อาจจะยังไม่สามารถก้าวพ้นไปจากวังวนของความ "น้ำเน่า" แต่ก็ต้องถือว่าน่าสนใจไม่น้อยสำหรับ 2 ละครที่เพิ่งจะจบลงไปหมาดๆ อย่าง "สื่อริษยา" และ "นางชฎา"
รายละเอียดคร่าวๆ (สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตาม) เริ่มกันที่ "สื่อริษยา" เรื่องนี้เป็นผลงานการสร้างของ เอ็กแซ็กท์ - ซีเนริโอ และ รีไมน์ฯ มี "รอน บรรจงสร้าง" รับหน้าที่กำกับการแสดงนักแสดงอย่าง ป๊อก ปิยธิดา, วิลลี่ แมคอินทอช, โตโน่ ภาคิน, เฌอเบลล์ ลัลณ์ลลิน ฯ ออกอากาศทางทีวีดิจิตอลช่องวัน
เนื้อเรื่องโดยรวมก็ว่าด้วยความรักความทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูงของเด็กสาวผู้ประกาศข่าวที่ชื่อ "ดาว" ผู้ซึ่งพยายามจะทำทุกอย่างแม้เรื่องนั้นๆ จะไม่ใช่เรื่องที่ดีเพื่อให้ตนเองไปถึงฝั่งฝันที่หวังไว้
ขณะที่ "นางชฎา" ทางช่อง 7 เป็นการดัดแปลงจากบทประพันธ์ของ "ภาคินัย" ผลิตโดยโพลีพลัสฯ มีนักแสดง อาทิ ใหม่ ดาวิกา, กันต์ กันตถาวร, บิ๊ก ทองภูมิ ฯ เรื่องราวเล่าถึงความรักที่ไม่สมหวังของนางรำที่ชื่อ "ริลณี" ก่อนเกิดเป็นวิญญาณที่ดุร้ายเต็มไปด้วยอาฆาตแค้น
แม้จะแตกต่างกันไปในเรื่องของ "รสชาด" และรายละเอียดการนำเสนอ แต่ต้องบอกว่าละครสองเรื่องนี้มีอะไรที่คล้ายๆ กันอยู่ไม่น้อยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเป็นละครใหม่แกะกล่องที่ไม่ได้หยิบเอางานเก่าขึ้นมารีเมค, การดำเนินเรื่องที่มีผู้หญิงและ "ความรัก" เป็นแกนหลัก
ที่สำคัญก็คือฉากอวสานที่ตัวละครหาได้มีความสุขทุกทั่วตัวตนเหมือนละครน้ำเน่าทั่วไป เพราะทั้งตัว "ดาว" รวมถึงวิญญาณ "รินลณี" ล้วนแล้วแต่ต้องเผชิญกับชะตากรรมอันแสนจะเลวร้ายตามวิถีทางของผลแห่งมรรคกรรมตามที่ตนเองได้กระทำมาอย่างชนิดที่เรียกว่าสาสม และเชื่อว่าคงจะเป็นที่สะใจคนที่ได้ติดตามชมไม่น้อย
จะว่าไปแล้วทั้ง "สื่อริษยา" และ "นางชฎา" ต่างเปิดเรื่องมาได้อย่างน่าสนใจทีเดียวครับ ไม่ว่าจะเป็นตัวละคร "ดาว" ในสื่อริษยา ที่มีเรื่องของการแข่งขันชิงดีชิงเด่นในหน้าที่การงาน ชิงไหวชิงพริบเพื่อเรียกร้องความน่าสนใจแข่งกับตัวละครที่ตนเองมองว่าเป็นคู่แข่งอย่าง "ปัญชลี" แต่สุดท้ายละครก็ไปให้ความสำคัญกับความแรง ความร้ายของตัว "ดาว" จนมีคาแรกเตอร์ไม่ต่างอะไรไปจากนางอิจฉาที่ไร้สมองในละครน้ำเน่าทั่วๆ ไป ส่งผลให้ตัวละครรอบข้างโดยเฉพาะ "ปัญชลี" ที่แสดงโดย "ป๊อก ปิยธิดา" กลายเป็นตัวละครแวดล้อมพื้นๆ ที่แทบจะไม่ต้องใช้ความสามารถอะไรมากมาย ซึ่งต้องบอกว่าน่าเสียดายมากๆ กับของดีที่มีอยู่ในตัวตนของนักแสดงมากความสามารถคนนี้
เช่นเดียวกับ "นางชฎา" ซึ่งมีเนื้อเรื่องที่น่าสนใจมาก ทั้งความลึกลับ ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน แต่พอเอาเข้าจริงๆ ละครเรื่องก็ดำเนินไปชนิดที่ต้องเรียกว่าครบองค์ประกอบของความน้ำเน่า ทั้งตัวโกงที่โกงจริงๆ ตัวอิจฉาที่อิจฉาจริงๆ รายล้อมด้วยตัวตลกปัญญาอ่อนที่มาในคราบของเพื่อนพระเอก เพื่อนนางเอก คนรับใช้ ที่ออกฉากมาแต่ละครั้งให้อารมณ์ไม่ต่างอะไรไปจากตลกคาเฟ่หรือตัวตลกในคณะลิเก
ไม่รวมการปรากฏกายของวิญญาณ "ริลณี" ซึ่งจะว่าไปแล้วไม่จำเป็นเลยที่จะต้องโผล่ออกมาโชว์เมคอัพหน้าเละๆ ให้เห็นกันเกือบจะทุกฉากทุกตอนจนเลยเถิดไปจากความน่ากลัว ความหลอน แต่ให้ความรู้สึกถึงความสกปรกมากกว่า
รวมถึงการตายของบรรดาตัวร้ายทั้งหลายนั้นจะดีกว่ามั้ยหากละครทำให้คลุมเครือจนคิดได้หลายทางว่าจริงๆ แล้วตายเพราะผลกรรมชั่วที่ก่อหรือถูกผีริลณีฆ่าเพราะความแค้น ซึ่งจะเป็นการลบข้อสงสัยที่ว่าแล้วทำไมคนที่ถูกผีริลณีฆ่าไม่ปรากฏเป็นวิญญาณเอาคืนไปในตัวด้วย
ฉากจบด้วยความตายของชายและอดีตเพื่อนรักจนทำให้วิญญาณของ "ริลณี" ต้องทุกข์ตรอมตรมอยู่อย่างโดดเดี่ยวอ้างว้างกับผลกรรมของตนเองแทนที่จะเป็นไปตามบทประพันธ์เดิมคือผีนางเอกสำนึก พระเอกออกบวชอุทิศส่วนกุศล ขณะที่นางรองไปเริ่มต้นชีวิตใหม่นั้นเป็นการจบที่นับได้ว่ายอดเยี่ยมแหวกแนวแถมยังหยิบจับมาทำภาคต่อได้สบาย
แต่ที่น่าติติงก็คือบรรดาภาพฟีดแบคทั้งหลายที่ถูกใส่เข้ามาซึ่งแทนที่จะเป็นการคลายปมข้อสงสัยที่ผูกไว้ทุกอย่างให้มันคลี่คลายเหมือนกับในหนังตระกูล Ocean's เฉลยทริก กลายเป็นว่าดูแล้วกลับรู้สึกน่ารำคาญ เยิ่นเย้อ ยืดยาด
ยิ่งมาพร้อมๆ กับเสียงเพลง "คิดถึง" งานอมตะของ "หรั่ง ร็อคเคสตร้า" ในสไตล์เจ้าแม่อาร์แอนด์บี "ลิเดีย ศรัณย์รัชต์" แล้วยิ่งไปกันใหญ่
ไม่ได้บอกว่าคุณลิเดียร้องเพลงไม่เพราะนะครับ เพียงแต่มันไม่เข้า มันไม่เหมาะ มันเป็นความโหยหวนที่สัมผัสไม่ได้ถึงความหลอน ความคิดถึง หรือว่าความรักที่ลึกซึ้งอะไรเลย
ไม่อยากจะเปรียบเทียบ แต่ถ้าจะให้ยกตัวอย่าง ผมว่าเพลง "อยากหยุดเวลา" ที่ร้องโดย "ปาล์มมี่" ในหนัง "พี่มาก พระโขนง" ฟังแล้วสัมผัสได้อารมณ์ความคิดถึง ความรักที่ลึกซึ้ง ความไม่อยากจะพลัดพรากจากคนที่รักได้ถึงอารมณ์มากกว่าเยอะ
เอาเป็นว่าแม้โดยรวมทั้ง "สื่อริษยา" กับ "นางชฎา" เองจะยังคงวนเวียนอยู่ในวังวนความน้ำเน่าอยู่ แต่กระนั้นทั้งสองเรื่องก็ส่งสัญญาณให้เห็นแล้วว่าอนาคตละครตลาด ละครน้ำเน่าๆ บ้านเราน่าจะมีสีสัน มีอะไรที่แปลกตามากกว่าเดิมแน่นอน
รายละเอียดคร่าวๆ (สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตาม) เริ่มกันที่ "สื่อริษยา" เรื่องนี้เป็นผลงานการสร้างของ เอ็กแซ็กท์ - ซีเนริโอ และ รีไมน์ฯ มี "รอน บรรจงสร้าง" รับหน้าที่กำกับการแสดงนักแสดงอย่าง ป๊อก ปิยธิดา, วิลลี่ แมคอินทอช, โตโน่ ภาคิน, เฌอเบลล์ ลัลณ์ลลิน ฯ ออกอากาศทางทีวีดิจิตอลช่องวัน
เนื้อเรื่องโดยรวมก็ว่าด้วยความรักความทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูงของเด็กสาวผู้ประกาศข่าวที่ชื่อ "ดาว" ผู้ซึ่งพยายามจะทำทุกอย่างแม้เรื่องนั้นๆ จะไม่ใช่เรื่องที่ดีเพื่อให้ตนเองไปถึงฝั่งฝันที่หวังไว้
ขณะที่ "นางชฎา" ทางช่อง 7 เป็นการดัดแปลงจากบทประพันธ์ของ "ภาคินัย" ผลิตโดยโพลีพลัสฯ มีนักแสดง อาทิ ใหม่ ดาวิกา, กันต์ กันตถาวร, บิ๊ก ทองภูมิ ฯ เรื่องราวเล่าถึงความรักที่ไม่สมหวังของนางรำที่ชื่อ "ริลณี" ก่อนเกิดเป็นวิญญาณที่ดุร้ายเต็มไปด้วยอาฆาตแค้น
แม้จะแตกต่างกันไปในเรื่องของ "รสชาด" และรายละเอียดการนำเสนอ แต่ต้องบอกว่าละครสองเรื่องนี้มีอะไรที่คล้ายๆ กันอยู่ไม่น้อยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเป็นละครใหม่แกะกล่องที่ไม่ได้หยิบเอางานเก่าขึ้นมารีเมค, การดำเนินเรื่องที่มีผู้หญิงและ "ความรัก" เป็นแกนหลัก
ที่สำคัญก็คือฉากอวสานที่ตัวละครหาได้มีความสุขทุกทั่วตัวตนเหมือนละครน้ำเน่าทั่วไป เพราะทั้งตัว "ดาว" รวมถึงวิญญาณ "รินลณี" ล้วนแล้วแต่ต้องเผชิญกับชะตากรรมอันแสนจะเลวร้ายตามวิถีทางของผลแห่งมรรคกรรมตามที่ตนเองได้กระทำมาอย่างชนิดที่เรียกว่าสาสม และเชื่อว่าคงจะเป็นที่สะใจคนที่ได้ติดตามชมไม่น้อย
จะว่าไปแล้วทั้ง "สื่อริษยา" และ "นางชฎา" ต่างเปิดเรื่องมาได้อย่างน่าสนใจทีเดียวครับ ไม่ว่าจะเป็นตัวละคร "ดาว" ในสื่อริษยา ที่มีเรื่องของการแข่งขันชิงดีชิงเด่นในหน้าที่การงาน ชิงไหวชิงพริบเพื่อเรียกร้องความน่าสนใจแข่งกับตัวละครที่ตนเองมองว่าเป็นคู่แข่งอย่าง "ปัญชลี" แต่สุดท้ายละครก็ไปให้ความสำคัญกับความแรง ความร้ายของตัว "ดาว" จนมีคาแรกเตอร์ไม่ต่างอะไรไปจากนางอิจฉาที่ไร้สมองในละครน้ำเน่าทั่วๆ ไป ส่งผลให้ตัวละครรอบข้างโดยเฉพาะ "ปัญชลี" ที่แสดงโดย "ป๊อก ปิยธิดา" กลายเป็นตัวละครแวดล้อมพื้นๆ ที่แทบจะไม่ต้องใช้ความสามารถอะไรมากมาย ซึ่งต้องบอกว่าน่าเสียดายมากๆ กับของดีที่มีอยู่ในตัวตนของนักแสดงมากความสามารถคนนี้
เช่นเดียวกับ "นางชฎา" ซึ่งมีเนื้อเรื่องที่น่าสนใจมาก ทั้งความลึกลับ ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน แต่พอเอาเข้าจริงๆ ละครเรื่องก็ดำเนินไปชนิดที่ต้องเรียกว่าครบองค์ประกอบของความน้ำเน่า ทั้งตัวโกงที่โกงจริงๆ ตัวอิจฉาที่อิจฉาจริงๆ รายล้อมด้วยตัวตลกปัญญาอ่อนที่มาในคราบของเพื่อนพระเอก เพื่อนนางเอก คนรับใช้ ที่ออกฉากมาแต่ละครั้งให้อารมณ์ไม่ต่างอะไรไปจากตลกคาเฟ่หรือตัวตลกในคณะลิเก
ไม่รวมการปรากฏกายของวิญญาณ "ริลณี" ซึ่งจะว่าไปแล้วไม่จำเป็นเลยที่จะต้องโผล่ออกมาโชว์เมคอัพหน้าเละๆ ให้เห็นกันเกือบจะทุกฉากทุกตอนจนเลยเถิดไปจากความน่ากลัว ความหลอน แต่ให้ความรู้สึกถึงความสกปรกมากกว่า
รวมถึงการตายของบรรดาตัวร้ายทั้งหลายนั้นจะดีกว่ามั้ยหากละครทำให้คลุมเครือจนคิดได้หลายทางว่าจริงๆ แล้วตายเพราะผลกรรมชั่วที่ก่อหรือถูกผีริลณีฆ่าเพราะความแค้น ซึ่งจะเป็นการลบข้อสงสัยที่ว่าแล้วทำไมคนที่ถูกผีริลณีฆ่าไม่ปรากฏเป็นวิญญาณเอาคืนไปในตัวด้วย
ฉากจบด้วยความตายของชายและอดีตเพื่อนรักจนทำให้วิญญาณของ "ริลณี" ต้องทุกข์ตรอมตรมอยู่อย่างโดดเดี่ยวอ้างว้างกับผลกรรมของตนเองแทนที่จะเป็นไปตามบทประพันธ์เดิมคือผีนางเอกสำนึก พระเอกออกบวชอุทิศส่วนกุศล ขณะที่นางรองไปเริ่มต้นชีวิตใหม่นั้นเป็นการจบที่นับได้ว่ายอดเยี่ยมแหวกแนวแถมยังหยิบจับมาทำภาคต่อได้สบาย
แต่ที่น่าติติงก็คือบรรดาภาพฟีดแบคทั้งหลายที่ถูกใส่เข้ามาซึ่งแทนที่จะเป็นการคลายปมข้อสงสัยที่ผูกไว้ทุกอย่างให้มันคลี่คลายเหมือนกับในหนังตระกูล Ocean's เฉลยทริก กลายเป็นว่าดูแล้วกลับรู้สึกน่ารำคาญ เยิ่นเย้อ ยืดยาด
ยิ่งมาพร้อมๆ กับเสียงเพลง "คิดถึง" งานอมตะของ "หรั่ง ร็อคเคสตร้า" ในสไตล์เจ้าแม่อาร์แอนด์บี "ลิเดีย ศรัณย์รัชต์" แล้วยิ่งไปกันใหญ่
ไม่ได้บอกว่าคุณลิเดียร้องเพลงไม่เพราะนะครับ เพียงแต่มันไม่เข้า มันไม่เหมาะ มันเป็นความโหยหวนที่สัมผัสไม่ได้ถึงความหลอน ความคิดถึง หรือว่าความรักที่ลึกซึ้งอะไรเลย
ไม่อยากจะเปรียบเทียบ แต่ถ้าจะให้ยกตัวอย่าง ผมว่าเพลง "อยากหยุดเวลา" ที่ร้องโดย "ปาล์มมี่" ในหนัง "พี่มาก พระโขนง" ฟังแล้วสัมผัสได้อารมณ์ความคิดถึง ความรักที่ลึกซึ้ง ความไม่อยากจะพลัดพรากจากคนที่รักได้ถึงอารมณ์มากกว่าเยอะ
เอาเป็นว่าแม้โดยรวมทั้ง "สื่อริษยา" กับ "นางชฎา" เองจะยังคงวนเวียนอยู่ในวังวนความน้ำเน่าอยู่ แต่กระนั้นทั้งสองเรื่องก็ส่งสัญญาณให้เห็นแล้วว่าอนาคตละครตลาด ละครน้ำเน่าๆ บ้านเราน่าจะมีสีสัน มีอะไรที่แปลกตามากกว่าเดิมแน่นอน