xs
xsm
sm
md
lg

“คนเหล็ก 2” Terminator ที่ดีที่สุดตลอดกาล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อภินันท์ บุญเรืองพะเนา


คนเหล็กภาคใหม่กำลังฉายโรง คนเขียนบทความนี้เมาค้างอะไรหรือเปล่า ถึงได้หยิบเอาคนเหล็กภาคสองมาวางตั้ง กระทั่งให้ความสำคัญถึงขั้นยกเป็นชื่อบทความ จริงๆ แล้ว ถ้ามองตามหลัก ก็ไม่ถึงกับเป็นเรื่องแปลกอะไรครับ หากบทความที่เกี่ยวกับคนเหล็กจะถือโอกาสย้อนเวลา เพราะถ้าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเทอร์มิเนเตอร์ ก็คงจะรู้ว่า ในเรื่องราวของหนังคนเหล็กนั้น การย้อนเวลาแทบจะเป็นแกรมม่าหรือท่าบังคับของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ ไม่ใครก็ใครจะต้องได้รับการช่วยเหลือ ดังนั้น ก็จึงไม่แปลกอะไร หากจะย้อนเวลากลับไปมองหนังแฟรนไชส์เรื่องนี้อีกครั้ง คำถามก็คือ ทำไมต้องพุ่งเป้าไปที่ “คนเหล็ก 2” หรือ Terminator : Judgement Day เหตุผลง่ายๆ ก็เพราะผมรู้สึกว่า เอาเข้าจริง เมื่อนำไทม์ไลน์ของ “เรื่อง” (Story) ของคนเหล็กภาคใหม่มาคลี่ดูและพินิจพิศในรายละเอียด ก็จะพบว่า มันแทบจะไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากคนเหล็กภาคสองแต่อย่างใดเลย

โครงสร้างของหนังคนเหล็กภาคนี้ ที่ใช้ชื่อว่า Terminator Genisys เดินเรื่องด้วยการเดินทางข้ามเวลาอีกครั้งเพื่อจุดมุ่งหมายบางอย่าง แล้วระหว่างนั้นก็เกิดการไล่ล่ากัน โดยมีหุ่นยนต์ฝ่ายร้ายที่ส่งมาจากโลกอนาคตเพื่อฆ่าใครบางคน และมีหุ่นยนต์ฝ่ายดีเป็นผู้ช่วยเหลือ “เหยื่อ” ที่จะถูกสังหาร...ในโครงสร้างเดียวกันนี้ “คนเหล็ก 2” ก็ไม่ต่างกัน คือหุ่นยนต์อนาคตจะต้องมาฆ่าใครบางคน และใครบางคนจากอนาคตก็ย้อนเวลามาเพื่อช่วยเหลือ ขณะเดียวกันนั้น ก็มีหุ่นยนต์ฝ่ายดีคอยพิทักษ์คุ้มภัยให้รอดพ้นจากการถูกหุ่นยนต์ฝ่ายร้ายสังหาร...พูดง่ายๆ ก็คือ ไทม์ไลน์ของทั้งสองเรื่องแทบไม่ต่างกันเลย จะแผกออกไปบ้างก็เป็นเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยเท่านั้น และที่สำคัญ ผมยังไม่ได้พูดถึงกิมมิกอะไรต่างๆ นานาที่ถูกทำไว้แล้วในคนเหล็กภาคสองที่ถูกเก็บเกี่ยวมาใช้ในคนเหล็กภาคใหม่นี้ ...ที่ถ้าจะยกตัวอย่างง่ายๆ ก็เช่น ฉากที่หุ่นยนต์ (ซึ่งเล่นโดย “ซัง คุง” ดาราเกาหลี) เก็บเศษเหล็กไหลที่เรี่ยหล่น ก็ไม่ต่างกับในคนเหล็กภาคสองที่ตัวร้ายของเรื่องดูดเอาลิควิทที่เรี่ยหล่นบนถนนหลอมรวมเข้ากับรองเท้า, การเล่นกับฉากอาร์โนลกระโดดเครื่องบินพร้อมประโยคคำพูดอันเป็นเอกลักษณ์ “I’ll be back” ฯลฯ ทั้งหมดทั้งมวลก็ล้วนอาจจะพูดได้ว่าขอยืมการบ้านของ เจมส์ คาเมรอน มาดู แล้วปรับแปลงแต่งสารตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย

สารภาพตามตรงครับว่า ผมก็เหมือนคนดูหนังจำนวนหนึ่งซึ่งยังมีความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับหนังคนเหล็กภาคสอง ซึ่งเป็นงานกำกับของ “เจมส์ คาเมรอน” เขาว่ากันว่า เป็นหนังแอ็กชั่นที่ได้รับคะแนนเป็นเอกฉันท์ในแง่ความบันเทิงที่ครบรส เรียกว่าหาคนที่พูดถึงหนังเรื่องนี้ในทางเสียๆ หายๆ แทบไม่มีเลย คนเหล็ก 2 มีความลงตัวในองค์ประกอบที่กลมกล่อมและปรุงรสออกมาได้ดี ตัวละครนั้นก็มีมิติและมีเสน่ห์ ไล่ตั้งแต่ตัวละครที่จะต้องถูกช่วยเหลือให้รอดพ้นจากความตายอย่าง “ซาร่าห์ คอนเนอร์” ที่ผ่านการออกแบบให้มีความเป็นมนุษย์แบบสัมผัสได้ เธอมีทั้งความมุ่งหมายที่ดีและมีจังหวะหลุดเพียงเพราะเห็นว่าหมุดหมายในใจนั้นจะถูกทำลาย ฉากที่น่าสะเทือนใจมากๆ ฉากหนึ่งเกี่ยวกับซาร่าห์ คอนเนอร์ คือตอนที่เธอบุกจะไปฆ่าคนที่เธอเห็นว่าจะเป็นผู้ก่อกรรมทำเข็ญในอนาคต แต่ความเป็นมนุษย์ก็เรียกเธอกลับมาด้วยกรุณาและน้ำตาแห่งความรันทดหดหู่ ผมชอบฉากนั้นเพราะรู้สึกว่าหนังได้ใส่มิติให้แก่ตัวละครตัวนี้แบบที่มีด้านมืดด้านสว่างในตัวเอง เจมส์ คาเมรอน กับเพื่อนคนเขียนบทอีกคน เก่งมากในการทำให้เราสะท้านสะเทือนนใจไปกับฉากนี้ที่คนคนหนึ่งอยากจะทำอะไรเพื่ออนาคต แต่ถ้าทำอย่างนั้นก็เท่ากับเปลื้องปลดความเป็นคนในตนเองทิ้งไปด้วย

ความมีเสน่ห์ของตัวละคร เราจะเห็นได้ชัดอีกจากตัวของ “จอห์น คอนเนอร์” ซึ่งอยู่ในวัยเยาว์ ที่ดูทั้งเก๋าและแก่นและในบางมุมก็เหมือนภาพแทนของเด็กผู้ชายทั่วไปได้ด้วย เด็กผู้ชายชอบหุ่นยนต์ ชอบการได้ผจญภัยไปในประสบการณ์ตื่นเต้น ยิ่งถ้ามีเพื่อนร่วมทางหรือผู้ช่วยเหลือเป็นหุ่นยนต์คนเหล็กอย่าง “ลุงบ็อบ” (อาร์โนลด์ ชวาเซเนกเกอร์) ที่เก่งแสนเก่งด้วยแล้ว ยิ่งเหมือนกับเป็นการเติมเต็มความฝันของวัยเยาว์ให้มีชีวิตชีวาขึ้นได้อักโข

