"กวี ชัยศิลา" ชื่อนี้ นามสกุลนี้ สำหรับคนส่วนใหญ่ทั่วไปอาจจะไม่รู้จัก แต่สำหรับคนในแวดวงหนังแผ่นแนวอีโรติกเชื่อว่าคงจะต้องคุ้นเคยเป็นอย่างดี
เพราะเขาคนนี้คือ "พี่วี" ของน้องๆ เจ้าพ่อหนังเรตอาร์ที่ผ่านงานการแสดงหนังแนวนี้มาแล้วนับพันๆ เรื่องนั่นเอง
ถือโอกาสที่เจ้าตัวพร้อมนักแสดงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแม่หนังเรตอาร์ "ลฎาภา รัชตะอมรโชติ" ที่คนทั่วไปรู้จักกันดีในชื่อของ "เชอรี่ สามโคก" มาร่วมรายการ "ซูเปอร์ทอล์ค" ทางช่อง "Super บันเทิง" เรียบเรียงบทสัมภาษณ์ของทั้งสองมานำเสนอ
อาจจะไม่ใช่เรื่องที่จรรโลงโลก แต่รับรู้ไว้ก็ใช่ว่าจะเสียหายอะไร
เส้นทางสู่ถนนหนังอาร์
กวี : "จริงๆ แล้วมันต่อเนื่องจากงานที่เราเคยทำพวกรายการ แล้วเราก็รู้จักกับทางผู้ใหญ่ รู้จักเพื่อน พี่ น้อง แล้ววันนั้นมีคนมาบอกว่าอยากได้คนไปแสดงหนังหน่อย ตอนแรกเราก็ดีใจมาก คนขาดให้ไปแสดงหนัง เราก็ไม่รู้ว่าคืออะไร ครั้งแรกที่ไปก็เป็นโฮมออฟฟิศเล็กๆ ก็ได้ไปนั่งคุย แล้วดูโปร์ไฟล์งาน"
"คือแบบเราชอบกับสิ่งตรงนี้อยู่แล้ว ซึ่งวันหนึ่งมันเปลี่ยนชีวิตเรา จนทำให้เรามีเพื่อนมากขึ้น มีน้องมีพี่มันก็ทำให้เรามีงานต่อไป และจะบอกว่าจริงๆ แล้วความชอบมันมีอยู่แล้วสำหรับผู้ชาย และเราก็รู้สึกดีกับมัน คือชอบตั้งแต่วันแรกแล้ว และถ่ายหนังกับมัน 4 ปีติดไม่เคยหยุดเลยสักวัน ก็เลยรู้สึกว่ามันทำให้เรามีอะไรมากขึ้นในชีวิต"
เชอรี่ : "คือตัวเชอรี่เองเคยทำงานในวงการมาก่อนค่ะ เล่นโฆษณา เล่นอะไรอย่างอื่นมาก่อน แล้วก็เล่นภาพยนตร์เรื่องน้ำตาลแดง 2 แล้วพอเล่นหนังเรื่องนั้น ทางบริษัทของหนังแผ่นก็ติดต่อมาให้เราไปเล่น ซึ่งจริงๆ เขาติดต่อมานานมากแล้ว คือตอนนั้นก็ยังคิดๆ อยู่ แต่ว่าค่าตัวยังไม่ได้ แล้วพอเรามาเล่นน้ำตาลแดงสองแล้วเขาติดต่อมาใหม่ทุกอย่างมันโอเคลงตัวก็เลยเล่นค่ะ"
ทำงานตรงนี้มานานกันขนาดไหนแล้ว?
กวี : "คือตอนแรกที่ทำก็อย่างที่เล่าให้ฟังคือเข้าไปคุยกับออฟฟิศ แล้วก็ถ่าย 4 ปีติดเลย ซึ่งเดือนนึงก็ประมาณ 5 เรื่อง 3 เรื่อง อะไรแบบนี้ มันก็เลยเป็นงานล้น แล้วออเดอร์ลูกค้าที่รับๆ มามันก็เลยกลายว่ามีแต่หนังเรา ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเขาไม่ได้ขายผู้ชายมากเท่าไหร่ เราเหมือนซับที่เป็นตัวรองรับนางเอก"
เชอรี่ : "ถ่ายไปร้อยกว่าเรื่องแล้วค่ะ แต่ตอนนี้เชอรี่หยุดเล่นแล้วค่ะ ก็หยุดเล่นมาได้เป็นปีแล้วค่ะ"
กวี : "ยังเล่นอยู่ครับ แต่จะเลือกรับมากกว่า"
พอจะบอกเรื่องเรตค่าตัวได้มั้ย?
