ไม่แน่ใจว่าเป็นเวรกรรมแต่ชาติปางไหนหรือไปก่อกรรมทำเข็ญอะไรไว้หรือเปล่า สำหรับหนังที่สร้างมาจากเกมเรื่องนี้ เพราะทั้งๆ ที่ต้นทุนและต้นทางอย่างเกมนั้น ก็เป็นที่นิยมชมชื่นในแวดวงคนเล่นเกมยิ่งนัก แต่เมื่อถูกย้ายฟากมาสู่แผ่นฟิล์ม เรื่องราวของนักฆ่าที่มีบาร์โค้ดและเลขรหัสยิงไว้ที่ท้ายทอย กลับไม่ค่อยได้รับกระแสเสียงตอบรับที่ดีนัก ไล่มาตั้งแต่ภาคแรกที่ถ้าเข้าไปดูคะแนนในเว็บไซต์ของเมืองนอก ใช้คำว่า “ต๊อกต๋อย” ก็คงจะไม่โกรธกัน เพราะคะแนนมันน้อยเช่นนั้นจริงๆ อย่างไรก็ตาม ความพยายามที่จะนำเรื่องราวของฮิตแมนกลับมาทำใหม่ ก็ไม่ได้ยุบยอบลงไปเพียงเพราะคำวิจารณ์เป็นลบ ตอนแรกๆ โน้น เหมือนได้ยินได้ฟังว่า จะทำภาคสองขึ้นมาต่อจากภาคแรกที่เคยทำไว้เมื่อปี 2007 แต่สุดท้ายแล้วก็ยกเครื่องใหม่หมด เรียกว่ารีบูทกันไปเลย
พูดตามความจริง ผมกลับไปหยิบฮิตแมนเวอร์ชั่นก่อนหน้ามาดูอีกรอบ และพบว่ามันก็ไม่ถึงกับเป็นหนังแย่บรมอะไร ในทางตรงกันข้าม มันเป็นหนังที่ดูสนุกและเพลินเสียด้วยซ้ำตามสไตล์หนังแอ็กชั่นทั่วไปที่มีการไล่ล่าเป็นโจทย์หลัก หนังพาตัวเองไปไกลถึงระดับจะลุกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตำรวจ ทั้งที่อ้างว่าเป็น “ตำรวจโลก” อย่างอเมริกาหรือ “ตำรวจท้องที่” อย่างรัสเซีย ยิ่งกว่านั้น ยังพูดถึงการลวงโลกของพวกผู้มีอำนาจด้วย
แต่ก็อย่างว่า เพราะความเป็นหนังทุนต่ำ (ประมาณ 24 ล้านดอลาร์สหรัฐ) และไม่ได้เน้นว่าต้องลุ่มลึกอะไร หนังก็จึงแตะประเด็นพวกนั้นแบบพอให้เป็นประเด็นและมีเส้นเรื่องให้เดินต่อไปได้ หนังแบบนี้ ถามผมก็คงต้องบอกว่า มีเวลาว่างจริงๆ ถึงจะดู หรือในอารมณ์แบบอยากบู๊และสวมบทเป็นนักฆ่ามือโปรแล้วจัดการกับพวกที่ยากจะจัดการได้ในโลกความเป็นจริง เรื่องราวของฮิตแมนจะสนองความต้องการแบบนั้นได้ดี
พอมาถึงภาคนี้ ผมคิดว่าหนังมีการเสริมสร้างความลึกลับซับซ้อนให้แก่ตัวละครและตัวเรื่องได้ตามสมควร อย่างตัวพระเอกฮิตแมนเจ้าของรหัส 47 ก็มีมุมที่เป็นปริศนาเกี่ยวกับภารกิจที่เขาทำ เช่นเดียวกับ “จอห์น สมิธ” (แซคคารี่ ควินโต จากบท “สป๊อก” ในเรื่องสตาร์ เทร็ก) นักฆ่าที่มาช่วยเหลือคาเทีย ตัวตนของเขาก็ไม่อาจหลุดพ้นความน่าสงสัย นั่นยังไม่ต้องพูดถึง “คาเทีย” หญิงสาวผู้เป็นเป้าหมายสำคัญแห่งการไล่ล่า ก็ดูจะมีปริศนาอยู่มากในพื้นฐานความเป็นมาของเธอ ขณะที่ตัวเรื่องโดยรวมก็ให้บรรยากาศที่ยากต่อการคาดเดา ผมคิดว่านี่คือข้อดีอย่างหนึ่งซึ่งหนังทำให้เราติดตามเรื่องราวไปได้เพราะความอยากรู้การคลี่คลายคำตอบของหนัง
ตามสไตล์หนังสายลับที่ผูกพันอยู่กับการไล่ล่า สำหรับคนที่ไม่ได้เล่นเกมตัวนี้มาก่อนและไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเกมฮิตแมนเกมนี้ ผมเห็นว่าหนังทำได้ดีนะครับ การดำเนินเรื่องรวดเร็วและใช้การไล่ล่ากันเป็นแรงผลักให้แก่ตัวเรื่อง เอาจริงๆ ตอนดู ผมนึกถึงหนังอย่าง The Bourne Ultimatum ที่ดำเนินเรื่องด้วยการไล่ล่า รวดเร็ว และระทึก แม้พูดกันอย่างถึงที่สุด มันจะเทียบกันไม่ติด แต่สไตล์มันคล้ายๆ นั้น มีจังหวะเผชิญหน้า มีช่วงที่ไล่ล่า และเวลาเบรกพักเพื่อบอกเล่ารายละเอียดที่จะมาช่วยเสริมเติมต่อจิ๊กซอว์แห่งปริศนาให้สมบูรณ์ เนื้อเรื่องมีการพลิกไปพลิกมาน่าสนใจ และคนที่ล่าก็กลับกลายเป็นผู้ที่ถูกล่าได้เช่นกัน
สรุปสั้นๆ ว่า อย่ากลัวกับคะแนนที่คุณอาจจะได้เห็นจากเว็บไซต์เมืองนอกครับ เพราะมันไม่ได้แย่อย่างไร้เทียมทานถึงปานนั้น พูดแบบนี้ ไม่ได้ประทับใจอะไรมากมายครับ เพียงแต่สำหรับหนังแอ็กชั่นเรื่องหนึ่ง ผมว่าคนที่ชอบแอ็กชั่นอยู่แล้ว ก็คงเพลินๆ ไปกับมันได้
ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม