ตี๋ใหญ่ เขาคือ อาชญากรที่ยิ่งใหญ่ของไทยที่ไม่มีใครอีกแล้วที่สร้างปรากฏการณ์สุดยิ่งใหญ่อย่างเขา ผู้ซึ่งสร้างความปวดหัวเวียนกล้าให้กับเจ้าหน้าที่มากที่สุด เขาเคยอยู่แฟ้มอาชญากรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคนต้องทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ความพรากเพียรพยายาม จนถึงขึ้นเสียสละความสุขส่วนตัว เงินส่วนตัว ในการไล่ลาตัวเขาหลายปี แต่ก็จับตัวไม่ได้ซะที จนกระทั้งกระทรวงมหาดไทยตั้งค่าหัวเขาถึง 50,000 บาท และเมื่อเขาตายเขาก็เป็นตำนานของไทยตลอดไป
งานนี้ ช่อง MONO 29 (โมโนทเวนตี้ไนน์) เลยส่งละครไทยซีรีส์ฟอร์มยักษ์เรื่อง "ตี๋ใหญ่ดับดาวโจร" ซึ่งได้ผู้จัดหน้าใหม่อย่าง "ตั๊ก นภัสรัญชน์", "ป๊อก ปิยธิดา มิตรธีรโรจน์", "ผู้พันเบิร์ด พ.ท.วันชนะ สวัสดี", "ปีเตอร์ นพชัย ชัยนาม" ในนาม บริษัท กลมกล่อม โปรดักชั่น จำกัด มาทำหน้าที่เป็นผู้จัดละครซีรีส์เรื่องนี้ครั้งแรก
"นัดคุย" ถือโอกาสที่นักแสดงหนุ่ม "กัน รัชชานนท์" , "กิ๊ก กรกมล" , "อิ๋ว พชรณมณ" กำลังมีผลงานซีรีส์เรื่อง "ตี๋ใหญ่ดับดาวโจร สนทนากับเจ้าตัวทั้งในเรื่องของงานละคร และการทำงานในวงการบันเทิงอย่างไรให้ได้ประโยชน์ นอกเสียจากเงินทอง
เห็นว่าในซีรีส์เรื่องนี้เราจะได้เห็นคาแรกเตอร์ของทั้ง 3 คน แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน?
กัน : "ใช่ครับ เพราะชีวิตจริงผมก็ไม่ได้อยากเป็นตำรวจนายร้อย พ่อเราก็ไม่ได้เป็นตำรวจ และสิ่งที่สำคัญเลย เราไม่ได้มีโรคประจำตัวเป็นหอบหืดด้วย ซึ่งตัวกันเองก็ต้องไปฝึกโรงเรียนนายร้อย ตัดผมสั้น คือทุกอย่างในฉากทีเราเล่นไม่มีอะไรที่ตรงกับชีวิตกันเลย แล้วเราก็ไม่เคยรับบทบาทอะไรพวกนี้มาก่อนด้วย เพราะเขาให้กันเรียนยิ่งปืน ไปเรียนแอ็กซ์ชั่น ก็ถือว่าเป็นอะไรที่ยากและท้าทายให้เราได้พัฒนาฝีมือครับ"
กิ๊ก : "สำหรับกิ๊กเป็นสาวตาบอด ก็ใกล้กับชีวิตจริงมากเลยค่ะ ตาบอดเพราะความรัก (หัวเราะ) จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องที่ไกลตัวหน่อย เหมือนเป็นสิ่งที่ท้าทายและต้องทำการบ้านหนักขึ้น ก็ได้เรียนรู้หลายๆอย่างเกี่ยวกับผู้พิการทางสายตา ก็ต้องลงพื้นที่เอง ต้องไปฝึกการเดินไม้เท้า แล้วก็ไปฟังละครเวทีของคนตาบอด แล้วก็มีการไปสัมภาษณ์พี่ที่พิการทางสายตาจริงๆ ทำให้เราไปอยู่ในโลกของเขาแล้วบางทีเราก็ต้องพยายามเหมือนหลับตาเดินในบ้านอะไรแบบนี้ ก็มีเยอะเหมือนกันที่ต้องปรับแล้วนำมาใช้ในการแสดง"
อิ๋ว : "บทบาทที่อิ๋วได้รับ คือธารใสจะออกห้าวๆ ลุยๆ หน่อย ตัวอิ๋วต้องปรับบุคคลิกตรงนั้น เพราะชีวิตจริงอิ๋วไม่ได้เป็นคนที่ห้าวเลย ต้องปรับเรื่องของเสียงด้วย รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในฉาก คือเราไม่เคยเจอในชีวิตจริงที่มีคนยิ่งกัน หรือไปเกี่ยวพันกับการค้ายาเสพติด"
ปรับเยอะมั้ย?
กัน : "บอกเลยนะครับว่าเรื่องนี้ยากเกือบทั้งเรื่องเลยนะ เพราะว่าโรคหอบหืดกันก็ไม่เคยเป็น และรู้ว่าตัวละครเรื่องนี้ต้องเป็นหอบหืด กันก็ต้องไปหาข้อมูล หรือถามกับเพื่อนที่เคยเป็นว่าเขาเป็นอย่างไร แบบในเรื่องบางตอนต้องหอบหืดด้วย และต้องมาโกรธแค้นอีก คือว่าโกรธแค้นธรรมดาว่ายากแล้ว แต่อันนี้โกรธแค้นไปหอบหืดอีก มันเป็นอะไรที่ยากมาก (หัวเราะ)"
"แล้วก็ยากตรงที่ว่าไม่เคยฆ่าคนซึ่งในเรื่องก็ต้องฆ่าคนอีกแล้วไม่เคยเข้าคุก ยิ่งปืนก็ไม่เคยฝึก ชีวิตจริงในเรื่องแถบไม่เคยทำอะไรเลย พอมาเล่นเรื่องนี้ได้ประสบการณ์ทุกอย่าง ส่วนที่ง่ายน่าจะเป็นตอนแรกเลย เป็นเหมือนครอบครัวที่สดใสไม่มีอะไร เป็นครอบครัวที่มีแต่ความสุข แต่หลังจากที่ครอบครัวโดนฆ่าตายหมด อันนี้ไม่มีอะไรที่เป็นคำว่าง่ายแล้ว มันยากหมดเลยครับ"
กิ๊ก : คงจะเป็นเรื่อง สาวตาบอด เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะไกลตัว แล้วเป็นบทบาทที่เรายังไม่เคยเล่น เรายังไม่รู้ว่ามันจะต้องทำยังไง จะเหมือนไหม อีกอย่างหนึ่งมันค่อนข้างกดดันด้วย มันค่อนข้างละเอียดในเรื่องของลักษณะท่าทางในของคำพูดที่จะต้องแสดงออกมา กิ๊กว่ามันยากมากเลยนะ (ยิ้ม)"
"ความง่ายน่าจะเป็นเรื่องของลักษณะนิสัยที่ยิ้มเก่งมากกว่า ในเรื่องเขาเป็นคนที่ไม่มีความทุกข์ ถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็นแต่เขาก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นปมด้อย หรือเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อตัวเขา โดยเขาก็พยายามมองโลกในแง่ดี ซึ่งอันนี้กิ๊กว่ามันน่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้ตัวละครเล่นออกมาได้ดี"
อิ๋ว : "สิ่งที่ยากคือเรื่องของใจตัวเองมากกว่าค่ะ เป็นเรื่องแรกของหนู ซึ่งหนูก็กดดันตัวเองมากๆ ทำให้มันรู้สึกว่ามันเครียดมากแล้วมันเกร็งมากๆ จนบางทีแบบเล่นไม่ได้ อันนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ยากที่สุดแล้ว"
ความต่างของซีรีส์ "ตี๋ใหญ่ดับดาวโจร" กับละครเรื่อง "ตี๋ใหญ่" ทั่วๆไปเป็นอย่างไร แล้วลองบอกหน่อยซีรีส์เรื่องนี้ที่น่าจะทำให้คนยอมเปลี่ยนช่องไปดู?
