เรียกว่าตั้งแต่มีสถานะ “ม่าย” พ่วงท้าย ดูเหมือนดีกรีความ “ร้อน” และ “แรง” ของอดีตมาดามแห่งเมืองปากน้ำ “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” จะพุ่งเอา พุ่งเอา จนแทบจะทะลุปรอทอยู่แล้ว
โดยเฉพาะแฟชั่นเซตในนิตยสาร Image ฉบับล่าสุด ที่มาแบบคืนกำไรสู่สังคม ทั้งจัดหนัก จัดใหญ่ ชนิดไร้อาภรณ์ปกปิด อวดเรือนร่างฟิตแอนด์เฟิร์ม (ที่ผ่านมารีทัชมาเป็นอย่างดีแล้ว) ซ้ำลีลาการโพสแต่ละท่า ก็ชวนให้นึกสงสารบรรดานางแบบโป๊เปลือย ที่เกรงว่าจะตกงานกันซะหมด แถมไม่ได้มาเดี่ยว แต่ยังเกี่ยว 2 หนุ่มตาน้ำข้าวมาโพสท่านัวเนียแบบ 3 Some หวานฉ่ำไปทั้งเซต
งานนี้ถ้าในมุมมองของพลพรรคคนรักเจนี่ ก็มองว่าเป็นศิลปะขั้นสุดยอด เพราะยอมรับว่าภาพสวยจริงๆ แม้จะมีบางท่าที่หมิ่นเหม่ ชวนให้คิดว่าเหมือนคนเพิ่งจะประกอบกิจกรรมอะไรบางอย่างเสร็จแล้วก็มาโพสต์ท่าถ่ายรูปเก็บไว้ดูเล่น แต่สำหรับกลุ่มชนที่ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับเจนี่ ดูเหมือนจะรับไม่ได้เอาเสียเลย โดยเฉพาะรูปที่มีพระอาทิตย์อยู่กลางหว่างขา ที่มีคนมาแสดงความคิดเห็นเชิงวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่นในโลกออนไลน์ ที่หนักที่สุดก็คือในแฟนเพจ “มั่นใจคนไทยเกิน 1 ล้านคนเกลียดเจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” ที่ตั้งข้อสังเกตถึงความเหมาะและควรของการโพสต์ท่าดังกล่าว เพราะ “ดวงอาทิตย์” นั้น เปรียบเป็นของสูง ไม่สมควรที่จะมาอยู่ใต้หว่างขาของผู้หญิง ไม่นับที่วิจารณ์กันแบบสนุกปากทำนองว่า รูปดังกล่าวแฝงนัยว่าอะไรต่อมิอะไรของเจนี่นั้น ทั้งมีออร่า และร้อนแรงดั่งพลังแสงอาทิตย์ อันเป็นเหตุให้ผู้ชายส่วนใหญ่ใหลหลง ก่อนจะให้คำนิยามรูปนี้ว่า “เสื่อม” แต่ถ้าพูดแบบเป็นกลาง เรื่องนี้จะโทษเจนี่แต่เพียงคนเดียวก็ไม่ได้ ต้องโทษเลยไปถึงสไตลิสต์ ที่เป็นคนกำหนดท่าทางการโพส เลยไปถึงผู้บริหารนิตยสาร ที่ปล่อยให้มีการตีพิมพ์ภาพดังกล่าว
สำหรับในมุมของเจนี่ การที่ลุกขึ้นมาถ่ายภาพเซตแบบเปลือย 360 องศา ผิดวิสัยของนางเอกระดับเบอร์ต้นๆ ที่ต่อให้ถ่ายแฟชั่นเซ็กซี่ยังไง ก็ไม่เคยสุดโต่งขนาดนี้ เรียกว่าดีกรีความร้อนแรงในการถ่ายแฟชั่นของเธอ ดูเหมือนจะทวีขึ้นตามอายุงาน และชั่วโมงบินที่สูงขึ้นในแต่ละปี อาจจะเป็นได้ว่าเธอมองแบบไม่มีอะไรจะเสีย เพราะปกติเวลาโพสต์ภาพลงไอจีส่วนตัว ก็เน้นรูปที่โชว์สรีระให้ดูกันฟรีๆ อยู่แล้ว ไฉนเลยกับการถ่ายแฟชั่นที่ได้ทั้งงาน ได้ทั้งเงิน และสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ก็คือได้กระแส อย่างน้อยที่สุดตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ภาพแฟชั่นเซตนี้ ก็ถูกแชร์กันสนั่นหวั่นไหว ใครจะวิพากษ์วิจารณ์ยังไง ถ้า I don’t care ซะอย่าง จ้างให้ก็ไม่สะทกสะท้านสะเทือนใจ