“คนเหล็ก 2 วันพิพากษา” ในแง่ความเป็นหนังแอ็กชั่นนั้น ก็ไม่มีอันใดให้ต้องกังขา แม้ว่าจะเป็นหนังที่ทำไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ.1991 แต่ถ้าดึงกลับมาดูอีกรอบ กลับไม่เชยเลย เจมส์ คาเมรอน เหมือนจะกำกับให้แอ็กชั่นของหนังเรื่องนี้อยู่เหนือกาลเวลาไปแล้ว แม้พูดกันอย่างถึงที่สุด เราจะรู้เหมือนกับที่รู้ในตอนดูหนังแนวๆ นี้ทุกเรื่องว่าใครจะรอดไม่รอด แต่ระหว่างทางมันก็ยังมีอะไรให้ลุ้นอยู่ตลอดเวลา ฉากไล่ล่าบนถนน ฉากในโรงพยาบาลบ้าที่ซาร่าห์ต้องหนีเอาตัวรอดและมีจอห์นกับคนเหล็กเข้าไปช่วย และอีกมากมายหลายฉากแห่งการแอ็กชั่นที่ทำออกมาได้สนุกสนานบันเทิง

แต่ “Judgement Day” ก็ไม่ได้เป็นเพียงแอ็กชั่นหรูหราขายความแตกต่าง โดยพล็อตอันว่าด้วย “คนเหล็ก”, “โลกอนาคต”, “สงคราม” และ “การเดินทางข้ามเวลาเพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขบางสิ่ง” หากแต่ในเชิงเนื้อหา “วันพิพากษา” วางเนื้อหาไว้ให้ติดตามในหลากหลายแง่มุม ไล่ตั้งแต่เนื้อหาที่ซุกอยู่ในตัวละคร อย่างอาร์โนลด์ ชวาเซเนกเกอร์ ที่เป็นหุ่นยนต์รุ่น “ที 800” แม้จะเป็นแค่ “คนเหล็ก” ที่ไร้ความรู้สึก แต่กลับแลดู “มีชีวิตชีวา” อย่างน่าประหลาด, หรือแม้แต่ตัวของจอห์น คอนเนอร์ อาจจะเป็นเด็ก แต่การเติบโตมาวัยเยาว์โดยการปลูกฝังและทุ่มเทของแม่ที่กล้าบ้าบิ่น (เขาเล่าว่า แม่ถึงกับเคย “คบหา” กับพวกช่างยนต์เพียงเพื่อสร้างโอกาสให้ลูกน้อยได้เรียนรู้เรื่องเครื่องยนต์กลไก) ก็ทำให้เขากลายเป็นเด็กที่เกือบๆ จะอัจฉริยะไปเลยด้วยซ้ำ แต่แน่นอนว่า ประสบการณ์ต่างๆ เหล่านั้น มีอิทธิพลไม่มากก็น้อยในการหล่อหลอมกล่อมเกลาให้เขากลายเป็นจอห์น คอนเนอร์ ผู้นำกลุ่มมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่ในกาลต่อมา...

ขณะเดียวกัน มีฉากฉากหนึ่งในหนังภาคสองที่ผมรู้สึกว่ามันดีงามมาก เป็นฉากเล็กๆ ความยาวไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ นั่นคือภาพที่ซาร่าห์ คอนเนอร์ มองดูเด็กน้อยกลุ่มหนึ่งใช้ปืนของเล่นยิงกันตามประสาเด็กๆ ซาร่าห์ คอนเนอร์ พูดออกมาว่า “ธรรมชาติของมนุษย์นั้นฆ่ากันเอง” คำคำนี้ถือเป็นประเด็นย่อยที่แทรกขึ้นมาอย่างแหลมคมในประเด่นโครงสร้างใหญ่ของเรื่องอันว่าด้วยสงครามระหว่างหุ่นยนต์กับมนุษย์ แต่คำพูดที่หนังสื่อผ่านถ้อยคำของซาร่าห์ คอนเนอร์ เมื่อสักครู่ ก็คือชะตากรรมอันน่าอเน็จอนาถใจที่ว่า ต่อให้ไม่มีสงครามอื่นใดมาทำลายล้างมนุษย์ แต่สงครามระหว่างมนุษย์กับมนุษย์นี่แหละที่จะทำให้มนุษย์ล้มหายตายไปเป็นเบือ...อันนี้ไม่ใช่เป็นการเล่นวาทะโก้หรูแต่เลื่อนลอยอะไรนะครับ ผมกลับไปดูหนังเรื่องนี้อีกรอบ Terminator : Judgement Day มีการอ้างอิงถึงความขัดแย้งหรือสงครามของมนุษย์อยู่จริงๆ รัสเซียเอยอะไรเอย คำเหล่านี้เคยโดดเด่นอยู่ในพจนานุกรมของสงครามมาแล้วทั้งสิ้น

