xs
xsm
sm
md
lg

“เจ๊ฉอด” ดันสุดตัว “เอส-วรฤทธิ์” ผงาด เทียบชั้น “บอย-ถกลเกียรติ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ยิ่งเวลาผ่านไป การแข่งขันในสมรภูมิทิวีดิจิตอลก็ยิ่งเข้มข้นมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากข่าวการปรับผัง ขยายฐานกำลังของแต่ละช่อง ที่มีมาให้เห็นกันเป็นระยะ พร้อมๆ กับข่าวคราวการแบกรับความขาดทุนของอีกหลายๆ ช่อง ที่ถูกผู้บริโภคมองเมิน เพราะคอนเทนต์ไม่เข้าตา และส่อแววว่าจะต้องอำลาจอไปในเร็ววัน
ช่อง ONE ภายใต้การบริหารของ “บอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ” ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในช่องดิจิตอลที่แข็งแรง และมี เรตติ้งที่เทียบเคียงกับเจ้าตลาดอย่างฟรีทีวีที่มีมาแต่ดั้งแต่เดิม และตัวคุณบอยเอง ก็ตั้งอกตั้งใจที่จะบุกเบิกช่องดิจิตอลในมืออย่างเอาเป็นเอาตาย
คุณบอยได้เปรียบคู่แข่งในสมรภูมิเดียวกัน ตรงที่คอนเทนต์ในมือมีความแข็งแรง และมีฐานแฟนๆ ที่เหนียวแน่นอยู่แล้ว รวมถึงมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญ และมีดาราในสังกัดระดับแม่เหล็กที่สามารถโกยเรตติ้งได้ตลอด เมื่อตั้งอกตั้งใจกับการบุกเบิกช่องดิจิตอลของตัวเอง จึงมีดำริที่จะดึงคอนเทนต์ของตัวเองออกจากช่องฟรีทีวีเดิมมาจนเกือบเกลี้ยง ทั้งยกโปรแกรมละครออกจากผังช่อง 5 ที่ยึดครองมาช้านาน มาเปิดตลาดในช่องของตัวเอง แม้เรตติ้งอาจจะยังเทียบช่อง 3 กับช่อง 7 ในระบบฟรีทีวี (ที่ออกอากาศแบบคู่ขนานกับช่งดิจิตอล) ไม่ได้ แต่ก็ถือว่ามีแฟนคลับที่เกาะติดเหนียวแน่นไม่น้อย อย่างล่าสุดที่มีกระแสตลอด ก็คือ “สงครามนางงาม” หรือ “สื่อริษยา” ที่ลาจอไปหมาดๆ ถือว่าความนิยมไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าละครของช่องฟรีทีวีเลย อาจจะฮือฮากว่าบางเรื่องด้วยซ้ำโดยเฉพาะโปรแกรมล่าสุดอย่าง “บัลลังก์เมฆ” ที่มีต้นทุนสูงอยู่แล้ว ทั้งต้นทุนในเรื่องของบทประพันธ์ ที่อยู่ในใจคนดูมาก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งจากเวอร์ชันทีวี และเวอร์ชันละครเวที พอนำกลับมารีเมกใหม่ในโปรแกรมล่าสุด เรียกว่าคุณบอยแทบจะไม่ต้องแบกรับเรื่องความเสี่ยง เพราะมาพร้อมกับต้นทุนความแข็งแรงของ 4 นักแสดงนำ ที่มีฝีมือจัดจ้าน และบารมีที่ไม่ยิ่งหย่อนไปจากเวอร์ชันแรก พูดง่ายๆ ว่าเทียบบทกันตัวต่อตัวได้เลย เริ่มจาก ศรราม เทพพิทักษ์ ในบท “วาสุเทพ” (สมบัติ เมทะนี) , มอส- ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ ในบท “เกื้อ” (สรพงศ์ ชาตรี) , เต๋า-สมชาย เข็มกลัด ในบท “ชูนาม” (กรุง ศรีวิไล) ซึ่งทั้ง 3 พระเอก เพิ่งโคจรมาประชันบทบาทกันเป็นครั้งแรก ที่ผ่านมาอาจจะเคยเห็นศรรามประชันกับเต๋า-สมชายมาแล้ว จากละคร “น้ำใสใจจริง” หรือภาพยนตร์ “แตก 4 รัก โลภ โกรธ เลว” หรือเต๋า เล่นคู่กับมอส สมัยยังเป็นนายแบบหน้าละอ่อน