โดย : บอน บอระเพ็ด (skbon109@hotmail.com)
ได้ชื่อว่าเป็นอีก 2 คนดนตรีคุณภาพของบ้านเรา สำหรับ “บอย-ตรัย ภูมิรัตน”(บอย ตรัย - จาก ฟรายเดย์) และ “ก้อ-ณฐพล ศรีจอมขวัญ”(จาก P.O.P และ กรู๊ฟไรเดอร์)
ทั้งคู่อยู่ในวงการเพลงมากว่า 15 ปี ได้ฝากฝีไม้ลายมือเอาไว้ทั้งการทำเพลงทั้งในนามของวง ในงานเดี่ยวของตัวเอง และอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังศิลปินอีกมากหน้าหลายตาในบ้านเรา
นอกจากนี้“บอย”กับ“ก้อ” ยังเคยร่วมงานกันมานานร่วม 10 ปี จนกลายเป็นคู่หูดนตรีที่รู้ทางกันดี
ล่าสุดทั้งคู่เพิ่งสบช่องมาร่วมงานกันอย่างเป็นทางการกับโปรเจคต์พิเศษ “theBOYKOR”(เดอะ บอยก้อ) พร้อมกับส่งอัลบั้ม “Between Hello&Good Bye” ภายใต้สังกัด“สไปร์ซซี่ ดิสก์”(Spicy Disc) ออกมา โดยก้อเป็นคนดูแลในภาคดนตรี เขียนทำนอง เรียบเรียง(ยกเว้นเพลง “ยังสนุก” ที่ทั้งคู่เรียบเรียงร่วมกัน) ส่วนบอยเป็นคนแต่งเนื้อร้อง(ยกเว้นเพลง “ได้โปรดบอก(อกหัก)” ซึ่งทั้งคู่ได้เขียนเพลงร่วมกัน)
อัลบั้มนี้มีทั้งหมด 15 เพลง เป็นการผสมผสานระหว่างเพลงใหม่(แต่งใหม่) 7 เพลง กับเพลงเก่าที่ทั้งคู่เคยแต่งให้คนอื่นร้องอีก 8 เพลง ที่นำมาเรียบเรียงใหม่ ทำดนตรีใหม่ พร้อมกับเปลี่ยนหน้านักร้อง เพื่อให้เกิดสีสันใหม่ ซึ่งทั้งคู่ได้พูดถึงคอนเซ็ปต์ของอัลบั้มนี้ว่า เป็นเรื่องราวระหว่างคำว่า “สวัสดี” กับ “ลาก่อน” มีพบก็ต้องมีจาก แต่ระหว่างนั้นมีเรื่องราวให้พูดเต็มไปหมด เริ่มตั้งแต่ แรกเจอ ทักทาย แอบรัก รักกัน เสียใจ ให้กำลังใจ จนถึงบอกลา
Between Hello&Good Bye เปิดตัวกันด้วย “Hello” กับบทเพลงป็อบแดนซ์สนุกๆเจือกลิ่นอายยุค 80’s ให้สีสันสดในน่ารัก เป็นดังบทเพลงทักทาย โดยมีแขกรับเชิญพิเศษคือ พี่“บอย โกสิยพงษ์” มาร่วมร้องแร็พสนุกๆเติมสีสัน
“ไม่ได้หรอก” เพลงนี้ได้ สาว “แอน-ธิติมา ประทุมทิพย์” มาร่วมร้องกับแนวดนตรีอิเลคทรอนิคส์ป็อบใสๆสนุกๆ เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศจากที่เคยฟังน้องแอนร้องในสไตล์แกรมมี่มาร้องในแบบเบเกอร์รี่กันบ้าง นอกจากจะฟังน่ารักใสๆแล้ว ยังฟังเป็นธรรมชาติกว่าน้ำเสียงดัดๆที่เธอร้องในแบบแกรมมี่สไตล์อยู่พอตัว
ส่วน“Shy Boy”ยังคงตามต่ออารมณ์สนุกๆกับเพลงที่ก้อเคยแต่งให้ปาล์มมี่ร้อง โดยเพลงนี้ ได้ “มาเรียม อัลคาลาลี่” หรือ “มาเรียม B5” มาขับร้องถ่ายทอดอารมณ์เพลงกับดนตรีโจ๊ะๆในกลิ่นอายย้อนยุคด้วยน้ำเสียงน่ารักๆ