และปกติ เจนี่เองก็ทำตัวอยู่เหนือคำติฉินนินทาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องความรัก ถ้าเพียงแต่เจนี่แคร์คำคนมากกว่านี้สักหน่อย พฤติกรรมการใช้ชีวิตก็อาจจะต่างจากที่กระทำอยู่ โดยเฉพาะการกระโจนลงไปพัวพันกับชายหนุ่ม โดยไม่สนวิธีการ และความถูกต้องตามทำนองคลองธรรม
ครั้งแรก ครั้งที่สอง อาจจะมองได้ว่าเป็นเรื่องของความบังเอิญ ความไม่ตั้งใจ แต่เมื่อเกิดขึ้นซ้ำๆ กันบ่อยครั้งเข้า มันจึงมองเป็นอย่างอื่นมิได้เลย นอกเสียจากว่าทุกอย่างเกิดจากเจตนา ความอยากได้ อยากมี อยากเอาชนะ ความรักของเจนี่จะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จึงเริ่มต้นด้วยการถูกปรามาส และลงท้ายด้วยการสมน้ำหน้าเสมอๆ แม้กระทั่งเมื่อคราว “รักในรอยช้ำ” การที่ผู้หญิงสักคนถูกสามีซ้อมจนน่วมไปทั้งตัวขนาดนี้ ส่วนใหญ่คะแนนความสงสารมักจะไหลบ่ามาแบบท่วมท้น เพราะถือเป็นการทารุณเพศหญิง แต่สำหรับกรณีเจนี่ มันดูคาบลูกคาบดอกระหว่างเห็นใจกับสะใจ ผิดกับความรักของนางเอกคนอื่นๆ ที่ทุกคนมักจะร่วมยินดี อย่าง “ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต” ฉากที่เธอถูกแฟนหนุ่ม “โน้ต-วิเศษ” คุกเข่าขอแต่งงาน ทำเอาแฟนๆ ตื้นตันใจตาม หรืออย่าง “อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ” เมื่อคราวมีข่าวระหองระแหงกับ “แอมป์-พิธาน” มีแต่คนบ่นเสียดาย และลุ้นเอาใจช่วยให้ทั้งคู่กลับมาคืนดีกัน แต่เหตุการณ์แบบนี้ อารมณ์แบบนี้ ดูเหมือนจะไม่เคยเกิดกับเจนี่ เพราะการที่เธอมักจะเริ่มต้นความรักมาแบบผิดๆ คิดถึงแต่เรื่องความถูกใจ โดยไม่สนใจความถูกต้อง
แม้กระทั่งความรักหนล่าสุดกับทายาทเนสกาแฟ “กึ้ง-เฉลิมชัย มหากิจศิริ” ก็มาพร้อมกับข่าวคราวการเลิกราของฝ่ายชาย กับแฟนสาว “วีเจ จ๋า-ณัฐฐาวีรนุช” (เปลี่ยนกลับมาใช้ชื่อเดิมเรียบร้อยแล้ว) งานนี้ก็เลยถูกโยงไปถึงผลงานเก่าๆ ที่คนแทบจะลืมไปแล้ว ว่าครั้งหนึ่งเจนี่และจ๋าเคยร่วมงานกันในมิวสิกวิดีโอของ ปาน-ธนพร แวกประยูร” ในเพลง “เสียทองเท่าหัว” และ “ผู้ชายหนึ่งคนจะอดทนได้นานเท่าไหร่” ไม่น่าเชื่อว่าจากเรื่องราวดรามาเข้มข้นในครั้งนั้น (ก็แค่ 10 ปีที่ผ่านมา) จะกลายมาเป็นเรื่องจริงในวันนี้ อารมณ์เดียวกับเมื่อตอนที่มีข่าวแต่งแบบสายฟ้าแล่บกับ “ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม” คนก็นำมาโยงว่าชีวิตจริงของเธอ ช่างเหมือนกับคาแร็กเตอร์
ตัวละครคู่แฝด “มุนินทร์-มุตตา” ใน “แรงเงา” ที่มีเหตุให้ต้องเข้าไปพัวพันกับ “ผอ.” ซึ่งเมียหลวงในเรื่องบอกว่า...ผอ. ย่อมาจาก “ผัวของคนอื่น” แต่ในชีวิตจริง ก็ถูกนำมาล้อเลียนว่า...ผอ. ย่อมาจาก “ผัวชื่อเอ๋”
ขณะที่การให้สัมภาษณ์ของเจนี่หนล่าสุดเมื่อพูดถึงกึ้ง เธอจะปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ทั้งเรื่องการเป็นมือที่สาม การย้ายไปอยู่ร่วมคอนโดเดียวกัน พร้อมระบุสถานะความสัมพันธ์ว่าเป็นแค่เพื่อน แต่ดูเหมือนพฤติกรรมจะค้านกับคำให้สัมภาษณ์โดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะการออกตัวร่วมขบวนทัวร์บุญกันที่เชียงใหม่ พร้อมกับผองเพื่อนของฝ่ายชาย โดยมี “ภูผา เตชะณรงค์” กับนางเอกร่วมช่องอย่าง “มิ้นต์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง” รวมถึง “ท็อป-ณัฐเศรษฐ์ พูนทรัพย์มณี” หนึ่งในผู้ชายในสต๊อก ร่วมทริปด้วย
งานนี้จึงดูเหมือนจะเป็นการ Soft Opening กลายๆ หลังจากที่ทยอยปล่อยภาพปริศนาท้าสมองประลองปัญญาออกมาทีละสเต็ป เจตนาแบบนี้ต่อให้เด็กไม่ประสาต่อโลกก็มองออกว่า ตั้งใจให้ภาพผูกมัด และประกาศตัวว่าเป็นผู้หญิง (คนล่าสุด) ของกึ้งโดยแท้ ส่วนที่มีคนอื่นๆ ร่วมทริปด้วย ก็อาจจะชวนมาเป็น “ไม้กันหมา” ไม่ให้ภาพออกมาชัดเจนจนเกินไป เพราะยังต้องแทงกั๊กไว้ก่อน เพื่อความไม่ประมาท ด้วยแว่วมาว่าความรักครั้งนี้ ส่อเค้าว่าครอบครัวฝ่ายชายจะไม่ค่อยปลื้มปริ่มเท่าที่ควร แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อมีข่าวว่าฝ่ายกึ้งย่องไปให้ “แมน-การิน” ดูดวง และเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์เพื่อเสริมดวง คนก็ไม่วายพุ่งประเด็นไปว่าเปลี่ยนเพื่อเสริมดวงเรื่องความรัก หวังจะพิชิตใจม่ายสาวพราวเสน่ห์ให้อยู่หมัด ถ้าจะเพื่อการนี้จริงๆ ก็ไม่เห็นว่าจะต้องมานั่งเปลี่ยนเบอร์อะไรให้ยุ่งยากมากความ แค่หมั่นอัปสเตตเมนต์บ่อยๆ ก็พอแล้วมั้ง ?
คนที่ตกที่นั่งลำบากใจกับกรณีนี้ ดูเหมือนจะไม่พ้นเพื่อนร่วม “แก๊งนางฟ้า” ที่มักจะถูกนักข่าวจ่อไมค์สัมภาษณ์เรื่องเจนี่อยู่เนืองๆ จะพูดความจริงก็กลัวเสียเพื่อน พอพูดปด ก็เสียห..า เรียกว่าโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง จนบรรดาเพื่อนในแก๊งถึงกับต้องประกาศตัวว่าของดให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องของเจนี่โดยเด็ดขาด เพราะรู้ดีว่าไม่ว่าจะตอบยังไง ก็ขว้างงูไม่พ้นคออยู่ดี
เข้าทำนองเนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอ !!
ที่มา นิตยสารASTV สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 277 21-27 กุมภาพันธ์ 2558