คนเหล็กภาค 2 จึงเป็นหนังคนเหล็กในตำนานและสนุกที่สุดในความรู้สึกนึกคิดของผม เพราะเหตุนี้ เมื่อได้ดูคนเหล็กภาคใหม่นี้ ความรู้สึกเก่าๆ ทั้งหลายจึงประเดประดังย้อนมา และทำให้ผมต้องกลับไปดูคนเหล็กภาค 2 อีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับพบว่า ไทม์ไลน์ของเรื่อง และการเล่นกับประเด็นเนื้อหา ตลอดจนกิมมิกต่างๆ ยังคงยึดเอาแนวทางแบบที่คนเหล็กภาค 2 เคยทำไว้

ถามว่า Terminator Genisys สนุกไหม? คำตอบส่วนตัวของผม คือผมบันเทิงกับมันนะครับ แม้จะเป็นความบันเทิงที่ห่างไกลกับหนังคนเหล็กภาค 2 ที่เหมือนภาคนี้จะพยายาม “จำลอง” สตอรี่ไลน์มาใช้ โฟกัสของหนังภาคนี้อยู่ที่ตัวละครอย่าง “ไคล์ รีส” ที่ต้องกลับไปช่วยชีวิตของซาร่าห์ คอนเนอร์ เพื่อหนีการไล่ล่าของกลุ่มหุ่นยนต์ที่เห็นว่า ถ้าฆ่าซาร่าห์ คอนเนอร์ ได้ ก็จะไม่ต้องมีจอห์น คอนเนอร์ ผู้จะมาเป็นแกนนำต่อต้านสกายเน็ทซึ่งมีแผนจะยึดครองโลก สถานการณ์ในหนังก็ไม่ได้มีอะไรมาก นอกจากปฏิบัติการแบบ “ล่าและหนีและสู้”