กวี : "ผมมองว่าทุกอย่างเหมือนสายบันเทิงทั่วไป ที่รับเป็นคิว รับเป็นวัน รับเป็นเรื่อง แล้วแต่การเจรจาของแต่ละบุคคลนะครับ"
เชอรี่ : "แต่ละคนค่าตัวมันไม่เหมือนกันค่ะ อย่างถ้าเป็นของเชอรี่ เวลาเล่นหนังเรื่องไหน ต้องจ่ายสด จ่ายเป็นวัน คือถ้าเล่นวันไหนต้องจ่ายวันนั้นเลย เชอรี่จะไม่รอข้ามวัน อย่างเชอรี่ทำงานในวงการบันเทิงมาแล้วหลายด้าน อยากทราบว่าอย่างนี้เรตค่าตัวมันสูงกว่าไหม คือมันสูงกว่าแน่นอน เพราะมันได้เงินต่อวันอะไรแบบนี้ แต่เรื่องหนึ่งเขาถ่ายกันไม่กี่วันเอง 3 วัน 5 วันบ้าง"
แตกต่างกันมั้ยระหว่างการรับงานหนังทั่วไปกับหนังอาร์?
เชอรี่ : "แน่นอนมันก็ค่อนข้างแตกต่าง เพราะว่าหนึ่งทุนของการทำหนังแผ่นมันก็ไม่ได้สูง ฉะนั้นอะไรหลายๆ อย่างพวการทำงานมันก็ค่อนข้างบีบ อย่างเช่น เสื้อผ้า หน้าผม อะไรบางทีเราก็จะต้องจัดเตรียมเอง งบอะไรบีบได้เขาก็บีบ ค่อนข้างแตกต่างกัน แล้วก็ความละเอียดของงานก็ต่างกัน"
"เพราะว่าตรงนี้เขาขายในเรื่องของฉากเซ็กซี่ ฉะนั้นเขาเลยไปเน้นตรงฉากเซ็กซี่ ส่วนตรงอื่นๆ เขาไม่ได้ไปเน้นกัน แต่ด้วยเชอรรี่เป็นคนที่ซีเรียส คือต้องทำทุกอย่างให้ออกมาดี บางทีก็ไม่ได้ออกมาอย่างที่เราคิด นอกจากฉากเซ็กซี่ อย่างฉากธรรมดาเชอรรี่ก็เล่นให้แบบเต็มที่ อย่างเสื้อผ้าก็เอาไปเอง เพราะเราอ่านบทก็คิดว่าเสื้อผ้าต้องเป็นแบบนี้ แต่พอไปถึงมันไม่ใช่ ด้วยงบที่น้อยเลยจัดได้แค่นั้น เราก็เลยทนไม่ได้"
เล่นๆ ไปรู้สึกอินกันบ้างมั้ย?
เชอรี่ : มีน้องบางคน ที่เขามาใหม่เล่นเลิฟซีนใหม่ๆ แล้วเขาก็ไม่รู้อิทธิฤทธิ์ของเรา คือเราไม่ชอบที่จะเอาอารมณ์ส่วนตัวมาเล่นในงาน แล้วมันควบคุมไม่ได้ คืออย่างวีมันควบคุมได้ แล้วน้องคนนั้นมันควบคุมไม่ได้ แล้วเล่นอยู่เหมือนของน้องมันจะขึ้นมา เชอรี่ก็จะตบลงเลย (หัวเราะ) บอกถ้าไม่ลงนะเดี๋ยวจะไปเอารองเท้ามาตบให้มันลง ส่วนวีเป็นคนที่ควบคุมได้ เหมือนเขาถอดจิตได้ค่ะ ประมาณว่าเขาแสดงอยู่เขาใช้ร่างกายใช้ไหม แต่เขาแยกจิตของเขาได้"
กวี : "กับน้องทุกคนที่เลิฟซีนด้วยกันไม่รู้สึก อย่างที่บอกครับว่าเราแยกการทำงาน คือถ้ากระบวนการของมันลื่นไหล มันจะไม่มีอะไรติดขัด เวลาก็กระชับเพิ่มขึ้น ถ้ามันเกิดอาการขึ้นมา มันก็ต้องใช้เวลาที่ให้มันลงไปก่อน มันดึงเวลาคนอื่นด้วย อย่างตัวผมเลิฟซีน 10 นาที ต่อหนึ่งฉาก แต่เด็กบ้างคนเลิฟซีนชั่วโมงกว่าเกือบสองชั่วโมงเพราะว่าเขาตื่นเต้น เขาควบคุมไม่ได้ เขาก็ต้องเริ่มใหม่ทำใหม่"
เวลาแสดงใช้วิธีเซฟกันแบบไหนบ้าง?
กวี : "เหมือนกับว่าน้องๆ ผู้ชายบางคนเขาอายอวัยวะเพศของเขา ซึ่งเขาไม่อยากให้ฝั่งตรงข้ามเห็น ก็เลยใช้ถุงเท้าพันเอาไว้ (กวีใช้ไหม) ไม่ใช้ครับ (หัวเราะ)"
เชอรี่ : คือเขาไม่อยากให้เห็นหนึ่ง สองเพื่อไม่ให้สัมผัสกับตัวเรา (ผู้หญิงเซฟไหม) เซฟสิค่ะ คือมันจะเป็นสามเหลี่ยมใช่ไหม เราอาจจะเอาผ้า หรือทิชชู มาทำเป็นสามเหลี่ยมรอไว้ก่อน แล้วก็เอาสก๊อตเทปที่ติดรายงานมาแปะไว้ให้เหมือนทำเป็นการเกงในด้านเดียว แล้วพอติดหนาๆ อย่างเวลาเชอรี่ขึ้นค่อมวีก็จะไม่โดนผิวสัมผัสกัน
ปกติก่อนเข้าฉากต้องมีการสร้างอารมณ์กันก่อนหรือเปล่า?