"ถ้าพูดถึงเรื่องเค้าโครงดำเนินเรื่องนะครับ ต้องบอกเลยว่าเป็นการแต่งบทประพันธ์ใหม่จากพี่ปีเตอร์เลยครับ เค้าโครงเป็นตี๋ใหญ่เก่า นำแสดงโดย "พี่เต๋า สมชาย" และคือชื่อตัวตี๋ใหญ่มีหมอดูมาทักเขาว่าเดือนเกิดเป็นมหาดวงโจร ซึ่งตี๋ใหญ่ที่ผ่านมาก็เป็นดวงอย่างนี้เหมือนกัน ทำให้ตัวตี๋ใหญ่เขาก็ไปยึดติดว่า เขาจะเป็นโจรนะในอนาคต ซึ่งมันทำให้เป็นจุดกำเนิดของเรื่องนี้ จริงๆ ตัวเขาอาจจะไม่ได้เป็นคนที่คิดร้าย แต่ด้วยการที่มีคนมาเตือนว่าเขาต้องเป็นแบบนี้ ซึ่งเรื่องตี๋ใหญ่ดับดาวโจรนี้จะคล้ายกันแค่ดวงเกิด นอกนั้นพี่ปีเตอร์เขาปรับเปลี่ยนใหม่หมดเลย"
"เต๋า สมชาย" นักแสดงรุ่นเก๋าที่คนไทยรู้จัก กับการมาเจอกันในละครเรื่องแรก แถมบทบาทที่ได้รับต้องเล่นเป็นภรรยาอีก งานนี้ทำเอาสาว "กิ๊ก กรกมล" ถึงกับเจอศึกหนัก พร้อมทั้งบอกว่ารู้สึกเกร็งและตื่นเต้นไปหมด
กิ๊ก : แรกๆ จะออกอาการตื่นเต้นค่ะ เจอพี่เต๋าวันแรกจะตื่นเต้นหน่อย แล้วบทก็ยาวพี่เต๋าบอกว่าให้โอกาสแค่ห้าเทคนะ ซึ่งแรกๆเหมือนจะดุ แต่หลังๆ ไม่ดุเท่าไหร่ แรกๆ จะกวนๆ หน่อย แต่หลังๆพยายามจะคุยกันให้ผ่อนคลายมากกว่า แล้วพี่เขาก็จะคอยให้คำปรึกษา"
"ถามว่าตอนเล่นเป็นคนตาบอดยากขนาดไหน บอกเลยค่ะว่ายากมาก (ลากเสียงยาว) คือเราเคยเล่นแบบมองตากัน แล้วมันจะสื่ออารมณ์ออกมาทางสายตา แต่อันนี้เราจะต้องไม่โฟกัส มันเหมือนว่าไม่มีคนพูดด้วย แต่จริงๆ มันมีคนพุดอยู่นะ เราก็ต้องไปโฟกัสอีกเรื่องหนึ่ง ต้องไปมองต่างที่มีก็ต้องเป็นอีกคาแรคเตอร์ที่นิ่งๆ จะดูเยอะไม่ได้อะไรแบบนี้"
หินทุกฉาก!