โดยภาพรวม คนเหล็กภาคนี้ เหมือนการพยายามจะถอดรื้อเรื่องราวและปรับทิศทางตัวละครขึ้นใหม่ เป็นการรีบู๊ตแฟรนไชส์เรื่องนี้ไปสู่ทิศทางใหม่ ความคิดความเชื่อเกี่ยวกับตัวละครเดิมบางตัว อย่างที่เห็นในภาคก่อนๆ อาจเกิดการสั่นคลอนและไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนจะให้ความเห็นว่า Terminator นั้นถูก Terminated ไปแล้วเรียบร้อย ผมชอบไอเดียเรื่องการเล่นกับไทม์ไลน์ที่มากกว่าหนึ่ง ซึ่งถ้าจะให้เครดิตจริงๆ (แบบพยายามมองข้ามเรื่องความซับซ้อนที่ไม่ค่อยทรงพลังนัก) รู้สึกประหนึ่งว่า นี่เหมือนภาพแทนแห่งยุคสมัยอย่างหนึ่ง สมัยนี้เราใช้ชีวิตติดกับไทม์ไลน์แทบตลอดเวลา (เปิดเฟซบุ๊กขึ้นมา ก็ “ไทม์ไลน์” หนึ่ง) คนเหล็ก เจเนซิส คล้ายจะบอกตรงไปตรงมาว่า เมื่อไทม์ไลน์เปลี่ยน...“นิยาม” หรือกระทั่ง “ตัวตน” และ “สถานการณ์” ก็บิดผันเปลี่ยนแปรไปด้วย คนที่รักอาจกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจก็เป็นได้ คุณหรือผมอยู่ในไทม์ไลน์หนึ่งอาจเป็นคนหนึ่ง แต่หลุดจากไทม์ไลน์นั้นไป อาจกลายเป็นอีกคน ในไทม์ไลน์บนเฟซบุ๊ก คุณอาจเห็นภาพของใครสักคนกับชีวิตน่าอิจฉา แต่ปิดจากไทม์ไลน์หน้าเฟซนั้นไปสู่ไทม์ไลน์ชีวิตจริง คนคนนั้นอาจเหมือนกับแคโรไลน์ในเรื่อง “อเมริกัน บิวตี้” ที่ปิดห้องร้องไห้คนเดียว เพราะรู้สึกน่าละอายหากร้องไห้ให้ใครเห็น เช่นเดียวกันนี้ ผมรู้สึกว่าไอเดียเรื่องไทม์ไลน์ของคนเหล็ก เจเนซิส ก็บอกกล่าวกับเราว่า คนเราบางทีก็มีมากกว่าหนึ่งตัวตน และยิ่งสถานการณ์เปลี่ยน ห้วงเวลาเปลี่ยน คนที่คิดว่ารู้จักดี ก็อาจกลายเป็นคนที่เหมือนไม่เคยพบหน้า

อาร์โนลด์ ชวาเซเนกเกอร์ ในหนังภาคนี้ นอกจากจะมีคำพูดอันจะกลายเป็นโลโก้ของเขาแน่ๆ อย่าง “แก่แต่เก๋า” เขายังพูดอีกว่า ตัวเขานั้นได้อัปเกรดมาแล้ว มันก็คือการส่งสัญญาณทางอ้อมว่า “ตัวตน” ของคนเหล็กและหนังตระกูลคนเหล็กที่เคยชินกันมา ได้ถูกรีบู๊ตเข้าสู่โหมดใหม่เรียบร้อยแล้ว แต่จะถูกปากคนดูผู้ชมหรือไม่ ก็คงต้องรอดูกันไปอีกสองภาค อย่างน้อยที่สุด ก่อนที่พาราเมาท์ พิคเจอร์ จะสิ้นสุดการถือครองลิขสิทธิ์หนังชุดนี้ในอีก 4-5 ปีข้างหน้า ก็มีคนเหล็กฉบับรีบู๊ต 2-3 ตั้งท่ารอแล้วว่าจะมีออกมาแน่นอน

หุ่นยนต์เก่าแก่...อาจจำเป็นต้องใช้เวลาเบิร์นเครื่องสักเล็กน้อย
และเมื่อเครื่องติด ก็ถึงเวลาที่ต้องพิสูจน์กันว่า ที่ว่า “แก่แต่เก๋า” นั้นจริงไหม หรือที่แท้แค่คำคุย?
ผมพูดถึงหนังนะครับ ไม่ได้พูดถึงอาร์โนลด์...



ASTVผู้จัดการออนไลน์ เพิ่มหมวดข่าว “โต๊ะญี่ปุ่น” นำเสนอความเคลื่อนไหวของข้อมูลข่าวสาร ตอบสนองผู้อ่านที่สนใจในประเทศญี่ปุ่น รวมทั้ง สรรสาระ เกร็ดความรู้ต่างๆ ที่ผู้อ่านควรรู้ และ ต้องรู้อีกมากมาย ติดตามเราได้นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป



ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live

ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th

ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม



เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก











กำลังโหลดความคิดเห็น