เริ่มกลับมาปรากฏตัวทางหน้าสื่อถี่ขึ้นอีกครั้งสำหรับอดีตนายแบบ-พระเอกหนุ่มชื่อดัง "โก้ นฤเบศร์ จินปิ่นเพชร" หลังก่อนหน้าหายหน้าหายตาไปนานนับตั้งแต่เข้าพิธีวิวาห์กับแฟนนักร้อง-นักแสดงสาว "จอย พวงเพชร" เมื่อปี 2549
โดยอดีตพระเอกชื่อดังได้เผยถึงเหตุผลที่ไม่ค่อยจะมีผลงานงานบันเทิงออกมาในช่วงหลังๆ ว่ามีหลายเหตุผลประกอบกัน ทั้งเรื่องของการเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์, อยากจะมีเวลาให้กับครอบครัวและลูกชายทั้งสอง "น้องเพ็ชร" กับ "น้องพีค" รวมไปถึงเรื่องที่ตนเองเป็นคนไม่ค่อยอยากจะเป็นข่าว ไม่ค่อยเข้าหาผู้ใหญ่นั่นเอง
สำหรับอาชีพหลักในปัจจุบันอดีตพระเอกหนุ่มและภรรยาก็คือการทำธุรกิจผัดหมี่โคราชและผัดไทกึ่งสำเร็จรูปที่แตกยอดมาจากธุรกิจครอบครัวของฝ่ายหญิง ซึ่งทั้งคู่ยืนยันว่าเป็นอาชีพที่รัก ชอบ และมีความสุขที่ได้ทำโดยไม่ได้รู้สึกว่าใครจะมามองเช่นไร
"ผมว่าถ้าคนเขาพูดก็พูดไป แต่ตัวเราเองผมคิดว่าไม่ใช่ตกอับนะ มันเป็นอาชีพอาชีพหนึ่งเป็นหนทางหนึ่งที่ทำให้เรามีรายได้เสริมขึ้นมาเราจะไม่เอาหรือ...แล้วยิ่งทางบ้านเขามีฝีมือยู่แล้วในเรื่องของอาหาร ผมว่าอะไรที่มันจับเป็นเงินเป็นทองได้ผมว่าก็ทำเถอะไม่ได้เบียดเบียนใคร..."
ย้อนไปในอดีต หากจะเปรียบความดังหรือกระแสความนิยมคลั่งไคล้ที่มีต่อผู้ชายที่ชื่อ "โก้ นฤเบศร์ จินปิ่นเพชร" ฟังแล้วอาจจะเวอร์ แต่เชื่อเถอะว่าไม่ต่างอะไรสักเท่าไหร่กับ ชื่อของ ณเดชน์, มาริโอ้, นิชคุณ ในสมัยนี้แต่อย่างใด
"โก้ นฤเบศร์" เกิดเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 เริ่มเข้าสู่วงการด้วยการถ่ายแบบให้กับนิตยสารเปรียวในปี 2532 จากการชักชวนของ "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ" ก่อนจะกลายเป็นนายแบบที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมากในช่วงที่นิตยสารแฟชั่นกำลังได้รับความนิยม
จุดเด่นของหนุ่มคนนี้ก็คือบุคลิกที่มีเสน่ห์ หน้าตาที่หล่อเหลาออกทะเล้นนิดๆ เกเรหน่อยๆ ที่สำคัญก็คือทรงผมที่มีเอกลักษณ์ซึ่งกลายเป็นทรงฮิตของเหล่าวัยรุ่ายในยุคนั้น
เรียกได้ว่าแทบทุกปกของนิตยสารแฟชันบ้านเราในยุคนั้นจะต้องมีหนุ่มคนนี้ขึ้นปกและนั่นเองที่ให้ชื่อเสียงของ "โก้ นฤเบศร์" กลายเป็นหนึ่งในนายแบบระดับซูเปอร์สตาร์ที่รับรางวัลจากนิตยสารต่างๆ มามากมาย