ได้นักแสดงรุ่นพี่ “เต๋า สมชาย” ก็มีซักซ้อมคิวบู๊อยู่พักใหญ่กว่าจะลงตัว พร้อมกับแนะนำให้น้องกันว่าต้องหลบต้องหลีกยังไงไม่ให้พลาดเกิดอุบัติเหตุได้ แถมยังออกแบบท่ายิงด้วยตัวเอง เรียกได้ว่ามืออาชีพของจริง หลังจากทุกอย่างพร้อมก็เริ่มถ่ายทำทันที เจาะถ่ายหลายมุมเพื่อให้ภาพออกมาสมจริงที่สุด โดยเฉพาะเป็นฉากที่ต้องถ่ายแบบต่อเนื่องเลยทำให้การถ่ายทำใช้เวลานาน บวกกับสถานที่ค่อนข้างแคบเลยยิ่งทวีความยากขึ้นไปเป็นสองเท่า แต่งานนี้คนที่อึดและอ่วมที่สุดคงจะเป็น “กัน” ที่ทั้งวิ่ง ทั้งยิง ทั้งบู๊ ทำเอาถึงกับเหงื่อตก
กัน : "อย่างที่บอกว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของกันต์ที่บู๊แอ็กชั่นเลยครับ ปกติกันไม่เคยเล่นแบบนี้เลยครับ แล้วทุกตัวละครของเรื่องนี้ก็มีแบคกราว หรือมีปมลึกๆ เป็นของตัวเอง เสมือนว่าเอาตัวละครที่มีปมมีปัญหามาเจอกันครับ เหมือนเป็นละครโลกของปัญหาเลยที่ต้องช่วยกันแก้ในเรื่อง แถมเรื่องนี้จะเน้นแอ็กซ์ชั่น ดราม่า เศร้า โกรธแค้น และเป็นนักแสดงใหม่ที่ต้องไปประกบนักแสดงรุ่นใหญ่หลายๆคน ไม่ว่าจะเป็น พี่ปู, ป๋าเทพ, พี่แมน ฯลฯ"
บอกฉากที่แสดงร่วมกับ "พี่เนวัดดาว" ในคุกนั้น บอกเลยว่าไม่มีอะไรที่สบายกว่าการใช้ชีวิตอยู่นอกคุกอีกแล้ว
กัน : "คือเอามาจากชีวิตจริงเลยครับ เพราะพี่ปีเตอร์ที่เป็นผู้กำกับเขาถามพี่เนแล้วว่า เวลาอยู่ในคุกเข้าจะกินข้าวยังไง เขาจะบอกเลยว่ากินข้าวจะไม่เหมือนคนที่อยู่ข้างนอก เหมือนว่าในคุกจะมีท่ากินที่นั่งจก เหมือนว่าเขาต้องให้คนที่ใหญ่สุดกินก่อน คนที่เป็นลูกน้อง คนที่ฐานะยศต่ำลงมาก็ต้องรอ เขาจะมีวิธีการกินการนั่งการใช้ชีวิตการรอจะไม่เหมือนกับคนข้างนอก"
กัน : แล้วฉากที่กันต้องไปเป็นนักเรียนนายร้อย บอกเลยครับว่าในชีวิตไม่เคยสั้นขนาดนี้ สั้นสุดก็ตอนอุนบาลเลยครับ จากนั้นกันไว้ผมยาวมาตลอดชีวิต เรื่องนี้ต้องเต็มที่ครับ ผู้กำกับก็จัดเต็มทุกอย่าง เขาก็ต้องลงทุนเต็มที่ครับ ผมไถ่หัวเกรียนเลย ปกติจับผมต้องติดมือ (ทำท่าจับผมแล้ว หัวเราะ) ช่วงนั้นถ่ายจับไม่ได้สักทีมันลื่นไปหมด แถมเรื่องนี้ไปฝึกจริงๆด้วยครับสองวัน เหมือนแฝงตัวเอาชุดนายร้อยใส่เดินเข้าไป ทั้งเขาแถว วิ่ง และกินข้าวอยู่ในนั้น
"และตอนกินข้าวเขาจะมีหินไว้ที่หัวตอนปีหนึ่ง ใช้ชีวิตทุกอย่างเหมือนนายร้อยจริงๆ ค่อนข้างเข้าใจถึงความลำบากเลยว่ากว่าจะมาเป็นตำรวจจริงๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย กว่าจะได้กินได้นอน แล้วตอนที่ไปถ่ายก็ร้อนมาก ซึ่งก็มีหลายฉากที่โดนทำโทษจริงๆ ผู้พันเบิร์ดก็สั่งแบบจัดเต็มมาก (หัวเราะ) เป็นทั้งผู้จัดและนักแสดง พอลงเป็นนักแสดงดุมากครับ เป็นครูฝึกที่ดุมากในเรื่อง เคร่งมากสั่งวิดพื้นร้อนมากผู้พันเบิร์ดก็ไม่หยุดสั่งนะ โอเคผมก็วิดพื้นยาวเลย เรื่องนี้คือเต็มที่มากจริงๆ"
กำลังเข้นข้นขึ้นเรื่อยๆ กับฉากบู๊แอ๊กชั่น งานนี้ได้ติวเตอร์อย่างหนุ่ม "เต๋า สมชาย" ที่ช่วยซักซ้อมคิวบู๊ พร้อมกับแนะนำให้ต้องหลบต้องหลีกยังไงไม่ให้พลาดเกิดอุบัติเหตุ
กัน : "ส่วนมากกับพี่เต๋าเราไม่ค่อยพลาดกันนะครับ ก่อนถ่ายทำเราจะมีการซ้อมก่อนหลายๆรอบเพื่อให้มันแบบว่าชัวร์ที่สุด เพราะว่าเราก็ยังเป็นมือใหม่ยังไม่ค่อยรู้ทางด้านแอ๊กชั่น พี่เต๋าเขาก็จะเทรนบอกคิวให้ว่าต้องประมาณนี้ แล้วก็ซ้อมกันก่อนที่จะถ่ายเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุหรือความผิดพลาดตอนถ่าย"
เห็นว่า "อิ๋ว พชรณมณ" มีคนเม้าส์ว่าในจอสนิทสนมกันมากกับ "กัน รัชชานนท์" แล้วนอกจอพอมีลุ้นให้จิ้นมั้ย?
