“ค่ะ ไม่คิดจะลืมตลอดชีวิตค่ะ”
คือคำตอบล่าสุดของ “แตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์” ที่ตอบสื่อมวลชน เกี่ยวกับอดีตสามี “โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์”
ในขณะที่คำตอบสุดท้ายจากปากของโตโน่ คือ
“ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก มันชัดมากแล้ว”
ก่อนจะขยายความซ้ำกันชัดๆ ทำนองว่า.....อยากรัก อยากรอ อยากใส่แหวนก็เชิญ
ดูเหมือนว่าความรู้สึกของอดีตสามี-ภรรยาคู่นี้ จะ “สวนทาง” กันตลอด นับตั้งแต่มีข่าวเลิกรากัน
ฝ่ายหญิง ก็ตั้งหน้าตั้งตาเวิ่นเว้อเพ้อพร่ำ พูดและทำทุกอย่าง เพื่อให้เป็นกระแส โดยใช้สื่อออนไลน์ของตัวเองเป็นเครื่องมือ รวมถึงยืมปากกานักข่าวเพื่อช่วยกระพืออีกแรง เรียกว่าพยายามที่จะสร้างข่าวให้ตัวเองตลอดเวลา จนแยกไม่ออกว่าความรู้สึกที่แท้จริงคืออะไร
ตรงข้ามกับโตโน่ ที่ยืนหยัดชัดเจน นั่นคือหลีกเลี่ยงที่จะพูดพาดพิงถึงอดีตภรรยา เพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด หรืออีกนัยหนึ่ง ก็อาจเป็นไปได้ว่า ไม่อยากตกเป็น “เครื่องมือ” ให้ฝ่ายตรงข้ามใช้ปั่นกระแส สังเกตว่าถ้าไม่ถูกเค้นคอถามจริงๆ โตโน่ก็จะงดแสดงความคิดเห็นเสมอ หรือพยายามพูดให้น้อยที่สุด แม้กระทั่งในวันที่ตั้งโต๊ะแถลงข่าวการเลิกกัน ก็เรียกว่าแทบจะไม่หลุดสาเหตุที่แท้จริงของการหย่าร้างกันออกมา
และเมื่อมหากาพย์เรื่องยาวดำเนินมาจนมีตัวละครตัวใหม่เพิ่มขึ้นมา นั่นคือ “หยาด-หยาดทิพย์ ราชปาล” ที่ตกเข้ามาร่วมในวังวนเพราะเป็นข่าวว่าเป็นผู้หญิงคนใหม่ที่โตโน่กำลังสานสัมพันธ์อยู่ในขณะนี้ งานนี้มีหรือที่แตงโมจะอยู่เฉย เพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นประเด็นที่นักข่าวกำลังให้ความสนใจ จึงไม่รั้งรอที่จะฉวยโอกาสนี้ เพื่อยึดพื้นที่สื่อให้กลับมาเป็นของเธออีกครั้ง โดยเฉพาะการเจ้ากี้เจ้าการโทร. ไปหาหยาด ไม่ได้เพื่อถามไถ่ตามปกติในฐานะที่รู้จักมักคุ้นกันมาก่อน หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ซึ่งเธอก็ย่อมรู้ดีว่าเธอไม่มีสิทธิ์นั้นแล้ว แต่แตงโมก็เลือกที่จะใช้โอกาสนี้ “ชง” ประเด็นขึ้นมาใหม่ นั่นคือเปิดเผยเรื่องผู้ชายที่หยาดคบอยู่ ซึ่งก่อนหน้านี้แทบไม่เคยมีใครระแคะระคายเรื่องนี้มาก่อน เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่แค่การ “แฉ” ธรรมดา แต่อาจจะซ่อนเงื่อนงำที่ซับซ้อนลงไปกว่านั้น หากจะทำให้ทุกคนตีความว่าหยาดกำลังคบซ้อน
“โมกับหยาดเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก และไม่มีทางทะเลาะกันเลยค่ะ คนคิดแทนเราไปกันไกลและเยอะมาก มันไม่มีอะไรเลยค่ะ มันเป็นธรรมดาค่ะที่โมจะโทร.ถามเพราะว่าโมเองจะได้รู้ว่าตัวโมเองควรอยู่ในสถานะไหน เราควรที่จะรอหรือเขยิบออกมาอีกหน่อย คนที่เคยใช้ชีวิตร่วมกันนะคะ ถ้าเวลาแยกทางกันแล้ว แต่การที่ยังรักกันอยู่ก็ดีกว่าเกลียด เราผูกพันกันมามันมีเรื่องราวค่ะ ไม่ใช่ว่าพอเลิกกันแล้วก็ด่าสาดเสียเทเสีย ความรักของเราที่ผ่านมามันสวยงามค่ะ มันไม่จำเป็นว่าในอนาคตเราจะต้องเกลียดกัน โมไม่ได้หึงไม่ได้หวงค่ะ ที่คุยกัน 50 เปอร์เซ็นต์เป็นเรื่องของตัวโม อีก 50 เปอร์เซ็นต์เป็นเรื่องของ “โคดี้” แฟนหยาด”
เพราะตอนที่หยาดให้สัมภาษณ์กับสื่อ ก็พูดแค่ว่าแตงโมโทร.หาจริง แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดถึงขนาดนั้นว่าคุยเรื่องอะไรกันบ้าง
“ก็ไม่ได้มีอะไรกับทางโมอยู่แล้วค่ะเพราะเรารู้จักกัน ทำงานมาตั้งแต่เด็กเหมือนกัน ส่วนตัวสนิทกับโม มีได้พูดคุยกันค่ะ เรื่องรายละเอียดขออนุญาตไม่ตอบแล้วกัน โมโทร.มานะคะแต่คุยกันด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไรเลย
คือหยาดก็ไม่อยากจะพูด เพราะหยาดไม่ชอบพูดเรื่องพวกนี้ ถึงหยาดจะคบกับใครหรือคุยกับใครจริงๆ ก็ขอเก็บไว้เป็นเรื่องส่วนตัวดีกว่า ขอไม่เปิดเลย เพราะไม่ได้เปิดมานานแล้ว อย่างที่โน่ตอบไปแล้วว่ารู้จักกันแต่ไม่ได้อะไรค่ะ ไม่ได้จีบหรอกค่ะ มีโอกาสได้รู้จักกันเฉยๆ คุยกันไม่บ่อยเพิ่งจะได้มาคุยกันตอนมีข่าวนี่แหละค่ะ เขาก็เป็นคนที่ดีคนหนึ่ง เขาโทร.มาขอโทษตั้งแต่แรกเลยที่ทำให้หยาดเดือดร้อน กังวลเรื่องข่าวว่าเราจะเสียหาย ขอโทษขอโพยไม่รู้กี่สิบรอบ
ฟากโตโน่ก็มาแบบแมนๆ ตามฟอร์ม ด้วยการให้คำสัมภาษณ์แบบ “บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น” คือปกป้องทั้งเรื่องหยาดคบซ้อน และเรื่องที่คนมองว่าแตงโมจงใจที่จะให้ข่าวว่าร้ายหยาด
“ผมกับหยาดก็ไม่ได้คุยกัน ที่คุยก็เป็นช่วงที่เป็นข่าว ที่เราขอโทษเขา หลังจากนั้นไม่ได้มีการสานต่อกัน ส่วนที่บอกว่าหยาดคบซ้อนก็ไม่ใช่หรอกครับ หยาดเขาก็ไม่ใช่คนอย่างนั้น มันก็ไม่ได้มีอะไรนี่ครับ ไม่ได้มีอะไรมาตั้งแต่ต้นแล้ว
ส่วนเรื่องแตงโม ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรครับ เราก็อยู่ของเรา มีเรื่องมีประเด็นอะไรมาถามเราก็ตอบ อะไรตอบไปแล้วได้รับผลกระทบกับคนอื่นเราก็เงียบ อะไรที่ตอบแล้ว เรื่องจะจบ เข้าใจได้ ก็ไม่มีอะไรต้องคุยอีก มันชัดมากแล้ว ความรู้สึก ดีๆ เรามีให้กันนะครับ ใครจะทำอะไรก็เป็นสิทธิ์ของเขา จะรักจะรอ ทุกคนมีสิทธิ์รู้สึก มีสิทธิ์จะทำ แต่ผมก็อยู่แบบนี้ของผม ก็ทำงานของผมไป
ผมตอบได้เท่านี้ ผมไม่ได้คิดว่าโมจะเจตนาให้เป็นอย่างนั้นนะ ถ้าให้ผมตอบได้ ผมตอบว่าหยาดไม่ได้ทำแบบนั้น ไม่ได้เป็นแฟน ไม่ได้คบกัน ถ้าจะมาเล่นประเด็นคบซ้อนมันไม่ยุติธรรมกับหยาด ถ้าใครจะมองว่าผมตอบแบบนี้ดูปกป้องหยาด เพื่อนก็ต้องปกป้องเพื่อน ต่อให้เขาเป็นคนที่ผมไม่รู้จัก แต่ถ้ามีคนไปว่าเขาแล้วเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น ผมก็จะปกป้องเขา ต่อให้ไม่ต้องเป็นแฟนหรือเป็นเพื่อนผม ผมก็จะปกป้อง”
เมื่อลองพินิจจากนิสัยการพูดจาตรงไปตรงมาของโตโน่ ก็น่าจะเชื่อแน่ได้ว่า เขาน่าจะไม่มีคิดอะไรเกินเลย หรือตั้งใจจะจีบหยาดตามที่ยืนกรานจริงๆ เพราะถ้าย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เดินหน้าจีบแตงโม เขาก็ยืดอกประกาศออกสื่อแบบเสียงดังฟังชัด โดยไม่สนใจเสียงทัดทาน หรือคัดค้านของคนรอบตัวด้วยซ้ำ และถ้าไล่เรียงเหตุการณ์ต่อจากนั้น เขาก็ชัดเจนมาตลอด รักก็บอกรัก เลิกก็บอกเลิก ไม่กลับก็บอกไม่กลับ ไม่มาพิรี้พิไรหรือพูดอะไรให้คลุมเครือ ไม่ต้องมานั่งเลี้ยงไข้ เพื่อหวังให้ตัวเองเป็นข่าวอยู่เรื่อยๆ
พูดง่ายๆว่าในบรรดาสามเส้านี้ โตโน่ “ชัดเจน” ที่สุดแล้ว
ที่มานิตยสาร ASTV สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 313 7-13 พฤศจิกายน 2558