ลุ้นกันมาหลายครั้ง แต่ก็ยังได้แค่ลุ้น สำหรับนักแสดงหนุ่มรูปงาม “ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ” แต่ปีนี้ ใครต่อใครต่างมองว่าโอกาสที่ตุ๊กตาทองของออสการ์จะเดินมาเข้ามือของ “ลีโอ” เป็นปลายทางที่สว่างไสว การได้รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมมาจากเวทีรางวัลสมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ (SAG) ซึ่งเชื่อกันว่ามีบารมีพอจะใช้เป็นมาตรวัดการตัดสินของออสการ์ได้ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้หนทางสู่ออสการ์ของลีโอนาโดแจ่มจรัส นั่นยังไม่นับรวมพวกโต๊ะพนันออนไลน์ของอเมริกาที่ถือว่ามีอิทธิพลใช่ย่อย ก็แทงลีโอด้วยราคาต่อรองล่าสุดวันนี้อยู่ที่ 1/40 และเป็นอันดับหนึ่งในโพย
ครับ, ถึงตอนนี้ เชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านคงได้รับชมผลงานการแสดงล่าสุดของลีโอนาโดไปแล้ว ในเรื่อง “เดอะ เรเวแนนท์” (The Revenant) โดยการกำกับของ “อเลฮานโดร กอนซาเลซ อินาร์ริตู” คนทำหนังสายเลือดเม็กซิกันซึ่งปีที่แล้วเพิ่งคว้ารางวัลออสการ์ 3-4 สาขาใหญ่ๆ มาครองได้สำเร็จจากเรื่อง “เบิร์ดแมน” (Birdman) โดยหนึ่งในรางวัลที่เบิร์ดแมนได้รับคือนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม “ไมเคิล คีตัน” ดังนั้น จึงเป็นอันเชื่อมือได้ว่า ศักยภาพของอินาร์ริตูนั้น สามารถปั้นนักแสดงระดับรางวัลออสการ์มาแล้ว แล้วทำไม จะปั้นลีโออีกคนไม่ได้?
ใน “เดอะ เรเวแนนท์” หนุ่มลีโอรับบทบาทเป็น “ฮิวจ์ กลาส” ชายวัยกลางคนที่มีชีวิตย้อนหลังกลับไปร้อยกว่าปี หนังเรื่องนี้มีที่มาจากเหตุการณ์จริงซึ่งเกิดขึ้นในราวปี ค.ศ.1823 “ฮิวจ์ กลาส” ร่วมเดินทางไปในขบวนสำรวจแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ โดยในระหว่างทาง เขาถูกหมีตัวหนึ่งขย้ำทำร้าย แม้ไม่ตายก็นับว่าปางตาย และกลายเป็นภาระของพรรคพวกร่วมขบวน ซึ่งแม้หลายคนจะเห็นพ้องต้องกันว่า สมควรหามพาฮิวจ์ กลาส กลับบ้านไปด้วย แต่หนึ่งในมวลมหาสมาชิก “จอห์น ฟิตซ์เจอรัลด์” (ทอม ฮาร์ดี้) กลับไม่ค่อยชอบสถานการณ์แบบนี้เท่าไหร่ สุดท้าย “ฮิวจ์ กลาส” จึงถูกทิ้งไว้ให้ตายเพียงลำพัง...แต่ก็อย่างที่ชื่อหนังทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยบอกไว้นั่นแหละครับว่า ชะตากรรมของฮิวจ์ กลาส ยังไม่ถึงกับขาดเสียทีเดียว เพราะ “เรแวแนนท์” (Revenant) ไม่ได้หมายถึงแค่ “ผี” หรือ “วิญญาณ” หากแต่หมายถึง “ผู้คืนถิ่น” ด้วย แต่จะ “คืนถิ่น” ด้วยสภาพแบบไหนอย่างไร นั่นเป็นสิ่งที่หนังบอกเล่าไว้ในระหว่างทาง
ในความเป็นหนัง ด้วยฝีมืออันเฉียบฉมังของอินาร์ริตู เชื่อว่าคนดูจะรู้สึกสนุกไปกับเรื่องราวได้ด้วยดี ซึ่งจริงๆ ก็สมศักดิ์ภาพยนตร์ผู้กำกับระดับรางวัลออสการ์ นอกจากนี้ เดอะ เรเวแนนท์ ยังได้รับรางวัลหนังยอดเยี่ยม (สาขาดราม่า) มาหมาดๆ จากเวทีลูกโลกทองคำ พร้อมกับเข้าชิงออสการ์ที่หลายคนก็ลุ้นกันว่า อินาร์ริตูจะพาหนังตัวเองเข้าไปคว้าตุ๊กตาทองเป็นปีที่สองได้สำเร็จหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร รางวัลที่ทุกคนคาดหวังและลุ้นกันมาก ก็คงหนีไม่พ้น “นำชายยอดเยี่ยม” ลีโอนาร์โด