จากนั้นมาเบรกอารมณ์กันกับเพลง “รักไม่ได้” ที่ขับร้องโดย “วิน ศิริวงศ์” แห่ง “Sqweez Animal” ที่ภาคดนตรีแม้จะมาในทางอิเล็กทรอนิกโซลแต่ว่าก็ยังคงโทนเดิมเอาไว้ ส่วนที่ให้ความแตกต่างก็คือน้ำเสียงนุ่มๆหล่อๆของวินที่ฟังเท่ห์และมีเสน่ห์แตกต่างไปจากต้นฉบับชั้นเยี่ยมที่“บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์”เคยร้องไว้จนโด่งดังได้ดีทีเดียว แต่ว่าผมกลับชอบที่ต้นฉบับบุรินทร์ร้องไว้มากกว่า เพราะมันกระเส่าอ้อนสาวให้ใจละลายได้ดีทีเดียว
“แค่พูดว่า” เพลงช้าๆหวานเศร้าซึ้งที่บอย ตรัย ขับร้องถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมถึงอารมณ์ ส่วน“ตั้งแต่ฉันพบเธอ” เป็นเพลงเก่าจากอัลบั้มเดี่ยวของก้อ ซึ่งก้อนำมาขับร้องใหม่ในแบบอะคูสติกใสๆติดกลิ่นบอสซ่าฟังเพราะ ฟังเพลิน
แล้วมาต่อกันด้วยอะคูสติกกลิ่นบอสซ่าอีกเพลงกับ “รักในความต่าง” ที่ได้ “บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์” มาขับร้อง กับเนื้อเพลงสั้นๆ แต่เนื้อหาฟังแล้วโดนๆ กับความรักในความต่างที่หากเข้าใจกัน ความต่างหาใช่อุปสรรคต่อความรัก แต่หากมันกลับเป็นสิ่งที่ช่วยเติมเต็มในกันและกันต่างหาก
“ไม่มีสิ่งไหน” อินโทร.ขึ้นมาฟังแปลกทีเดียวนำมาด้วยเสียงนก-กาของธรรมชาติยามเช้า แล้วตามด้วยเสียงฮาร์โมนิก้าลอยๆ ก่อนส่งเข้าเพลงที่เนื้อหาเยี่ยมมาก บอกเล่าด้วยเรื่องราวง่ายแต่เนื้อหามีความเป็นสัจธรรมในทางพุทธศาสนาอยู่สูงทีเดียว ขณะที่ภาคดนตรีก็ฟังเพราะ เสียงร้องของบอย ไตรก็เยี่ยม นับเป็นอีกหนึ่งเพลงเด็ดของอัลบั้มเลยทีเดียว
“ศัตรูที่รัก” เพลงประกอบหนังเรื่องอินทรีแดงที่บุรินทร์เคยร้องถ่ายทอดไว้ในเวอร์ชั่นต้นฉบับซึ่งเขาทำมาตรฐานไว้สูง(มาก) มีเอกลักษณ์และมีแข็งแรงในตัวเพลงมาก หากใครที่มาร้องขับใหม่นี่ถ้าไม่เจ๋งจริงจะกระเจิงได้ง่ายๆ
แต่เพลงนี้บอย-ก้อเลือกให้ พี่“นภ พรชำนิ” มาขับร้องในทางโซลเข้มๆ ถือว่าเอาอยู่ เป็นศัตรูที่รักที่มีเสน่ห์แตกต่างไปอีกแบบ ในต้นฉบับเสียงของบุรินทร์นั้นออกแนวจิ๊กโก๋ติดเจ้าชู้นิดๆ ส่วนเวอร์ชั่นนี้ของพี่นภมาในแนวเซ็กซี่ละมุนในแบบผู้ชายอบอุ่นชนิดที่ศัตรูได้ยินถึงกับใจอ่อนเอาได้ง่ายๆ
จากนั้นเปลี่ยนมาเหงา เศร้ากับเพลง “หากวันนั้น” ที่ขับร้องถ่ายทอดโดยก้อ ภาคดนตรีนั้นเพราะซึ้ง มีเสียเปียโนเพราะเล่นเป็นพระเอก แต่ว่าเสียงร้องของพี่ก้อนี่มันบางไปหน่อย ทำให้เพลงฟังขาดพลังไปพอตัว
