“อายส์ กมลเนตร” สุดปลื้มฟีดแบ็กพ็อกเกตบุ๊กเล่มแรกกระแสดี เผยคาดหวังแค่พันเล่ม แต่มียอดพิมพ์ครั้งแรกถึง 8 พันเล่ม หวังให้กำลังใจคนอ่าน ย้ำในวันที่แย่อาจเจอเรื่องดีๆ และโลกไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด
เป็นคอลัมนิสต์ให้แก่นิตยสารอะเดย์ เขียนคอลัมน์ “มุมมองเห็น” ได้ 2 ปี จนล่าสุด “อายส์ กมลเนตร เรืองศรี” ก็มีพ็อกเกตบุ๊กเป็นของตัวเล่มแรก ใช้ชื่อว่า “ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา” เปิดตัวครั้งแรกที่งานสัปดาห์หนังสือ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ล่าสุด เจ้าตัวได้เผยว่าสุดปลื้มใจที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดี โดยหวังให้คนอ่านมีกำลังใจต่อสู้ ย้ำในวันแย่ๆ อาจมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้น
“กระแสดีมากค่ะ ดีแบบไม่ได้คาดคิดเหมือนกันว่าจะเป็นอย่างนี้ ล็อตแรกคือ 8,000 ค่ะ แต่ว่าตอนนี้ก็พิมพ์เพิ่มแล้ว เล่มใหม่ก็อยากทำนะคะ แต่ว่ารอให้รู้สึกกับอะไรบางอย่างก่อน อยากให้มี content ดีๆ สัก 1 content แล้วก็เล่นกับเขา แต่ว่าตอนนี้ยังไม่เจอความรู้สึกแบบนั้น หนังสือเล่มนี้ของหนูมันเป็นการรวมเล่มคอลัมน์ที่หนูเขียนใน a day มา 2 ปี มันยังไม่สาย content เดียวกัน แต่ว่าโดยรวมทั้งหมดภาพรวมมันคือหนูพูดความสำคัญ หนูพูดถึงอะไรบางอย่างที่หนูไปเจอมา หนูอยู่ในฐานะผู้สังเกต ฐานะผู้ฟัง หรือบางครั้งหนูก็ประสบเอง แล้วหนูเอามาเล่ามาแชร์ต่อ แล้วมันอยู่ในหนังสือเล่มนี้ จะอยู่ในโทนเดียวกัน ไม่รู้ใครได้ลองอ่านหรือยัง”
“สิ่งที่คนอ่านจะได้ อย่างน้อยจะได้มองว่า โลกมันไม่ได้แย่ขนาดนั้น ถึงแม้ว่าหนูจะเจอเรื่องแย่ๆ มาอย่างเช่น เรียกแท็กซี่ ได้นั่ง taxi ดีดีสักคนหนึ่งซึ่งเขาเคยเป็นวิศวกรมาก่อน แต่ว่าถูกเลย์ออฟออกตอนที่นวนครโดนน้ำท่วม มันมีประเด็นน่าสนใจในชีวิตประจำวันที่หนูไปเจอมา ทั้งที่หนูง่วงนอนมากแล้วดันไปคุยกับพี่แท็กซี่คนนั้นแล้วรู้สึกว่า ชีวิตคนเราไม่แน่นอนเลย เป็นวิศวกรมา 17 ปี ใครจะรู้วันหนึ่งต้องมาขับแท็กซี่นะ โอเคแท็กซี่ไม่ผิด เพียงแต่ถามหน่อยว่า จะมีคนจบวิศวกรรมศาสตร์กี่คนที่อยากจะมาขับแท็กซี่ แต่สุดท้ายชีวิตพี่เขาต้องไปต่อนะ เขามีครอบครัวที่ต้องดูแล เมื่อเวลาเขามีปัญหาเขาแก้ไขปัญหาตรงนั้นยังไง เป็นมุมบางมุมที่บางทีเรื่องราวของเรามันเล็กน้อยมาก ถ้าเทียบกับคนอื่นเขาเจอมา เราจะแก้ไขปัญหาตอนนั้นยังไง”
เผยอยากให้คนรู้จักตัวตนจากงานเขียน เชื่ออ่านจากหนังสือมีความคลาสสิกกว่าอ่านจาก e-book แน่นอน