อิ๋ว : "(หัวเราะ) ต้องบอกก่อนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก และเป็นงานแรกที่ได้มาทำงานร่วมงานกับกัน ตอนแรกก็ไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ค่ะ พอได้ทำงานด้วยกันมากขึ้นก็สนิทกันมากขึ้น ถึงตอนนี้ก็โดนกันแกล้งบ่อยๆค่ะ ก็ต้องยอมรับชะตากรรม"
กดดันมั้ยกับซีรีส์เรื่อง "ตี๋ใหญ่ดับดาวโจร" เพราะหลายคนก็จับตามองว่าเวอร์ชั่นนี้จะสู้กับเวอร์ชั่นเก่าๆ ที่ผ่านๆมาได้หรือเปล่า?
กิ๊ก : "กดดันค่ะ เพราะเราก็เป็นนักแสดงน้องใหม่ด้วยแหละเนอะ ยังเด็กๆกันอยู่ ซึ่งยังไม่ได้คุ้นหน้าคุ้นตากันเยอะ แล้วเราก็ได้มาร่วมงานกับพี่ๆรุ่นใหญ่ด้วย จริงๆ แล้วกดดันมาก แต่เราก็คิดว่าเราจะพยายามทำผลงานชิ้นนี้ออกมาให้ดีที่สุดแล้ว อยากให้ทุกคนเปิดใจยอมรับ และติดตามชมกันด้วยนะคะ (อ้อนเสียงหวาน)"
กัน : "ทุกท่านไม่ว่าจะเป็นพี่ทีมงาน ผู้จัดหน้าใหม่ แล้วก็นักแสดงรุ่นใหญ่ ส่วนพวกเราก็ทำอย่างเต็มที่ แล้วก็คาดหวังให้ออกมาดีที่สุด แล้วถูกใจคนดูให้มากที่สุดครับ
สีสันโลกมายา?
วงการบันเทิง หรือ ที่หลายคนเรียกว่า “วงการมายา” ประกอบด้วยหลากหลายอาชีพ ได้แก่ ดารา นักแสดง นักร้อง นักเต้น พิธีกร ตลก หรืออาจรวมถึงผู้ประกาศข่าวด้วย หลายคนยอมรับว่าวงการนี้มีความน่าสนใจเพราะได้สร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง จนบ้างครั้งทำให้ลืมตัวตนที่แท้จริงของตัวเองไป
กัน : "จริงๆแล้วกันว่าวงการบันเทิงให้อะไรหลายๆ อย่างนะครับ การที่เรามาอยู่ตรงนี้เหมือนตัวของเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และมุมมองความคิดการใช้ชีวิตทำให้เรามีมุมมองที่เพิ่มมากขึ้นจากที่เด็กๆ อาจจะมองแค่มุมเดียว แต่พอเราได้มาทำงานจริง ได้มาสัมผัสประสบการณ์ที่ต้องไปทำงานต่างๆ มันก็ทำให้เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้นด้วยครับ"
"และการที่กันอยู่ในวงการบันเทิง สิ่งที่เปลี่ยนไป มันเป็นการที่ทำให้เราเข้าใจถึงการหาเงินเลยครับ คือตอนที่เราเป็รเด็ก เราหาเงินไม่ได้ เราก็ไม่รู้หรอกว่าเงินที่พ่อแม่กว่าจะได้มายากลำบากขนาดไหน พอเราได้มาทำงานได้สัมผัสจริงๆแล้ว เราก็โอโห้กว่าเราจะได้เงินมามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องตื่นเช้าแถมยังต้องมาเข้าฉากทุกวัน ไม่รู้ว่าแต่ละวันจะเลิกกี่โมง เพราะทุกวันเราทำงานกันหนักมาก เราเลยเข้าใจว่าโอเคพอได้เงินอย่างนี้ต้องคำนวนเงินดีๆว่า เราต้องใช้อะไรบ้าง โดยที่เราไม่ใช่อย่างฟุ่มเฟือย เพราะเงินมันไม่ได้หาง่ายอย่างที่เราคิดไว้ตอนแรกด้วย"
กิ๊ก : "สำหรับกิ๊กให้เรื่องของความรับผิดชอบมากกว่า ซึ่งมันจะมีเรื่องของความรับผิดชอบในหลายๆด้าน ทั้งเรื่องของการทำงาน เรื่องของเวลา อย่างการทำงานใครหลายคนอาจจะมองว่านักแสดงเป็นเรื่องที่ง่าย แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้ง่ายเลย แต่ละบทบาทที่เราได้รับต้องทำการบ้านเยอะและหนักมากในตัวเรา แล้วพอทำการบ้านเสร็จพอเรามาเล่นเราก็ต้องกดดันอีกว่ามันจะออกมาดีไหม แล้วพอจะฉายคนดูจะชอบไหม มันทำให้เรารู้สึกว่ามันต้องมีความรับผิดชอบกับตัวเองตลอดเวลาว่าต้องกระตื้อรื้อร้น"
"ซึ่งจริงๆ ในวงการเจอสิ่งที่ยั่วยุเยอะมากนะ แต่กิ๊กว่ามันอยู่ที่ตัวคนมากกว่า เพราะกิ๊กเป็นคนขอนแก่น แล้วเหมือนเวลาก่อนหน้านี้ที่ต้องเรียน กิ๊กต้องนั่งรถทัวร์ไปกลับกรุงเทพฯ - ขอนแก่น ตลอด ซึ่งมันขึ้นอยู่ที่ตัวเราว่าอยากให้ออกมาเป็นแบบไหน คือถ้าเกิดว่าเราจะเลือกที่จะมาเรียนที่กรุงเทพฯ ก็ได้แต่เรารู้สึกว่าเราอุส่าเอ็นติดแต่ทำไมเราถึงไม่เรียนให้จบที่นั้นล่ะ ซึ่งมันก็เป็นความคิดของแต่ละคนที่คิดว่ามันมีสิ่งยั่วยุมาก็จริง แต่ถ้าเรารับก็คือเรารับ แต่ถ้าไม่รับก็คือเราไม่รับ ก็อยู่ไปแบบนี้ ใช้ชีวิตของเราที่ต้องรับผิดชอบ"