“เปิดใจ” อีกหนึ่งเพลงเพราะๆที่ได้ทีมกรู๊ฟไรเดอร์มาร่วมงานด้วย ฟังให้ความรู้สึกเหมือนเป็นดังงานที่ตกหล่นของกรู๊ฟไรเดอร์ ส่วน “ยังสนุก” ต้นฉบับ บี-พีระพัฒน์ เคยขับร้องไว้ด้วยอารมณ์สนุก สดใส ให้ความรู้สึกในแง่บวก แต่ในเวอร์ชั่นนี้ ถูกนำมาทำในเวอร์ชั่นหม่นขับรองโดยบอย ไตร ฟังให้ความรู้สึกแปลกไปอีกแบบ แต่ว่าอารมณ์เพลงมันฟังหม่นสวนทางกับเนื้อหาโลกสวยไปหน่อย
“ได้โปรดบอก” มาในแบบ Studio Live เล่นสดในห้องอัด เสียงเบสของพี่ก้อโดด(ดัง)ไปหน่อย ขณะที่เสียงร้องของพี่ก้อยังคงฟังบาง ขาดพลัง ขาดน้ำหนักเหมือนเดิม
แล้วมาต่อกันด้วย “The Wedding Singer” ที่ได้รุ่นใหญ่อย่าง “พี่เต้ง-พิชัย จิราธิวัฒน์” หนุ่มโสดหัวเรือใหญ่แห่งค่ายสไปร์ซี่ดิสก์มาขับร้องถ่ายทอดอารมณ์ โดยตัวเพลงมีท่วงทำนองที่ไพเราะ ฟังติดหู ซาวนด์ติดย้อนยุคนิดๆ ช่วงท้ายมีเสียงเครื่องเป่าแน่นๆที่คอยหยอดเติมสร้างสีสัน
ส่วนเนื้อหานั้นแม้จะฟังน่ารักและเท่ไม่เบาแต่มันก็แฝงไว้ด้วยอารมณ์ชวนรันทดของหนุ่มใหญ่ พี่เต้งแม้จะไม่ใช่นักร้องอาชีพแต่เป็นนักร้องเพลง(ใน)งานแต่งมืออาชีพ ที่ผ่านมาถนัดแต่การร้องเพลงอวยพรงานแต่งให้คนอื่น แต่งานของตัวเองยังไม่มีโอกาสได้เกิดขึ้นสักที นับว่าบอย-ก้อเลือกคนร้องได้เหมาะและทำดนตรีได้เหมาะมาก ถือเป็นอีกเพลงเด็ดของอัลบั้มที่มีเสน่ห์น่าฟังมาก ซึ่งพอผมได้ฟังเพลงนี้แล้วก็อดอุทานในใจไม่ได้ว่า ...เฮ้ย!!! นี่มันตัวกูนี่หว่า...
จากนั้นมาฟังเพลงปิดอัลบั้มกันกับ “คำที่ไม่อยากพูด” บทเพลงที่เป็นดังคำล่ำลาเป็นอีกหนึ่งคีย์เวิร์ดของอัลบั้ม ซึ่งทั้งคู่มาร้องเพลงทิ้งท้ายร่วมกันกับโทนอารมณ์หม่นๆของการลาจาก ที่ช่วงท้าย ทั้งคู่ออกมาพูดล่ำลาแบบซื่อๆ ฟังน่ารักปนเศร้าดีชะมัด
ครับและนั่นก็เป็น 15 บทเพลงจากบอย-ก้อ ที่ฟังโดดเด่นไปด้วยภาคดนตรีที่หลากหลาย แต่ว่าก็ไม่ให้ความรู้สึกว่ามีเพลงใดโดดหรือเพลงใดหลุดออกมาอย่างเกินงาม เพราะสามารถคุมโทนได้อย่างกลมกลืน ผสมอารมณ์ของเพลงเก่ากับเพลงใหม่ได้อย่างกลมกล่อมลงตัว อีกทั้งยังทำดนตรีออกมาละเอียด มีลูกเล่น มากสีสัน โดยเฉพาะในซาวนด์ย้อนยุคที่ถือเป็นทางนัดของก้อนั้น เขายังคงหากินในแนวทางนี้ไปได้อีกนาน
ขณะที่ภาคเนื้อหาเนื้อร้องนั้นบอย ตรัย ก็เขียนออกมาได้อย่างน่าฟัง ภาษาไหลรื่น แม้ไม่มากคำสัมผัสหรือคำเก๋ๆเท่ๆ แต่ก็เป็นการใช้คำง่ายๆภาษาธรรมดาๆได้อย่างมีสีสันน่าฟัง แถมมีมุมมองที่แหลมคม น่าสนใจ