หลังสร้างชื่อจากการเป็นนายแบบเจ้าตัวก็มีงานอื่นๆ ตามมา ทั้ง โฆษณา, มิวสิควิดีโอ ฯ ก่อนที่ปลายปี 2533 เขาก็มีโอกาสได้แสดงฝีมือการแสดงผ่านจอแก้วกับละครเรื่อง "มณีร้าว" ทางช่อง 7 ประกบกับนางเอกดัง "กวาง กมลชนก"
จากนั้นในปี 2534 หนังเรื่องแรกของเขา "เวลาในขวดแก้ว" ก็ได้ออกฉายและได้รับเสียงชื่นชมมากมาย ก่อนที่เจ้าตัวจะมีผลงานการแสดงตามออกมาอีกมากมายทั้งภาพยนตร์และคร อาทิ หนูละเบื่อ เสือสวมรอย, ฟ้าเพียงดิน, มือผี, โอ้มาดา ฯลฯ โดยที่การันตีถึงฝีมือการแสดงของเขาก็คือรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง "ฝากฝันไว้เดี๋ยวจะเลี้ยวมาเอา" ในปี 2535 จากชมรวิจารณ์บันเทิง
ด้วยความที่มีชื่อเสียงโด่งดังเจ้าตัวก็เลยไม่พลาดที่จะถูกค่าย "คีตา" ดึงไปเป็นนักร้องเหมือนกับนักแสดงคนอื่นๆ ในช่วงนั้นก่อนมีผลงานเพลงออกมาในชุดที่ชื่อว่า "Jiggo" มีเพลงฮิตอย่าง เอาเลยมั๊ย, ชิงดำ, ต้มยำทำแกง ฯ ซึ่งแม้จะมีผลงานเพียงอัลบั้มเดียวทว่าเจ้าตัวก็ยังอุตส่าห์มีคอนเสิร์ตใหญ่เป็นของตนเอง ในชื่อ "ความรักและความรุนแรง" ซึ่งก็ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร
ชื่อเสียงของพระเอกนายแบบคนดังเริ่มค่อยๆ หายไปหลังจากเขาได้เริ่มคบหาและเข้าพิธีแต่งงานกับนักร้อง-นักแสดงสาว "จอย พวงเพชร" ซึ่งในระยะแรกๆ ที่มีข่าวว่าเป็นแฟนกันนั้นหลายคนต่างฟันธงว่า "ไม่น่าจะรอด" เพราะฝ่ายชายเองได้ชื่อว่ามีความเจ้าชู้อยู่ในระดับหนึ่ง ทว่าถึงตอนนี้ระยะเวลาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทั้งสองรักกันขนาดไหน
ทั้งนี้เมื่อถูกถามว่าจะหันหลังให้กับวงการบันเทิงเลยหรือไม่ ทั้งคู่เผยว่าคงไม่ถึงขนาดนั้นก่อนยอมรับว่าอาชีพในวงการนั้นเป็นอีกอาชีพที่ชอบและสร้างชื่อให้กับตนเองแต่ทั้งนี้ก็คงจะต้องรอให้ลูกโตมากกว่านี้ก่อน ขณะที่ทางด้านของอดีตนักแสดงหนุ่มที่ยังคงรับเชิญหรือว่าทำงานเบื้องหลังอยู่บ้างก็ได้พูดถึงอาชีพในวงการไว้อย่างเข้าใจถึงบทบาทของตนเองว่า...
"เรื่องงานแสดงผมว่าผมก็ทำได้ในระดับหนึ่งนะ ไม่ใช่ว่าจะเก่งอะไรมากมาย ผมว่าคนเก่งๆ มีเยอะ แล้วผมเข้าใจสัจธรรมของวงการอยู่แล้ว คลื่นลูกเก่ามาคลื่นลูกใหม่กว่ามาก็กระแทกไป มันก็วนเวียนกันอยู่อย่างนี้ ตอนนี้มีอะไรที่ทำได้ก่อนเราก็ทำก่อนดีกว่ามั้ย..."
อย่างไรก็ตาม นับจากนี้ไปเชื่อว่าจากนี้ไปเราคงจะเห็นพระเอกหนุ่มคนนี้ได้กลับมาปรากฏบนหน้าสื่อบ่อยขึ้นอย่างแน่นอน
...
(เรียบเรียงข้อมูลและภาพประกอบจาก 70-90memory.blogspot.com/รายการคนดังนั่งเคลียร์)