ในเรื่อง “สะแด่วแห้ว” แต่การจับนักแสดงระดับนี้มาประชันกันถึง 3 คน ในน้ำหนักของบทที่ทัดเทียมกัน ถือว่าเป็นต้นทุนที่สูงค่ามาก และยิ่งมาประกบกับนางเอกเบอร์ต้นๆ ประจำค่ายเอ็กแซ็กท์ อย่างอ้อม-พิยดา จุฑารัตนกุล ในบท “ปานรุ้ง” (ภัทราวดี มีชูธน) ที่จะต้องแสดงฝีมือตั้งแต่สาวจนแก่ และสิ้นอายุขัยในที่สุดนั้น ถือว่าเป็นการแคสติ้งนักแสดงที่ลงตัวมากที่สุดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว พูดง่ายๆ ว่าแค่ดู 4 นักแสดงห้ำหั่นฝีมือกันแบบไม่มีใครยอมใคร ก็ถือว่าเกินคุ้มแล้ว
นอกจากละครที่เป็นกำลังหลักแล้ว ยังจะมีเรียลิตี้ยอดนิยมอย่าง “เดอะ สตาร์” ที่ยกมาประเดิมที่ช่อง ONE ในซีซันล่าสุด ในขณะที่บรรดาแฟนคลับก็ยังตามติดมาส่งแรงใจแรงเชียร์ไม่แพ้เมื่อครั้งอยู่ในผังช่อง 9
ขณะเดียวกันคุณบอยเอง ก็เคยให้สัมภาษณ์ว่าจะยกรายการของตัวเองออกจากโปรแกรมของช่องฟรีทีวีต่างๆ มาลงที่ช่อง ONE ของตัวเอง ยกเว้นรายการ และซิทคอมที่อยู่ในผังของช่อง 3 ซึ่งหลงเหลืออยู่เพียง 1 รายการ คือ “สมรภูมิพรมแดง” และซิตคอม 2 เรื่อง “เฮง เฮง เฮง” กับ “ผู้กองเจ้าเสน่ห์” ซึ่งจะด้วยสัมพันธภาพที่มีกันมาช้านาน หรือจะเพราะเสียดายค่าขายโฆษณาที่ทุกนาทีเป็นเงินเป็นทองก็แล้วแต่ ทั้ง 1 รายการ และ 2 ซิทคอม ที่อยู่ในผังของช่อง 3 ก็ยังทำหน้าที่สร้างความบันเทิงให้กับคนดู ในยามที่ขาอีกข้างหนึ่งของคุณบอย ก็เทน้ำหนักมาที่ช่อง ONE
แต่ทุกการแข่งขัน และทุกสมรภูมิรบ ย่อมไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร เมื่อคุณบอยพยายามอย่างสุดแรงเกิดที่จะผลักดันช่อง ONE ให้ผงาดขึ้นมาเทียบชั้นช่องฟรีทีวี จึงไม่แปลกที่จะเห็นข่าวว่าช่อง 3 เขี่ยรายการของเอ็กแซ็กท์ ทั้ง“สมรภูมิพรมแดง” และซิตคอม “เฮง เฮง เฮง” กับ “ผู้กองเจ้าเสน่ห์” หลุดจากผังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็แน่นอนว่าทั้ง 3 โปรแกรมนี้ จะไปปรากฏอยู่ ณ ช่อง ONE ในเร็ววันอย่างไม่ต้องสงสัย
ขณะเดียวกันช่อง GMM 25 ของ “เจ๊ฉอด-สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา” ที่แรกเริ่มก็หยิบจับคอนเทนต์ที่ดึงดีเจ ในคลื่นตัวเองมาเป็นทัพหน้า เน้นรายการประเภทวาไรตี้เป็นหลัก ก่อนจะค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาสู่วงการละครทีละน้อยๆ เริ่มจากซีรีส์ “Love ออนแอร์” ที่ว่าด้วยเรื่องราวหลังไมค์ของเหล่าดีเจ. ในคลื่น มาจนซีรี่ส์ “คลับฟรายเดย์” ที่บางเรื่อง บางตอน ดรามากันจนน้ำตาท่วมจอ จนเกิดเป็นกระแสว่าสร้างมาจาก “เรื่องจริง” หรือว่า “อิงโปรโมต” กันแน่ !!??? แต่ตอนที่ได้รับความนิยมล้นหลาม กลับกลายเป็นแนวคอมเมดี้ อย่าง “ความลับของมิ้นต์กับมิว” ที่ได้ “เต๋า-สมชาย” มาเป็นคู่จิ้นแบบชายรักชายกับ “เบน-ชลาทิศ” ที่มีคนติดตามดูกันทั่วบ้านทั่วเมือง จนต้องนำมาขยายความต่อเป็นเรื่องยาวในเวอร์ชัน TO BE CONTINUE ที่กำลังแพร่ภาพอยู่ในขณะนี้ นอกจากนั้นยังมีพันธมิตรร่วมเครืออย่าง GTH ที่ส่ง “น้ำตากามเทพ” มาช่วยกระตุ้นเรตติ้งเสริมอีกแรง