นอกจากนี้การได้นักร้องฝีมือเยี่ยมๆมาเป็นผู้ขับขานถ่ายทอดอารมณ์มันก็ยิ่งช่วยหนุนส่งให้เพลงที่ดนตรีดี เนื้อหาดี มีเสน่ห์น่าฟังยิ่งขึ้นไปอีก
ส่วนที่ถือเป็นข้อด้อยเล็กๆของอัลบั้มชุดนี้ก็คือเสียงร้องของก้อ-ณฐพลในบางเพลง ที่แม้เขาจะขับร้องถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ด้วยน้ำเสียงที่บาง(เพราะไม่ใช่นักร้องอาชีพ)มันก็ทำให้ตัวเพลงลดพลังลงไป แถมยิ่งขับร้องประกบกับพวกนักร้องคุณภาพเสียงดีๆก็ยิ่งทำให้เสียงร้องของก้อฟังดูมีข้อเปรียบเทียบที่ชัดเจน
อย่างไรก็ดีด้วยภาคดนตรีที่แน่น มีสีสัน มีลูกเล่น มันก็ช่วยมาเติมเต็มในน้ำเสียงของก้อ ทำให้กลายเป็นข้อบกพร่องเล็กๆน้อยๆ ที่ไม่ทำให้ภาพรวมของอัลบั้มสะดุดแต่อย่างใด
สำหรับ Between Hello&Good Bye ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานเพลงคุณภาพแห่งปีที่อัดแน่นไปด้วยบทเพลงเพราะๆและมากไปด้วยเสน่ห์สีสัน ซึ่งนั่นนอกจากบอย-ก้อจะมีฝีมือทางดนตรีที่ดีเยี่ยมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยังมีส่วนมาจากการที่ทั้งคู่มีแนวทางการทำเพลงในทิศทางเดียวกัน และที่สำคัญคือรู้ทาง คุ้นเคย และเข้าขากันดี
นับได้ว่าอัลบั้ม Between Hello&Good Bye เป็นการผสมสูตรเคมีทางดนตรีของ 2 หนุ่มบอย-ก้อที่ลงตัวเอามากๆ
ยังไงๆก็ขอเชียร์ให้ทั้งคู่หาโอกาสโคจรมาสร้างสรรค์งานเพลงเพราะๆให้ฟังกันอีกในชุดต่อไป และต่อไป
***********************************************************
ฟังเพลง Hello
ฟังเพลง แค่พูดว่า
ฟังเพลง The Wedding Singer
*****************************************
แกะกล่อง
ศิลปิน : Michael Bublé
อัลบั้ม : To Be Loved (Asian Tour Edition)
นอกจากจะมาเปิดคอนเสิร์ตสร้างความประทับใจไปเมื่อปลายเดือน ม.ค. ที่ผ่านมาแล้ว“ไมเคิล บูเบลย์” นักร้องหนุ่มสุดหล่อ ซุปเปอร์สตาร์ดาวดังทั้งป็อบและแจ๊ซ ยังส่งอัลบั้มพิเศษ “To Be Loved” เวอร์ชั่น “Asian Tour Edition” ที่จะทำให้แฟนเพลงเต็มอิ่มไปกับบทเพลงมากถึง 22 แทรค(17 บทเพลงกับ 5 โบนัสแทรค) โดยมี 5 บทเพลงใหม่ กับบทเพลงอันหลากหลาย ทั้ง ป็อบ,แจ๊ซ,บัลลาด,สแตนดาร์ต,บิ๊กแบนด์ ที่ไมเคิลขับร้องถ่ายทอดออกมาได้อย่างไพเราะน่าฟัง งานนี้แฟนเพลง “ไมเคิล บูเบลย์” ห้ามพลาด โดยสามารถหาซื้อได้ตามร้านซีดีชั้นนำทั่วไป
ได้ชื่อว่าเป็นอีก 2 คนดนตรีคุณภาพของบ้านเรา สำหรับ “บอย-ตรัย ภูมิรัตน”(บอย ตรัย - จาก ฟรายเดย์) และ “ก้อ-ณฐพล ศรีจอมขวัญ”(จาก P.O.P และ กรู๊ฟไรเดอร์)
ทั้งคู่อยู่ในวงการเพลงมากว่า 15 ปี ได้ฝากฝีไม้ลายมือเอาไว้ทั้งการทำเพลงทั้งในนามของวง ในงานเดี่ยวของตัวเอง และอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังศิลปินอีกมากหน้าหลายตาในบ้านเรา
นอกจากนี้“บอย”กับ“ก้อ” ยังเคยร่วมงานกันมานานร่วม 10 ปี จนกลายเป็นคู่หูดนตรีที่รู้ทางกันดี
ล่าสุดทั้งคู่เพิ่งสบช่องมาร่วมงานกันอย่างเป็นทางการกับโปรเจคต์พิเศษ “theBOYKOR”(เดอะ บอยก้อ) พร้อมกับส่งอัลบั้ม “Between Hello&Good Bye” ภายใต้สังกัด“สไปร์ซซี่ ดิสก์”(Spicy Disc) ออกมา โดยก้อเป็นคนดูแลในภาคดนตรี เขียนทำนอง เรียบเรียง(ยกเว้นเพลง “ยังสนุก” ที่ทั้งคู่เรียบเรียงร่วมกัน) ส่วนบอยเป็นคนแต่งเนื้อร้อง(ยกเว้นเพลง “ได้โปรดบอก(อกหัก)” ซึ่งทั้งคู่ได้เขียนเพลงร่วมกัน)
อัลบั้มนี้มีทั้งหมด 15 เพลง เป็นการผสมผสานระหว่างเพลงใหม่(แต่งใหม่) 7 เพลง กับเพลงเก่าที่ทั้งคู่เคยแต่งให้คนอื่นร้องอีก 8 เพลง ที่นำมาเรียบเรียงใหม่ ทำดนตรีใหม่ พร้อมกับเปลี่ยนหน้านักร้อง เพื่อให้เกิดสีสันใหม่ ซึ่งทั้งคู่ได้พูดถึงคอนเซ็ปต์ของอัลบั้มนี้ว่า เป็นเรื่องราวระหว่างคำว่า “สวัสดี” กับ “ลาก่อน” มีพบก็ต้องมีจาก แต่ระหว่างนั้นมีเรื่องราวให้พูดเต็มไปหมด เริ่มตั้งแต่ แรกเจอ ทักทาย แอบรัก รักกัน เสียใจ ให้กำลังใจ จนถึงบอกลา
Between Hello&Good Bye เปิดตัวกันด้วย “Hello” กับบทเพลงป็อบแดนซ์สนุกๆเจือกลิ่นอายยุค 80’s ให้สีสันสดในน่ารัก เป็นดังบทเพลงทักทาย โดยมีแขกรับเชิญพิเศษคือ พี่“บอย โกสิยพงษ์” มาร่วมร้องแร็พสนุกๆเติมสีสัน
“ไม่ได้หรอก” เพลงนี้ได้ สาว “แอน-ธิติมา ประทุมทิพย์” มาร่วมร้องกับแนวดนตรีอิเลคทรอนิคส์ป็อบใสๆสนุกๆ เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศจากที่เคยฟังน้องแอนร้องในสไตล์แกรมมี่มาร้องในแบบเบเกอร์รี่กันบ้าง นอกจากจะฟังน่ารักใสๆแล้ว ยังฟังเป็นธรรมชาติกว่าน้ำเสียงดัดๆที่เธอร้องในแบบแกรมมี่สไตล์อยู่พอตัว
ส่วน“Shy Boy”ยังคงตามต่ออารมณ์สนุกๆกับเพลงที่ก้อเคยแต่งให้ปาล์มมี่ร้อง โดยเพลงนี้ ได้ “มาเรียม อัลคาลาลี่” หรือ “มาเรียม B5” มาขับร้องถ่ายทอดอารมณ์เพลงกับดนตรีโจ๊ะๆในกลิ่นอายย้อนยุคด้วยน้ำเสียงน่ารักๆ
