xs
xsm
sm
md
lg

“เพื่อนกูรักมึงว่ะ” ดรามาฟองเบียร์ เมื่อธุรกิจอยู่เหนือมิตรภาพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"งานนี้คำว่า เพื่อน ไม่ใช่ประเด็น เตือนสติ!!! เหล่าบรรดาคนดัง อย่าหิวเงินจนตกเป็นเหยื่อ ทั้งที่กฎหมายห้ามไม่ให้ดาราถือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เจ้าของสินค้าไร้จรรยาบรรณสิ้นดี"
“ต๊อด-ปิติ ภิรมย์ภักดี” สามีของนางเอก “นุ่น-วรนุช” ที่สวมหมวกอีกใบในฐานะผู้บริหารของเบียร์สิงห์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่สืบทอดต่อกันมาในครอบครัว ออกโรงมาซัดผ่านสื่อแบบไม่เกรงหน้าอินทร์ หน้าพรหม สืบเนื่องมาจากที่เหล่าคนดัง รวมไปจนถึงเซเลปต่างก็โพสต์ภาพขณะถือเบียร์ลงในสื่อโซเชียลฯ ต่างๆ

โดยจำเลยคนแรกก็คือนักร้องหล่อขั้นเทพ “โดม-ปกรณ์ ลัม” ที่ผ่าไปถือเบียร์ค่ายคู่แข่งของหนุ่มต๊อดออกสื่อ จนกลายเป็นชนวนแห่งดรามา “ศึกสิงห์ชนช้าง”

“ถ้าไม่บอกว่าเป็นโฆษณา หมาไหนจะเชื่อ”

ก่อนที่ฝั่งโดมจะออกโรงมายืนยันว่างานนี้ไม่ได้เงินค่าโฆษณาสักบาท และยังไม่ทราบเรื่องที่อีกฝ่ายโพสต์ถึงตนเอง หลังจากนั้นทางหนุ่มต๊อดก็ซัดต่ออีกดอก ด้วยการแชร์ข่าวการให้สัมภาษณ์ของหนุ่มโดมในเฟซบุ๊ก พร้อมกับเขียนกำกับว่า

"อย่าถือสินค้าผมนะเดี๋ยวงานเข้า ทุกอย่างคือความเหมาะสม จะเพื่อนหรือไม่เพื่อน ควรไม่ใช่ประเด็น กฎกติกาในการอยู่รวมกันต้องมี ถ้าผมเห็นคู่แข่งแล้วทำบ้าง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผิด สังคมเราจะเป็นยังไง"

แต่คำปฏิเสธของโดมก็ไม่อาจทำให้ชาวเน็ตคลายความสงสัย จนกระทั่งกลายเป็นหัวข้อถกเถียงกันในเว็บไซต์ www.pantip.com ว่าจริงหรือที่โดมไม่ได้รับเงินค่าจ้าง ?
และนับจากกรณีของโดม ก็เดินทางมาถึงจุดที่มีคนไปสืบค้นต่อ ก่อนจะพบว่าไม่ได้มีแค่หล่อขั้นเทพคนเดียวที่ โพสต์ภาพเบียร์ยี่ห้อดังกล่าว แต่ยังมีดารา เซเลป คนดัง อีกหลายคนที่โพสต์ภาพคู่กับเบียร์ในอิริยาบถอื่นที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะโดย “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” หรืออะไรก็ตามที แต่ที่แน่ๆ ก็กลายเป็นเป้าให้ต๊อดนำกลับมาโจมตีต่อ
"เอาเป็นว่าผมจะพูดเรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้าย เผื่อคนมีชื่อเสียงและเจ้าของสินค้าจะมีจรรยาบรรณเพิ่มขึ้นมากันบ้าง การเอาดารา net idol พริตตี้ นางฟ้า บุคคลมีชื่อเสียง มาถ่ายลง FB หรือ IG เพื่อเพิ่มยอดขายและ brand awareness มันไม่ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยเจตนา และไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง แค่สนับสนุนงานกิจกรรมอีเวนต์ก็พอ กฎหมายไม่ให้ใช้ดาราถือหรือ present เพราะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับสังคม ผมเห็นด้วย ตัวผมเองทำธุรกิจนี้ ก็ไม่อยากให้มอมเมาสังคมอย่างที่เป็น ไม่ใช่ธุรกิจผิดกฎหมาย แต่จรรยาบรรณของผู้ประกอบการต้องมี และดาราอย่าตกเป็นเหยื่อ ผมพูดได้เพราะผมไม่ทำและตำหนิทีมงานผมที่คิดทำ เจตนาผมคือ อย่าหิวเงินจนเกินไป และหวังว่าการที่ผมออกมาพูดจะจุดจิตใต้สำนึกของบางคนขึ้นมาไม่มากก็น้อย ขอบคุณครับ"

ว่าไปแล้ว เรื่องนี้ถ้าต้นเรื่องเริ่มมาจากคนอื่นที่ออกโรงมาติติง และถามหาถึงความเหมาะและควรที่เหล่าคนดัง ซึ่งต้องถือว่าเป็นต้นแบบของเยาวชนจะมาโพสต์ภาพเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอร์ผ่านสื่อโซเชียลฯ ต่างๆ ก็อาจจะมองว่าเป็นการพยายามจรรโลงสังคมอย่างบริสุทธิ์ใจ เห็นอะไรไม่เข้าที่เข้าทางก็ติติงกันไปตามเนื้อผ้า
แต่พอมาเป็นต๊อด มันก็เลยช่วยไม่ได้ที่สถานการณ์จะพาให้มองไปว่ามีเรื่องของผลประโยชน์ทางธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง ด้วยการพยายามหาช่องโหว่โจมตีธุรกิจของคู่แข่งหวังให้ดับแดดิ้นสิ้นชื่อกันเลยทีเดียว
ทว่าดูเหมือนฟากของต๊อดจะไม่สนใจ ยังคงตั้งหน้าตั้งตา “ดับเครื่องชน” แบบ “กัดไม่ปล่อย” และภาษาที่ใช้ก็ดูเหมือนจะหนักหน่วงมากขึ้น ถึงขนาดพาดพิงถึงบุพการีกันเลยทีเดียว
“จะทำอะไรก็ขอให้สำนึกในคุณแผ่นดิน ให้เคารพคนและสังคมไทยเสมอ ทำธุรกิจนี้ไม่ผิดกฎหมายแต่ผิดศีล และถ้ายังคิดเอาเปรียบสังคมแบบไม่ลืมหูลืมตา ระวังกฎแห่งกรรมนะ ทำบุญล้างบาปไม่ได้ อยากจะรู้ว่าคุณทำแบบนี้ คุณเป็นคนไทยหรือเปล่า คำนี้คุ้น ๆ ไหม กลับไปดูโฆษณาตัวที่พ่อคุณทำไว้นะ
โลโก้ขาวพื้นเขียว ถึงจะเติมคำว่าเครื่องดื่มก็ไม่รอด กว่าคดีจะจบก็ 6 เดือน เสียค่าปรับ รับผิดแบบเงียบ ๆ ถุยยยยย ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว คิดชั่วแล้วยังบอกว่าดี ระวังสังคมจะตัดสิน และวันนั้น คุณจะไม่เหลือที่ยืนในสังคม”
ฟาดงวงฟาดงาขนาดนี้ แต่พอถึงจังหวะที่จะต้องเข้าไปเป็นพยานในการชี้แจงเหตุที่เกิดขึ้นต่อผู้อำนวยการสำนักงานงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะของผู้เปิดประเด็น ดันผ่าส่งแค่ตัวแทนบริษัท และทีมกฎหมายเข้าไปชี้แจงแทน
แต่จากกระแสดรามาครั้งนี้ เรียกได้เลยว่า ก่อให้เกิดรอยร้าวรอยใหญ่ระหว่างต๊อดกับเหล่านักแสดง ซึ่งว่าไปแล้ว ก็ล้วนแต่เป็นเพื่อนพ้องน้องพี่ในวงการกันทั้งนั้น บางคนอาจจะเป็นเพื่อนซี้กันเลยด้วยซ้ำ แต่กลับต้องมาหมางใจกัน เพราะการขัดแข้งขัดขาในเรื่องของธุรกิจเป็นสำคัญ
หนักๆ เข้า ถ้าต๊อดยังคงบ้าคลั่ง กับการ “ไล่ฆ่า” ดาราแบบไม่แคร์มิตรภาพต่อไปเรื่อยๆ นานวันไป ก็คงจะกลายเป็น “หมาหัวเน่า” ที่ไม่มีใครคบด้วย เพราะต่างก็คง “ขยาด”กับการกระทำครั้งนี้ไปอีกนาน
ทั้งที่ความจริงแล้ว ไม่ใช่ค่ายเบียร์ขวดเขียวเจ้าแรกที่ทำการโฆษณาในลักษณะนี้ เพราะมีคนไปสืบค้นมาแล้วว่าแม้กระทั่งค่ายของต๊อดเอง ก็เคยใช้ดารามาถือขวดเบียร์เหมือนกัน แม้ว่าต๊อดจะออกตัวเอี๊ยดว่าได้ “ไล่” ผู้จัดการคนนั้นออกไปแล้วก็ตาม ทว่าก็หนีความรับผิดชอบของตัวเองไม่พ้นอยู่ดี และจริงๆ แล้ว ดาราเหล่านั้นก็สมควรที่จะต้องถูกตามตัวมาสอบสวนเหมือนกันด้วยซ้ำ แต่ต๊อดกลับมัวแต่สาละวนกับการไล่บี้ดาราที่ไปถือเบียร์ค่ายคู่แข่ง ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนตัวเองทั้งนั้น
ว่าไปแล้ว ช่วงนี้ดูเหมือนว่าคู่ผัว-เมีย “ต๊อด-นุ่น” จะตกที่นั่งพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก เจอแต่เรื่องอ่วมอรทัยทั้งคู่ อย่างนุ่นเอง ก่อนหน้านี้ก็เป็นนางเอกภาพดีมาตลอด เล่นละครมาก็หลายเรื่อง กวาดรางวัลมาก็หลายตัว สุดท้ายกลับมาตกม้าตายเพราะเรื่องเสื้อผ้า-หน้า-ผม ที่ทำให้รัศมีนางเอกของเธอวูบดับลงไปทันตาเห็น
ฝั่งต๊อดก็ถูกคนบันเทิง “กาหัว” ตัวเป้ง ซ้ำด้วยใส่ดอกจันไว้หน้าชื่อขอไม่ร่วมสังฆกรรมใดๆ ทั้งสิ้น งานนี้เห็นทีทั้งคู่ต้องควงแขนกันไปทำบุญ 7 วัด 7 วาซะแล้ว เผื่ออะไรต่อมิอะไร จะดีขึ้น

ที่มานิตยสารASTV สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 311 24 -31 ตุลาคม 2558


















ผลงานของค่ายเบียร์สิงห์ ที่ก็เคยใช้ดาราถือขวดเบียร์มาก่อนแล้วเหมือนกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น