เมื่อเล็งเห็นว่าวงการละครยังหอมหวาน และมีที่ว่างให้ยืน ช่อง GMM 25 ก็เดินเกมรุกฆาต จัดแถลงข่าวเปิดผังละครพร้อมกัน 25 เรื่อง น่าจะเป็นการแถลงข่าวการเปิดตัวละครพร้อมกันมากที่สุดในประวัติการณ์ แต่ความน่าสนใจไม่มีเฉพาะแค่ตัวเลขการเปิดกล้องพร้อมกัน 25 เรื่อง หรือการขนทัพดารามาประชันกันแบบล้นจอเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงการปรากฏชื่อของ “เอส- วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย” อดีตนักแสดงในสังกัดช่อง 3 ที่รับตำแหน่งเป็น “ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตละคร” ภายหลังที่ถูกปูทางไว้แต่แรกด้วยการผลักดันให้รับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ “Love ออนแอร์” และซีรี่ส์ “คลับฟรายเดย์” มาแล้ว
พูดง่ายๆ ว่า สถานภาพของเอส-วรฤทธิ์ ณ วันนี้ ถูกเจ๊ฉอด ตัวแม่แห่ง “เอไทม์ มีเดีย” ผู้กุมบังเหียนช่อง GMM 25 วางหมากให้มีบทบาทในสายงานละคร ประหนึ่งว่าวัดรอยเท้าคุณบอย แห่งเอ็กแซ็กท์ และช่อง ONE กันเลยทีเดียว จะว่าด้วยเล็งเห็นศักยภาพส่วนตัว ที่โชว์ฝีมือจากผลงานที่ผ่านมาให้เห็นเป็นประจักษ์ หรือจะด้วยความสิเน่หาส่วนตัวอะไรก็ตามแต่ งานนี้ถือว่า เอส-วรฤทธิ์ ต้องแบกรับความคาดหวังทั้งหมดทั้งปวงของทั้งคนในช่องเอง (โดยมีเจ๊ฉอดคอยดูอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ) ในฐานะที่จะต้องลงมาฟาดฟันกับศัตรูรอบด้าน ทั้งช่องฟรีทีวี ที่เป็นเจ้าตลาดเดิม ทั้งช่องดิจิตอลด้วยกันเอง และแม้กระทั่งช่อง ONE ที่นับเป็นค่ายพี่ค่ายน้องที่อยู่ภายใต้ร่มเงาของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่เหมือนกัน รวมไปถึงความคาดหวังของคนดู ที่หวังใจว่าละครของช่อง GMM 25 จะมีทีเด็ดอะไร ที่สร้างความแตกต่างอย่างเหนือชั้นจากช่องอื่นๆ มาเป็นกำนัลแด่คนดู
แต่คะเนดูจากรายนามผู้กำกับที่ดึงมาร่วมงาน ซึ่งมีทั้ง กอล์ฟ-ธัญญ์วาริน , มะเดี่ยว-ชูพงศ์ , ซ้ง-ธรธร , กู่-เอกสิทธิ์ ฯลฯ ก็ต้องบอกว่าสงครามครั้งนี้ น่าจับตามองไม่น้อยเลยทีเดียว
นอกจากจะจับตามองว่าเรตติ้งละครจะสู้ช่องอื่นได้หรือเปล่าแล้ว ยังต้องจับตามองว่า การผลักดันเอส-วรฤทธิ์ ในครั้งนี้ จะไปถึงฝั่งฝันหรือไม่ !!??? เรียกว่าเป็นงานที่ “ใหญ่” และ “หนัก” มากสำหรับเอส เพราะจะต้องมีทั้งความรอบรู้ ทั้งกลยุทธ์รอบด้าน ทั้งบุ๋น และบู๊ รวมถึงสรรพกำลังก็ต้องมากพอ แต่ถ้าผ่านจุดเริ่มต้นนี้ไปได้ ก็ถือว่าเขาพร้อมที่จะก้าวย่างขึ้นมาเป็นระดับผู้บริหารสถานีอย่างเต็มตัว สมดังความมุ่งมาดปรารถนาของเจ๊ฉอด !!


ที่มา นิตยสารASTV สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 290 23-29 พฤษภาคม 2558










กำลังโหลดความคิดเห็น