จากนั้นมาเบรกอารมณ์กันกับเพลง “รักไม่ได้” ที่ขับร้องโดย “วิน ศิริวงศ์” แห่ง “Sqweez Animal” ที่ภาคดนตรีแม้จะมาในทางอิเล็กทรอนิกโซลแต่ว่าก็ยังคงโทนเดิมเอาไว้ ส่วนที่ให้ความแตกต่างก็คือน้ำเสียงนุ่มๆหล่อๆของวินที่ฟังเท่ห์และมีเสน่ห์แตกต่างไปจากต้นฉบับชั้นเยี่ยมที่“บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์”เคยร้องไว้จนโด่งดังได้ดีทีเดียว แต่ว่าผมกลับชอบที่ต้นฉบับบุรินทร์ร้องไว้มากกว่า เพราะมันกระเส่าอ้อนสาวให้ใจละลายได้ดีทีเดียว
“แค่พูดว่า” เพลงช้าๆหวานเศร้าซึ้งที่บอย ตรัย ขับร้องถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมถึงอารมณ์ ส่วน“ตั้งแต่ฉันพบเธอ” เป็นเพลงเก่าจากอัลบั้มเดี่ยวของก้อ ซึ่งก้อนำมาขับร้องใหม่ในแบบอะคูสติกใสๆติดกลิ่นบอสซ่าฟังเพราะ ฟังเพลิน
แล้วมาต่อกันด้วยอะคูสติกกลิ่นบอสซ่าอีกเพลงกับ “รักในความต่าง” ที่ได้ “บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์” มาขับร้อง กับเนื้อเพลงสั้นๆ แต่เนื้อหาฟังแล้วโดนๆ กับความรักในความต่างที่หากเข้าใจกัน ความต่างหาใช่อุปสรรคต่อความรัก แต่หากมันกลับเป็นสิ่งที่ช่วยเติมเต็มในกันและกันต่างหาก
“ไม่มีสิ่งไหน” อินโทร.ขึ้นมาฟังแปลกทีเดียวนำมาด้วยเสียงนก-กาของธรรมชาติยามเช้า แล้วตามด้วยเสียงฮาร์โมนิก้าลอยๆ ก่อนส่งเข้าเพลงที่เนื้อหาเยี่ยมมาก บอกเล่าด้วยเรื่องราวง่ายแต่เนื้อหามีความเป็นสัจธรรมในทางพุทธศาสนาอยู่สูงทีเดียว ขณะที่ภาคดนตรีก็ฟังเพราะ เสียงร้องของบอย ไตรก็เยี่ยม นับเป็นอีกหนึ่งเพลงเด็ดของอัลบั้มเลยทีเดียว
“ศัตรูที่รัก” เพลงประกอบหนังเรื่องอินทรีแดงที่บุรินทร์เคยร้องถ่ายทอดไว้ในเวอร์ชั่นต้นฉบับซึ่งเขาทำมาตรฐานไว้สูง(มาก) มีเอกลักษณ์และมีแข็งแรงในตัวเพลงมาก หากใครที่มาร้องขับใหม่นี่ถ้าไม่เจ๋งจริงจะกระเจิงได้ง่ายๆ
แต่เพลงนี้บอย-ก้อเลือกให้ พี่“นภ พรชำนิ” มาขับร้องในทางโซลเข้มๆ ถือว่าเอาอยู่ เป็นศัตรูที่รักที่มีเสน่ห์แตกต่างไปอีกแบบ ในต้นฉบับเสียงของบุรินทร์นั้นออกแนวจิ๊กโก๋ติดเจ้าชู้นิดๆ ส่วนเวอร์ชั่นนี้ของพี่นภมาในแนวเซ็กซี่ละมุนในแบบผู้ชายอบอุ่นชนิดที่ศัตรูได้ยินถึงกับใจอ่อนเอาได้ง่ายๆ
จากนั้นเปลี่ยนมาเหงา เศร้ากับเพลง “หากวันนั้น” ที่ขับร้องถ่ายทอดโดยก้อ ภาคดนตรีนั้นเพราะซึ้ง มีเสียเปียโนเพราะเล่นเป็นพระเอก แต่ว่าเสียงร้องของพี่ก้อนี่มันบางไปหน่อย ทำให้เพลงฟังขาดพลังไปพอตัว