เช่นเดียวกับหนังหลายเรื่องก่อนหน้า บทฮิวจ์ กลาส นั้นเปิดโอกาสให้ลีโอได้โชว์ทักษะการแสดงแบบเปี่ยมล้นพลัง มีทั้งความเศร้าและความแค้นสุมอยู่ในตัวละครตัวนี้ มีทั้งความน่าสิ้นหวังและการต่อสู้ฝ่าฟัน ฯ กล่าวได้ว่า หลากรสหลายอารมณ์การแสดงในตัวตนของคนคนเดียว อีกทั้ง “ทาง” ของตัวละครลักษณะนี้ก็ดูมีภาษีดีตลอดมาในมุมมองของออสการ์ คนที่ต้องฝ่าฟัน คนที่ต้องเผชิญกับชะตากรรมอันหนักหนาสาหัสแต่ก็ยังต่อสู้ดิ้นรน คนแบบนี้ออสการ์ปลื้ม นั่นยังไม่นับรวมถึงบทของลีโอในหนังเรื่องนี้ มันพาดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์บางเสี้ยวของอเมริกา บทฮิวจ์ กลาส จึงมีทั้งความน่าศรัทธาและมีความเป็นอเมริกาอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งเป็นใครก็น่าจะไม่ปฏิเสธนะครับว่า สิ่งนี้มีบทบาทพอสมควรต่อความคิดของออสการ์
อย่างไรก็ดี “ลีโอนาร์โด” ยังมีอีกหนึ่งคู่แข่งที่เปล่งแสงมาตั้งแต่ปีที่แล้ว นั่นก็คือ “เอ็ดดี้ เรดเมย์น” ซึ่งคว้าออสการ์ดารานำชายไปเมื่อคราวก่อน จากการรับบทเป็นสตีเฟ่น ฮอว์คิง ในเรื่อง The Theory of Everything และพอปีนี้ก็มีชื่อเข้าชิงออสการ์ในสาขาเดิมอีกครั้งจากหนัง The Danish Girl ที่สร้างมาจากเรื่องจริงของศิลปินชายชาวเดนมาร์กคนหนึ่งซึ่งแม้แต่งงานมีครอบครัวแล้ว แต่วันหนึ่ง ความเป็นหญิงที่ฝังตรึงอยู่ในส่วนลึกของชีวิตจิตใจก็ค่อยๆ เผยตัวออกมา และเด่นชัดถึงขนาดนำไปสู่การตัดสินใจที่จะผ่าตัดแปลงเพศ ซึ่งคนยุคนี้ก็คงไม่มีเหตุต้องแตกตื่นอันใดในการที่ใครจะผ่าตัดแปลงเพศ แต่เมื่อคิดถึงว่า นี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลากว่าร้อยปีที่แล้ว มันย่อมไม่อาจเห็นเป็นเรื่องธรรมดา เพราะไม่เพียงแต่มุมมองของคนในสังคมส่วนมากที่ยังไม่ยอมรับการมีอยู่ของเพศที่สาม (แถมมองว่าเป็นความวิปริตบิดเบือนทางเพศ หรือกระทั่งเป็นโรคจิต บ้า) หากแต่อีกส่วนหนึ่งยังเกี่ยวถึงวิทยาการทางการแพทย์ในยุคนั้นที่ยังไม่อาจจะมั่นใจได้เต็มร้อยว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นใด แต่ด้วยพลังการยืนหยัดหนักแน่นในตัวตนของตนเอง ทำให้ “ไอนาร์ เวเกเนอร์” (เอ็ดดี้ เรดเมย์น) พร้อมจะเปลี่ยนตัวเองไปเป็น “ลีลี่ เอลเบ” อย่างสมบูรณ์แบบ
เดอะ เดนนิช เกิร์ล กำกับโดย “ทอม ฮูเปอร์” ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า คนทำหนังชาวอังกฤษคนนี้ ทำหนังเรื่องไหน เป็นต้องได้เสียงปรบมือและคำชื่นชม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนังเรื่อง The King’s Speech ของเขา ก็เคยคว้าออสการ์ในสามสี่สาขาใหญ่ ทั้งผู้กำกับยอดเยี่ยม ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม รวมถึงนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (โคลิน เฟิร์ธ) ทอม ฮูเปอร์ นั้น ว่ากันจริงๆ ก็สายละเมียดละเอียดลออกับผลงานของตนเอง พิถีพิถันทุกกระเบียดนิ้ว