กวี : "ไม่ครับ คือเราทำเป็นระบบ เพราะมันมีไดอะล็อกของมันอยู่แล้ว เราก็อ่านตามบท เล่นตามบทตามเวลาที่เขาวางไว้ มันก็จะง่ายมากสำหรับเราสองคน ไม่ต้องบิ้วครับ"
เชอรี่ : "แล้วอย่างในฉากการเล่นหนัง หรือฉากเลิฟซีนอะไรแบบนี้นะค่ะ ส่วนตัวเชอรี่นะคนอื่นเราไม่รู้ คือมันไม่ใช่ชีวิตจริงที่แบบว่าเห้ยเราจะต้องโฟกัสกันและกัน แล้วมานัวๆ เพื่อให้เกิดอารมณ์อย่างนั้น ต้องมาบิวท์กันและกัน มันมีกล้องแล้วเราจะรู้ว่ามุมหน้าไหนเราจะสวย จะเซ็กซี่ เราก็หันมุมนั้น เราก็รู้ว่ามันต้องทำอย่างไร ภาพที่ออกมาถึงจะเซฟมาก"
เห็นว่า "เชอรี่" นี่ผู้กำกับไม่กล้าสั่งอะไรเลย?
เชอรี่ : "ส่วนใหญ่ผู้กำกับไม่กล้าสั่งเชอรี่ ซึ่งเราไม่รู้ว่าการทำงานของคนอื่นเป็นอย่างไร เขาคงจะเกรงใจเรา หรือว่าดูหนูอิทธิฤทธิ์เยอะก็ไม่รู้ เพราะเขารู้ว่าเราเป็นคนทำทุกอย่างอยากให้ออกมาดี บางอย่างที่เขาบอกว่าตรงนี้ดีไหม เราก็บอกเขาไปว่าอันนี้มันไม่โชว์บอดี้หนูเลยนะ หนูนอนราบเลยนะ เขาก็จะตามเรา เขาจะให้สิทธิเรา เขาก็เลยไม่ค่อยมาสั่งอะไรมาก แต่ถ้าเป็นน้องคนอื่นอาจจะมีบ้าง"
เคยแพลนอนาคตกี่ยวกับเส้นทางสายนี้ไว้บ้างมั้ย?
กวี : "ผมแพลนอนาคตไว้ คือผมมีอู่รถยนต์ ที่บ้านซื้อขายอะไหล่รถ คือผมชอบวิธีการค้าขายมากกว่า ก็คือแพลนอานคตเอาไว้"
เชอรี่ : "คือเชอรี่มีความฝันในการที่จะเป็นนักแสดง เพราะฉะนั้นถ้าเชอรี่มีโอกาสหรือมีใครให้ทำงานเกี่ยวกับการแสดงแล้วเชอรี่ทำได้ก็จะทำไปจนตายค่ะ แต่ว่านอกเหนือจากนั้น อย่างที่บอกเชอรี่ก็มีงานแปลที่มันเป็นงานประจำ เดี๋ยวก็จะออกหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊ค เอาง่ายๆ ว่าอะไรก็ตามที่เข้ามาแล้วเรารู้สึกสนุก แล้วเราพอจะทำได้เชอรี่ทำหมด และอีกสักพักจะไปขายบ้านด้วย ล่าสุดเชอรี่ก็ทำ ฟิกเกอร์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เป็นโมเดลสาวเซ็กซี่ด้วย"
อยากบอกอะไรถึงคนส่วนใหญ่ที่มองแวดวงหนังรูปแบบนี้ด้วยสายตาที่ไม่ค่อยจะดีนักบ้างมั้ย?
เชอรี่ : "ถ้าจะฝากอะไร คือเราคงจะไปตัดสินความคิดใครไม่ได้ มันก็คงแล้วแต่ความคิดของแต่ละคน เพราะทุกวันนี้สังคมเราแต่ละคนก็มีความคิด ความเห็น แล้วกล้าแสดงความเห็นตามสื่อโซเชียลอะไรต่างๆ อยู่แล้ว ที่อยากบอกก็คือพวกเราก็ทำงานกันจริง อย่าตัดสินเราแค่เพราะรูปแบบงานที่ออกมา ดูเนื้องานแล้วจะรู้สึกเซ็กซี่ แซบกันเต็มที่เลย แต่อันนั้นไม่ใช่ตัวตนของเราทั้งหมด มันเป็นแค่การทำงาน คนที่ทำงานแบบนี้ก็มีมุมมองอื่นๆ ที่นำเสนอแล้วด้วย ถ้าจะตัดสินคนอย่างพวกเราช่วยดูให้ครบทุกมุมแล้วค่อยมาตัดสินกันว่าเป็นอย่างไรดีกว่าค่ะ..."