“เปิดใจ” อีกหนึ่งเพลงเพราะๆที่ได้ทีมกรู๊ฟไรเดอร์มาร่วมงานด้วย ฟังให้ความรู้สึกเหมือนเป็นดังงานที่ตกหล่นของกรู๊ฟไรเดอร์ ส่วน “ยังสนุก” ต้นฉบับ บี-พีระพัฒน์ เคยขับร้องไว้ด้วยอารมณ์สนุก สดใส ให้ความรู้สึกในแง่บวก แต่ในเวอร์ชั่นนี้ ถูกนำมาทำในเวอร์ชั่นหม่นขับรองโดยบอย ไตร ฟังให้ความรู้สึกแปลกไปอีกแบบ แต่ว่าอารมณ์เพลงมันฟังหม่นสวนทางกับเนื้อหาโลกสวยไปหน่อย
“ได้โปรดบอก” มาในแบบ Studio Live เล่นสดในห้องอัด เสียงเบสของพี่ก้อโดด(ดัง)ไปหน่อย ขณะที่เสียงร้องของพี่ก้อยังคงฟังบาง ขาดพลัง ขาดน้ำหนักเหมือนเดิม
แล้วมาต่อกันด้วย “The Wedding Singer” ที่ได้รุ่นใหญ่อย่าง “พี่เต้ง-พิชัย จิราธิวัฒน์” หนุ่มโสดหัวเรือใหญ่แห่งค่ายสไปร์ซี่ดิสก์มาขับร้องถ่ายทอดอารมณ์ โดยตัวเพลงมีท่วงทำนองที่ไพเราะ ฟังติดหู ซาวนด์ติดย้อนยุคนิดๆ ช่วงท้ายมีเสียงเครื่องเป่าแน่นๆที่คอยหยอดเติมสร้างสีสัน
ส่วนเนื้อหานั้นแม้จะฟังน่ารักและเท่ไม่เบาแต่มันก็แฝงไว้ด้วยอารมณ์ชวนรันทดของหนุ่มใหญ่ พี่เต้งแม้จะไม่ใช่นักร้องอาชีพแต่เป็นนักร้องเพลง(ใน)งานแต่งมืออาชีพ ที่ผ่านมาถนัดแต่การร้องเพลงอวยพรงานแต่งให้คนอื่น แต่งานของตัวเองยังไม่มีโอกาสได้เกิดขึ้นสักที นับว่าบอย-ก้อเลือกคนร้องได้เหมาะและทำดนตรีได้เหมาะมาก ถือเป็นอีกเพลงเด็ดของอัลบั้มที่มีเสน่ห์น่าฟังมาก ซึ่งพอผมได้ฟังเพลงนี้แล้วก็อดอุทานในใจไม่ได้ว่า ...เฮ้ย!!! นี่มันตัวกูนี่หว่า...
จากนั้นมาฟังเพลงปิดอัลบั้มกันกับ “คำที่ไม่อยากพูด” บทเพลงที่เป็นดังคำล่ำลาเป็นอีกหนึ่งคีย์เวิร์ดของอัลบั้ม ซึ่งทั้งคู่มาร้องเพลงทิ้งท้ายร่วมกันกับโทนอารมณ์หม่นๆของการลาจาก ที่ช่วงท้าย ทั้งคู่ออกมาพูดล่ำลาแบบซื่อๆ ฟังน่ารักปนเศร้าดีชะมัด
ครับและนั่นก็เป็น 15 บทเพลงจากบอย-ก้อ ที่ฟังโดดเด่นไปด้วยภาคดนตรีที่หลากหลาย แต่ว่าก็ไม่ให้ความรู้สึกว่ามีเพลงใดโดดหรือเพลงใดหลุดออกมาอย่างเกินงาม เพราะสามารถคุมโทนได้อย่างกลมกลืน ผสมอารมณ์ของเพลงเก่ากับเพลงใหม่ได้อย่างกลมกล่อมลงตัว อีกทั้งยังทำดนตรีออกมาละเอียด มีลูกเล่น มากสีสัน โดยเฉพาะในซาวนด์ย้อนยุคที่ถือเป็นทางนัดของก้อนั้น เขายังคงหากินในแนวทางนี้ไปได้อีกนาน
ขณะที่ภาคเนื้อหาเนื้อร้องนั้นบอย ตรัย ก็เขียนออกมาได้อย่างน่าฟัง ภาษาไหลรื่น แม้ไม่มากคำสัมผัสหรือคำเก๋ๆเท่ๆ แต่ก็เป็นการใช้คำง่ายๆภาษาธรรมดาๆได้อย่างมีสีสันน่าฟัง แถมมีมุมมองที่แหลมคม น่าสนใจ
นอกจากนี้การได้นักร้องฝีมือเยี่ยมๆมาเป็นผู้ขับขานถ่ายทอดอารมณ์มันก็ยิ่งช่วยหนุนส่งให้เพลงที่ดนตรีดี เนื้อหาดี มีเสน่ห์น่าฟังยิ่งขึ้นไปอีก
ส่วนที่ถือเป็นข้อด้อยเล็กๆของอัลบั้มชุดนี้ก็คือเสียงร้องของก้อ-ณฐพลในบางเพลง ที่แม้เขาจะขับร้องถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ด้วยน้ำเสียงที่บาง(เพราะไม่ใช่นักร้องอาชีพ)มันก็ทำให้ตัวเพลงลดพลังลงไป แถมยิ่งขับร้องประกบกับพวกนักร้องคุณภาพเสียงดีๆก็ยิ่งทำให้เสียงร้องของก้อฟังดูมีข้อเปรียบเทียบที่ชัดเจน
อย่างไรก็ดีด้วยภาคดนตรีที่แน่น มีสีสัน มีลูกเล่น มันก็ช่วยมาเติมเต็มในน้ำเสียงของก้อ ทำให้กลายเป็นข้อบกพร่องเล็กๆน้อยๆ ที่ไม่ทำให้ภาพรวมของอัลบั้มสะดุดแต่อย่างใด
สำหรับ Between Hello&Good Bye ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานเพลงคุณภาพแห่งปีที่อัดแน่นไปด้วยบทเพลงเพราะๆและมากไปด้วยเสน่ห์สีสัน ซึ่งนั่นนอกจากบอย-ก้อจะมีฝีมือทางดนตรีที่ดีเยี่ยมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยังมีส่วนมาจากการที่ทั้งคู่มีแนวทางการทำเพลงในทิศทางเดียวกัน และที่สำคัญคือรู้ทาง คุ้นเคย และเข้าขากันดี
นับได้ว่าอัลบั้ม Between Hello&Good Bye เป็นการผสมสูตรเคมีทางดนตรีของ 2 หนุ่มบอย-ก้อที่ลงตัวเอามากๆ
ยังไงๆก็ขอเชียร์ให้ทั้งคู่หาโอกาสโคจรมาสร้างสรรค์งานเพลงเพราะๆให้ฟังกันอีกในชุดต่อไป และต่อไป
***********************************************************
ฟังเพลง Hello
ฟังเพลง แค่พูดว่า
ฟังเพลง The Wedding Singer
*****************************************
แกะกล่อง
ศิลปิน : Michael Bublé
อัลบั้ม : To Be Loved (Asian Tour Edition)
นอกจากจะมาเปิดคอนเสิร์ตสร้างความประทับใจไปเมื่อปลายเดือน ม.ค. ที่ผ่านมาแล้ว“ไมเคิล บูเบลย์” นักร้องหนุ่มสุดหล่อ ซุปเปอร์สตาร์ดาวดังทั้งป็อบและแจ๊ซ ยังส่งอัลบั้มพิเศษ “To Be Loved” เวอร์ชั่น “Asian Tour Edition” ที่จะทำให้แฟนเพลงเต็มอิ่มไปกับบทเพลงมากถึง 22 แทรค(17 บทเพลงกับ 5 โบนัสแทรค) โดยมี 5 บทเพลงใหม่ กับบทเพลงอันหลากหลาย ทั้ง ป็อบ,แจ๊ซ,บัลลาด,สแตนดาร์ต,บิ๊กแบนด์ ที่ไมเคิลขับร้องถ่ายทอดออกมาได้อย่างไพเราะน่าฟัง งานนี้แฟนเพลง “ไมเคิล บูเบลย์” ห้ามพลาด โดยสามารถหาซื้อได้ตามร้านซีดีชั้นนำทั่วไป