“เดี๋ยวเข้าไปคุยกันค่ะว่าพิมพ์ครั้งที่ 2 เป็นยังไง แต่ตอนนี้ยังไม่รู้เลย หนังสือหนูคลอดวันที่ 14 มีนาคม แล้วก็เริ่มวางขายวันที่ 26 มีนาคม ที่งานหนังสือ ตอนแรกหนูคิดว่าพิมพ์สักพันเล่มแล้วขายได้หนูก็ดีใจแล้ว แต่ว่าตอนนี้มันเกินที่เราคิดไว้ อยากให้แสดงมันออกมาในตัวหนังสือ เราอยากจะสื่อสารอะไรกับคนอ่าน อยากให้ออกมาเต็มที่ หนูคิดว่าคนอ่านจะรู้ได้ว่าคนเขียนเป็นคนยังไงผ่านจากตัวหนังสือของเขา แล้วหนูว่าดีออก ให้คนไทย หรือเด็กได้เริ่มอ่านหนังสือ หนังสือชุดแรกที่หนูเริ่มอ่านตอน ม.ต้น คือ ห้าสหายผจญภัย ไม่ว่าหนังสือจะเป็นอะไรก็ตามแต่ว่าขอให้เราจะรู้จักทำความคุ้นเคยกับตัวหนังสือที่มันอยู่ในหนังสือเพราะทุกวันนี้ระหว่างจากในแท็บเล็ตใน smartphone อะไรแบบนี้ สายตาเสีย เรามาอ่านหนังสือกันดีกว่า (ยิ้ม)”
“การที่เด็กชอบอ่านหนังสือที่มีรูปประกอบมากกว่าก็ดีนะคะ มันอ่านง่ายจบง่าย มันน่ารัก ก็ดีแล้วหนูว่าขอให้เป็นหนังสือค่ะ ไม่รู้สิความคลาสสิกมันมีมากกว่าที่เราจะอ่านในตัว e-book คือหนูจะมีแฮชแท็กในทวิตเตอร์กับในอินสตาแกรมค่ะ ก็เลยจะได้เข้าไปดูฟีดแบ็กเวลาเขาพูดถึงหนังสือเรา หรือว่าถ่ายรูปให้สวยอะไรแบบนี้ค่ะ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมากับ once upon eye time จาก a time เป็น eye time แล้วเราก็ไปดูละครจะเห็นว่าให้เขาชอบเรื่องนี้นะ ในวันที่สมาร์ทโฟนไม่มีความหมายเขาชอบตรงนี้อ่านจบแล้วแบบเลิกเล่นมือถือเลยอะไรแบบนี้ไปหากิจกรรมทำเอาอูคูเลเล่มาเล่น ก็ดีนะ หายเหนื่อยเลยค่ะ”
บอกแฟนคลับมีหลากหลายทั้งจากนักแสดง หนังสือ และไอจี ส่วนตนอยากเป็นนักเขียนควบคู่กับอาชีพนักแสดง
“ก็ได้ไปอีกอย่างหนึ่ง อย่างใครหลายคนไม่รู้ว่าหนูเป็นดารา เช่น คนไทยในอังกฤษวันนี้จะไม่รู้ว่าคนนี้เขาเป็นนักแสดง เพราะว่าเขาไม่เคยดูละครไทย แต่ว่าเขาบอกผ่านมาจากคนที่รู้จักเราอยู่ในอังกฤษเหมือนกันนะ บอกว่าเขาติดตามเราจากในไอจีนะ ชอบรูปถ่ายจัง ชอบแคปชันของน้องประมาณนั้นเราก็รู้สึกว่า แฟนคลับของหนูไม่น่ามาจากแค่กลุ่มละครเหมือนพอหลายๆ อย่างที่เราทำ ก็จะมีกลุ่มหนึ่งชอบตรงนี้ยิบย่อยลงไป มีเพิ่มขึ้นเพราะหนังสือด้วย มีด้วยค่ะ”
“ก็อยากทำควบคู่ไปกับอาชีพนักแสดงค่ะ เพราะว่าก็ชอบงานหนังสือด้วย เล่มต่อไปอยากทำแน่นอน แต่อยากให้เจอคอนเซ็ปต์ที่หนูอยากเล่าก่อน จริงๆ หนูแอบอยากเขียนเรื่องสั้นมาก แต่หนูว่าคนที่อ่านเรื่องสั้นมีกลุ่มเฉพาะแยกลงไปอีก เพราะว่าเรื่องสั้นเป็นเรื่องที่เราคิดขึ้นมาเองซึ่งไม่ใช่นวนิยาย มีฉากต้องมีตัวละคร ต้องมีไดอะล็อกซึ่งหนูชอบอ่านแต่ยังไม่มีความสามารถในการเขียนออกมาตรงนี้ได้ค่ะ”
ASTVผู้จัดการออนไลน์ เพิ่มหมวดข่าว “โต๊ะญี่ปุ่น” นำเสนอความเคลื่อนไหวของข้อมูลข่าวสาร ตอบสนองผู้อ่านที่สนใจในประเทศญี่ปุ่น รวมทั้ง สรรสาระ เกร็ดความรู้ต่างๆ ที่ผู้อ่านควรรู้ และ ต้องรู้อีกมากมาย ติดตามเราได้นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |