xs
xsm
sm
md
lg

ลาโลกแล้วผู้เขียนบท "E.T." เจ้าของวลีอมตะ "E.T.โฟน โฮม"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"เมลิซซา แมธทิสัน" นักเขียนบทภาพยนตร์เจ้าของผลงานสุดคลาสสิก E.T.: The Extra Terrestrial และเป็นอดีตภรรยาของ "แฮร์ริสัน ฟอร์ด" ได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 65 ปี

นอกจาก E.T.: The Extra Terrestrial ของ สตีเวน สปีลเบิร์ก แล้ว เมลิซซา แมธทิสัน ก็ยังมีผลงานการเขียนบทหนัง The Black Stallion ด้วย โดย เดิร์ก แมธทิสัน น้องชายของเธอได้ให้ข่าวกับสื่อเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า แมธทิสัน ได้จากโลกนี้ไปด้วยวัย 65 ปี เมื่อวันพุธที่ 4 พ.ย. หลังมีอาการป่วย โดยทางญาติของเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับอาการป่วย และสาเหตุการเสียชีวิตเอาไว้เป็นเรื่องส่วนตัว

โดย เมลิซซา แมธทิสัน ยังเพิ่งได้กลับมาร่วมงานกับ สตีเวน สปีลเบิร์ก อีกครั้งในการดัดแปลงนิยายเรื่อง The BFG ของ โรอัลด์ ดาห์ล ให้เป็นบทภาพยนตร์ และกำลังอยู่ระหว่างถ่ายทำเพื่อเข้าฉายในปีหน้า

ซึ่งนอกจากงานด้านการเขียนบทแล้ว แมธทิสัน ยังเป็นที่รู้จักในฐานะอดีตภรรยาของพระเอกคนดัง แฮร์ริสัน ฟอร์ด ที่ทั้งคู่แต่งงาน จนใช้ชีวิตร่วมกันระหว่างปี 1983 - 2004 และมีลูกด้วยกัน 2 คน

ตลอดระยะเวลาในการทำงานในวงการหนังมาเกือบ 40 ปี เมลิซซา แมธทิสัน ซึ่งเกิดที่ลอสแอนเจลิส และจบการศึกษาจาก U.C. Berkeley มีผลงานออกมาไม่ค่อยมากนัก แต่ก็มีงานน่าประทับใจไม่น้อย และยังเคยร่วมงานกับผู้กำกับระดับโลกอย่าง มาร์ติน สกอร์เซซี ในภาพยนตร์เรื่อง Kundun มาแล้ว โดยปกติเธอมักจะถนัดการเขียนบทหนังสำหรับเด็กเป็นพิเศษ นอกจากเคยดัดแปลงหนังสือเด็กระดับคลาสสิกอย่าง The Indian in the Cupboard ให้เป็นบทภาพยนตร์แล้ว ก็ยังมีผลงานในการเขียนหนังสำหรับโทรทัศน์ Son of the Morning Star และบางตอนของซีรีส์มิติพิศวง Twilight Zone ด้วย

แต่ผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ เมลิซซา แมธทิสัน ได้ฝากเอาไว้ให้กับวงการก็คือเรื่องราวอันน่าประทับใจ และประโยคสุดอมตะ "อีที โฟน โฮม" จากบทภาพยนตร์เรื่อง E.T.: The Extra Terrestrial ที่เธอทำงานอย่างใกล้ชิดกับ สปีลเบิร์ก ในทุกขั้นตอน เพื่อสร้างสรรค์เรื่องราวการผจญภัยของ "อีที" สิ่งมีชีวิตจากต่างดาว ที่หลงมาอยู่ในโลก และพยายามหาวทางกลับบ้าน ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ สปีลเบิร์ก อยากจะสะท้อนความรู้สึกส่วนตัวของเขา เมื่อครั้งเป็นเด็ก และได้เฝ้ามองการแยกทางของพ่อกับแม่ออกมาในภาพยนตร์

"เมลิซซ่า มีหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยแสงแห่งความรัก และโอบอ้อมอารี เป็นหัวใจที่สว่างไสวเหมือนกับหัวใจของ อีที" สปีเบิร์ก กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันพุธ หลังทราบข่าวเศร้าครั้งนี้ โดยก่อนหน้านี้เขาเคยเล่าถึงความรู้สึกครั้งแรก ที่อ่านบทหนังเรื่อง E.T. ของ แมธทิสัน จบว่า "เมลิซซ่า เอาบท 107 หน้ามาให้ผม และผมก็ใช้เวลาแค่ชั่วโมงเท่านั้น ก็อ่านจบแล้ว เหมือนถูกน็อก รู้สึกทันทีว่าอยากจะถ่ายทำหนังเรื่องนี้ตั้งแต่วันรุ่งขึ้นเลย มันซื่อตรงมาก ถ้อยคำของ เมลิซซ่า สื่อมาถึงหัวใจของผมได้"

ตัวของ เมลิซซา แมธทิสัน ก็เคยเล่าเบื้องหลังการเขียนบท E.T.: The Extra Terrestrial เอาไว้เช่นเดียวกันว่า "ฉันใช้เวลาไปประมาณ 4 - 5 วัน นั่งเขียนอยู่ที่ออฟฟิศเล็กๆ ในฮอลลีวูด เมื่อเสร็จก็ตรงไป มารินา เดล เรย์ ที่ สปีลเบิร์ก ตัดต่องานอยู่ในอพาร์ตเมนต์เล็กๆ ของเขาทันที เอาหน้ากระดาษที่ฉันเขียนบทไว้ให้เขา แล้วเราก็นั่งแก้บทกันไป ... ใช้เวลาประมาณ 8 สัปดาห์จนได้ร่างแรก ซึ่งฉันว่าก็ถือว่าเร็วพอสมควร"

E.T. the Extra-Terrestrial ทำเงินในปี 1982 ไป 619 ล้านเหรียญฯ ในการฉายทั่วโลก ขึ้นมาเป็นหนังทำเงินอันดับ 1 ตลอดกาลในตอนนั้น นอกจากนั้นยังได้ชิงออสการ์อีก 9 สาขา รวมถึงรางวัลบทภาพยนตร์ของ เมลิซซา แมธทิสัน ด้วย






ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live

ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th

ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
กำลังโหลดความคิดเห็น