"ชินหรือยังกับการอยู่ในวงการบันเทิง ต้องบอกว่าแก่แล้วเนอะ (หัวเราะ) ถามว่าชินไหมก็ 4-5 ปีแล้ว มันก็ยังไม่ชินนะ ถ้าจะชินในอีกแบบหนึ่งน่าจะเป็นเรื่องของการทำงาน แต่ถ้าในเรื่องงานแต่ละชิ้นยังไม่ชินนะ เพราะว่ามันต้องรู้จักคนใหม่เรื่อยๆ ทั้งผู้กำกับ นักแสดง ที่มาเล่นกับเราต้องทำความรู้จักตลอด กิ๊กคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ชิน แต่มันเป็นเรื่องที่เราต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาคะ"
อิ๋ว : "ของน้องอิ๋วมีความรับผิดชอบมากขึ้น โตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น จากที่แบบเป็นเด็กที่เที่ยวเล่นไปวันๆ โดยไม่มีภาระอะไร พอได้มาทำงานตรงนี้ก็รู้สึกว่าเราต้องรับผิดชอบตัวเอง รับผิดชอบครอบครัว พอเรามีรายได้แล้ว เราก็บอกว่าแม่ไม่ต้องทำงานแล้ว เดี๋ยวหนูช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งมันก็เป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งของเรา ถ้าถามว่าพ่อแม่เป็นห่วงไหมที่เข้ามาในวงการบันเทิง ตอนแรกก็เป็นห่วงมากค่ะ คือเขาจะตามประกบเรา แถมยังไปรับไปส่งอีกด้วย แต่พอเดี๋ยวนี้เขาก็เริ่มปล่อยแล้ว เพราะเห็นว่าเราโตขึ้น และเราก็ดูแลตัวเองได้แล้วด้วยค่ะ (ยิ้ม)"
"และตั้งแต่ที่เราได้เข้ามาอยู่ในวงการ เราก็ต้องระวังตัวเองมากขึ้น โดนเฉพาะเรื่องของโลกโซเชียล ซึ่งเราต้องระวังเรื่องของการโพสต์การแชร์ คือเราต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับพวกน้องๆ ที่เห็นเราเป็นไอดอลอะไรแบบนี้ ถามว่ามันต้องทิ้งความเป็นตัวเองไปหมดเลยไหม ก็ไม่ค่ะ ก็ยังต้องหลงเหลือความเป็นตัวเองอยู่ คือเราจะไม่พยายยามเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นอีกคนๆนึงเพื่ออยู่ในวงการนี้"
ความต่างของการเป็นนักร้องกับนักแสดง?
กัน : "มันต่างมากๆ เลยนะ คือถามว่าชอบอันไหนมากกว่า จริงๆ มันก็ชอบทั้งคู่นะครับ มันเหมือนคนละอย่างเลย อย่างร้องเพลงมันจะเป็นตัวของตัวเองก็ร้องเพลงให้คนดูเพลิดเพลินสนุกสนานไป ทำให้คนดูมีความสุขกับเสียงที่เราร้อง การแสดงเหมือนว่าเราต้องเป็นตัวละครตัวนั้นๆ ที่ไม่ใช่ตัวของเราที่สนุกก็โอเค เราเหมือนใช้ชีวิตที่เราไม่เคยได้ใช้ แต่พอมาเป็นในละครเราสามารถได้ใช้มันก็ท้าทายเตือนเต้นไปอีกแบบหนึ่ง"
สุดท้ายนี้คิดว่าเราประสบความสำเร็จในวงการบันเทิงหรือยัง?
กัน : "สำหรับผมนะครับ ผมคิดว่ามันเพิ่งเป็นจัดเริ่มต้นดีกว่า เหมือนกับมันไม่มีทางสิ้นสุดหรอกครับ คือเหมือนนักแสดงทุกคนต้องรู้จักการพัฒนาตัวเองครับ และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ผมมองว่ามันอีกยาวไกลนะครับ กว่าเราจะไปถึงจุดนั้น"
กิ๊ก : กิ๊กมองว่ามันเป็นเรื่องของพรแสวงมากกว่าพรสวรรค์ เพราะว่าหลายๆ คนไม่มีใครที่เล่นละครมาเป็นตั้งแต่เกิดเนอะ เราก็เหมือนเรียนแอตติ้ง ทำให้เราพยายามจะรับรู้เรียนรู้ในวิชา เพราะมันก็เหมือนเป็นการเรียนวิชาหนึ่งเลย คือเราเรียนแอตติ้งมันก็จะมีหลักการ และวิธีของมันต้องเป็นอย่างไร อาจจะเกี่ยวในพรสวรรค์นิดนึงตรงที่ความรู้สึกสามารถจะแสดงออกมาได้สองด้านอย่างแสดงไปอย่างหนึ่ง แต่ใจเราคิดอีกอย่างหนึ่งที่แสดงออกมาทางสายตา มันก็เหมือนเป็นอีกอย่างหนึ่งที่เรามีมา"