวกับเรตราคาของการทำศัลยกรรม ดังนี้
ศัลยกรรมตา เริ่มต้นที่ 2,000,000 วอน (60,000 บาท)
ศัลยกรรมจมูก อยู่ที่ 4-5 ล้านวอน ( 120,000-150,000 บาท)
ศัลยกรรมหน้าอก 10 ล้านวอน ( 300,000 บาท)
ศัลยกรรมหน้า v- shape 3 ล้านวอน ( 90,000 บาท)
ศัลยกรรมดูดไขมัน 5,000,000 วอน (150,000 บาท)
แต่เมื่อผู้สื่อข่าวแอบตั้งข้อสังเกตว่าว่าเหตุใดหมอศัลยกรรม ทั้งที่ไทย และเกาหลี ไม่มีใครทำศัลยกรรมเลย
คำตอบที่ได้รับ ก็ทำให้ถึงดับอึ้ง และเสียวแทนคนที่เสพติดศัลยกรรมทั้งหลายจริงๆ
คำตอบนั้นก็คือ.....
หมอศัลยกรรมรู้ดีว่าปลายทางของคนที่ทำศัลยกรรมจะเป็นอย่างไร เพราะผลของการทำศัลยกรรมแทบจะทุกประเภท จะส่งผลกระทบต่อร่างกายเมื่ออายุมากขึ้น
ข้อเขียนนี้ไม่ได้มุ่งแอนตี้กระบวนการทำศัลยกรรม หรือคนที่ทำศัลยกรรม เพียงแต่จะสะท้อนให้เห็นอีกมุมหนึ่งว่าในความสวยงามนั้น อาจจะเคลือบไว้ด้วยยาพิษ ก่อนทำ หรือถ้าคิดจะทำ ก็ต้องชั่งใจ และศึกษาข้อมูลให้ถ้วนถี่ และที่สำคัญๆ เมื่อทำในระดับที่พึงใจแล้ว ก็ให้พอแค่นั้น พูดง่ายๆ ก็คือ (ทำ) สวยให้สุด แล้วก็หยุดซะ เพราะถ้าสวยแล้วยังไม่หยุด ชีวิตอาจต้องสะดุด เพราะหยุดสวย !!
(ที่มานิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 330 12-18 มีนาคม 2559)