พูดแบบง่ายๆ ก็คือสามารถกำกับหนังและการแสดงให้ส่งพลังออกมาได้ลุ่มลึกสะเทือนอารมณ์ และกับงานล่าสุด เดอะ เดนนิช เกิร์ล ก็กล่าวได้ว่าเป็นงานโชว์สุดยอดฝีมือการทำหนังของเขาอีกครั้งหนึ่ง ความเศร้า ความซึ้ง และความสวย พุ่งพวยออกมาจากทุกอณูของเรื่องราวแบบเปี่ยมล้นพลังดราม่า สำหรับผู้ชมสายอ่อนไหว เชื่อได้ว่ามีบ่อน้ำตาแตก ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งหมดทั้งมวลนั้น ล้วนเป็นแรงพลังของนักแสดงหลักทั้งสองคน หนึ่งคือ “อลิเซีย วิกันเดอร์” ที่รับบทภรรยาของไอนาร์ และอีกหนึ่งคือเอ็ดดี้ เรดเมย์น ที่กะเก็งกันไว้ว่าน่าจะเป็นคู่แข่งหลักๆ ในสายนักแสดงยอดเยี่ยม ตีคู่กับลีโอนาร์โด
สำหรับคนที่เคยดู The Theory of Everything คงรู้จริงรู้แจ้งในการแสดงระดับเทพของเอ็ดดี้ เรดเมย์น หลายคนบอกว่านั่นมันไม่ใช่การแสดงแล้ว แต่มันสูงไปถึงขั้นเหมือนกับเป็น “คนทรง” ที่รองรับเอาตัวตนของคนที่ตนรับบทบาทมาไว้กับตนแบบเต็มๆ เหมือนคนที่จมลึกดำดิ่งเข้าไปในบทนั้น และนี่ถ้าจะมองว่าเป็นเรื่องของพรสวรรค์ก็ใช่ส่วนหนึ่ง แต่ส่วนหนึ่งซึ่งสำคัญคือการเรียนรู้และเอาจริงเอาจัง เหมือนอย่างตอนที่เขาเล่นเป็นฮอว์คิง เขาถึงกับต้องใช้เชือกมัดข้อเท้าทั้งสองข้างเป็นวันๆ หรือหลายวัน เพื่อรับรู้-เรียนรู้สภาวะทุพพลภาพ ในภาษาทางการแสดง เรียกการเรียนรู้การแสดงเหล่านี้ด้วยคำว่า “เมซอด แอ็คติ้ง” (Method Acting) คือดาราที่จะแสดงบทใดๆ ต้องหาทางศึกษาลักษณะของตัวละครตัวนั้นจนกระจ่างทุกมุม ซึ่งขั้นสูงสุดก็คือการ(จำลอง)ใช้ชีวิตแบบตัวละครตัวนั้นๆ ไปเลย ขณะที่ในหนังเรื่องนี้ เดอะ เดนนิช เกิร์ล เราจะเห็นการทุ่มเทของเอ็ดดี้ตั้งแต่การที่เขาพยายามเก็บข้อมูลและศึกษาเกี่ยวกับบุคลิกท่าทางของผู้หญิง และผลลัพธ์ที่ออกมา ก็ถึงกับทำให้หลายคนสับสนไปเลยว่า เขาเป็นผู้หญิงไปแล้วจริงๆ หรือเปล่า
“เมซอด แอ็คติ้ง” ลักษณะนี้ เป็นที่ชื่นชอบของสถาบันศิลปะและวิชาการภาพยนตร์ หรือ “ออสการ์” มาโดยตลอด และนั่นก็เป็นเหมือนปราการด่านสำคัญด่านหนึ่งซึ่งทำให้หลายคนยังไม่กล้าฟันธงเต็มที่ว่า ปีนี้จะเป็นปีของลีโอจริงหรือเปล่า อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า นาทีนี้ เส้นทางสู่ตุ๊กตาทองตัวแรกในชีวิต ในสถานะนักแสดงยอดเยี่ยม แจ่มใสมากสำหรับลีโอนาร์โด กระแสมหาชนก็เอาใจช่วย และก็อย่างที่บอก แม้กระทั่งคะแนนพนันขันต่อของพวกโต๊ะพนันซึ่งพวกนี้ไม่ใช่หมูเห็ดเป็ดไก่ แต่เป็นพวกที่ศึกษา สังเกต และเก็บสถิติมาทุกปี เปิดโต๊ะแทงลีโอด้วยแต้มที่น่าลุ้นกว่าเอ็ดดี้ในราคาต่อรองซึ่งห่างกันหลายช่วงตัว (ลีโอนาร์โด 1/40, เอ็ดดี้ 11/1)
อย่างไรก็ดี สำหรับเราๆ ท่านๆ คนดูหนัง...ทั้งสองเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น “เดอะ เรเวแนนท์” หรือ “เดอะ เดนนิช เกิร์ล” ก็ล้วนควรค่าต่อการรับชมด้วยกันทั้งสิ้น พูดแบบไม่มีจริตจะก้านอะไรมาก ก็คงต้องบอกว่า หนังทั้งสองเรื่อง ดีมากครับ ยังไงก็ต้องดูครับ
ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม