“ยุ้ย รจนา” สุดจะทน! หนีออกจากบ้านแฟนคลับ หลังอีกฝ่ายมีพฤติกรรมไล่ทางอ้อม ลั่นไม่กล้าไล่ตนออกเพราะหวั่นเสียหน้า ปล่อยโฮสงสารแม่ ต้องอยู่อย่างไร้ศักดิ์ศรี ไม่มีงาน ไม่มีเงิน ตัดสินใจออกมาอาศัยวัด
อดีตนางแบบดัง “ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา” ชีวิตเจอมรสุมอีกครั้ง คราวนี้เจ้าตัวเปิดใจทั้งน้ำตากลางรายการคนดังนั่งเคลียร์ ช่อง 2 ยอมรับหนีออกจากบ้านแฟนคลับที่ก่อนหน้านี้ใจดี ให้อาศัยบ้านเป็นที่ซุกหัวนอน แต่ที่สุดเหมือนโดนไล่ออกทางอ้อม ต้องระเห็จออกไปอยู่วัด เพราะไร้เงิน ไร้งาน ลั่นอยากอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี ขอโอกาส ของานในวงการบันเทิงอีกครั้ง
“ตอนนี้ก็พยายามดูแลสุขภาพตัวเอง แล้วก็คุณแม่ด้วยค่ะ ก็ดีค่ะ ก็ยอมรับว่าหนีออกจากบ้านแฟนคลับจริงค่ะ คือ ถ้าเราออกมาแล้วเราสบายใจ ชีวิตดีขึ้น เราเปลี่ยนไป และคนที่เรารักมากที่สุดยุ้ยก็ดีใจที่เราได้ออกมา (เสียงสั่น) เราไม่ได้โดนเก็บตัวหรือโดนขัง คือ เราก็ออกไปไหนได้ แต่ส่วนตัวยุ้ยถ้าไม่คิดอะไร ถ้าคิดว่าไม่มีที่อยู่ก็อยู่ได้ แต่อยู่ไปวันๆ หนึ่งโดยที่ไม่มีอะไรดีขึ้นมา”
“เขาก็ให้เราอยู่ แต่ก็ไม่ได้มาดูแลอะไรมาก เพราะเราก็โตแล้ว แต่เรื่องส่วนตัวอื่นเราก็ต้องคิดเองทำเอง แต่บางทีการที่เราคิดเองมันก็ไม่เหมือนกับมีกระจกให้เรา ซึ่งกระจกนั้นก็คือคุณแม่ เพราะคุณแม่ยุ้ยเขาก็ไม่สบายและไม่สบายใจเมื่อเห็นยุ้ยอยู่ในสภาพนี้ แม่ก็ถามว่าแม่จะไปนะ แล้วยุ้ยจะอยู่ได้หรือเปล่า ยุ้ยก็เลยบอกว่าโอเคถ้าแม่ไม่อยู่ ยุ้ยก็ไม่อยู่เหมือนกัน คือบางทีมันก็ไม่ได้อยู่ที่สถานที่เท่าไหร่ แต่ถ้าเราอยู่แล้วไม่มีความสุข ร้องไห้น้ำตาตกในร้องไห้ทุกวัน เศร้าไม่มีความสุข ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม มันเหมือนไม่มีชีวิต ไม่ธรรมชาติ ยุ้ยก็เลยคิดว่าไปหาที่มีความสุขมากกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างยุ้ยก็เชื่อคุณแม่ค่ะ เพราะว่าคุณแม่คือเขาบวชมา 5 ปี เขาก็เห็นโลกมากกว่าเรา คือเราเห็นทางโลกมานาน แต่เรายังไม่ได้เห็นทางธรรมโดยแท้จริง ธรรมสำหรับยุ้ยก็คือธรรมชาติ คุณแม่ก็เลยบอกว่าเราไปเริ่มต้นที่วัดแล้วกัน ไปอยู่ที่วัดที่สุพรรณบุรี เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมค่ะ”
“ตอนนี้ยุ้ยกับแม่ก็อยู่ที่วัด เดี๋ยวก็จะกลับวัดแล้วค่ะ เพราะตอนนี้อยู่กับเพื่อนแม่ เพราะต้องเดินทางมาหาคุณหมอทุกนัด และถ้ามีงานยุ้ยก็ขึ้นมา ตอนอยู่วัดก็ปฏิบัติธรรม ช่วยเขาทำโน่นทำนี่ รดน้ำต้นไม้ เช็ดถ้วยเช็ดชาม ทำที่คนอื่นเขาทำได้เราก็ต้องทำได้ มันก็เพลินไป ทำให้ชีวิตเรามีคุณค่ามากขึ้น ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นค่ะ ทำให้เรามีสมาธิ มีสติ อีกอย่างหนึ่งเราไม่ใช่เด็กแล้ว เรามีประสบการณ์เยอะแล้ว ยุ้ยออกจากบ้านมาก็ 2 อาทิตย์กว่าแล้ว ยุ้ยก็ไปอยู่วัดกับคุณแม่”
เผยหันพึ่งวัด อยากหาคุณค่าให้ตัวเอง ส่วนอีกฝ่ายไล่ทางอ้อมเพราะไม่อยากเสียหน้า
“ทุกคนก็รักชีวิต เขามีครอบครัวเขาก็รักชีวิต แต่ยุ้ยก็ต้องหาจุดยืนของตัวเอง หาสิ่งที่มีคุณค่ากับชีวิตตัวเองเหมือนกัน อยู่ที่นั่นก็ไม่ค่อยมีงาน เขาก็ไม่ได้เอ่ยปากว่าให้ยุ้ยไปอยู่ข้างนอก แต่พอออกจากโรงพยาบาลเขารับมาอยู่ด้วย อยู่ได้ก็อยู่ไป อยู่ไม่ได้ก็อยู่ไป เขาก็ไม่ได้บังคับจะอยู่หรือจะไป แต่ยุ้ยก็ยังงงๆ อยู่ที่ชาร์ตแบตเตอร์รี่ของยุ้ย ยุ้ยจำได้ว่ามันอยู่ข้างล่าง อยู่ในตู้ แต่พอยุ้ยกับแม่ไม่อยู่วันหนึ่งมันมาอยู่ในกระเป๋ายุ้ยกับแว่นตา ยุ้ยก็ไม่รู้ว่าใครเอามาใส่”
“ถามว่าเขาไล่เราหรือเปล่าคือเราไม่มีทางเลือกนี่คะ ความรู้สึกเหมือนเขาก็ไม่อยากให้เราอยู่ แต่เขาจะมาบอกว่าไม่ให้เราอยู่ก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่อยากเสียหน้า เพราะสื่อมวลชนก็รู้เยอะ คือมันก็มีหลายจุดที่อยากออกมา ยุ้ยอยู่ที่บ้านมา 2 ครั้งก็เกือบหนึ่งปีแล้ว มันก็ไม่ได้มีอะไรขึ้นมา ถึงตอนนี้เราจะลำบาก แต่เราก็มีชีวิตของเรา มีอิสระ บางทีเขาก็มียิงโทรศัพท์มาเหมือนกัน แต่เราไม่ได้โทร.กลับ บางทีเราโทร.ไปเขาก็ไม่รับสาย”
บอกชีวิตลำบากไม่มีเงิน ต้องขอยืมอีกฝ่าย แต่ถ้ายืมมากกว่า 500 ตนก็ไม่เคยได้
“ก็มีออกรายการอยู่ค่ะ มี 3 - 4 รายการ แต่มันก็ไม่ได้พอกินอะไร เดือนหนึ่งจะมีสัก 1 - 2 ครั้ง บางทีไม่พอกินก็ขอยืมเขา 500 แต่ยืมมากกว่า 500 เขาบอกไม่สะดวก เพราะล่าสุดมีงานแต่ไม่ได้ไปเมื่อวันที่ 26 มกราคม ยุ้ยก็ขอยืมเงินเขา เพราะพอได้งานยุ้ยก็จะคืนให้ เขาบอกจะให้แต่ก็ไม่ให้ ทำให้เราเสียงานด้วย เราโทร.ติดต่อไปเขาก็ไม่รับ เราก็คิดว่างานเขาแคนเซิลไปแล้ว เพราะเราไปเราก็ไม่มีเบอร์คนที่จ้างเรา แล้วเราจะไปหาใคร แม่ก็บอกว่าให้ลองสุ่มๆ ไป แต่เราติดต่อใครไม่ได้จะไปทำไมล่ะ จนวินาทีสุดท้ายใกล้ถึงเวลาทำงานเขาถึงให้คนที่ทำงานโทร.มาหาเรา แต่มันช้าไปแล้ว เราก็อยากไปออกรายการ เพราะเป็นจังหวะที่เราต้องมาหาหมอพอดี สาเหตุที่เราไม่ไปงานนั้นไม่ใช่ว่าเราเบี้ยวหรืออะไร เราก็อยากได้เงิน เงินน้อยเงินมากก็เป็นเงิน เพราะว่าเราลำบากจริงๆ เราก็ต้องมีงานทำ เราจะอยู่เฉยๆ ไม่ได้”
“ตอนนี้ก็มีคุณปืนที่ติดต่อยุ้ยมาว่ามีงานนี้ ทางรายการเขาก็โอเคเคยมีบุญคุณกับเราตั้งแต่ปีที่แล้ว และคุณปืนเขาก็ไม่ได้อะไรกับเรา พอเขาเห็นนักข่าวโพสต์เขาก็ติดต่อเรามา คือยุ้ยไม่ใช่คนเรื่องมากจุกจิกจู้จี้ เราเป็นคนสบายๆ ใครจะทำอะไรก็อิสระ ตอนนี้จิตใจก็ดีขึ้น แต่คนเราถ้าได้ทำอะไรที่เราอยากทำหรือเรามีความสุขกับงานของเราหรือมีความสุขกับชีวิตของเรา ยุ้ยว่าชีวิตมันมีคุณค่านะ ดีกว่าปล่อยจิตให้ตกทุกวันๆ ยุ้ยคิดว่าเราทำบาปกับตัวเอง เมื่อก่อนเรามีความสุขเราก็ยอมรับ แต่มันก็เป็นสิ่งที่เราเลือกได้ที่จะต้องเดิน เราต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดและใช่ที่สุดไม่เดือนร้อนใคร เพราะวัดก็ทำให้คนเป็นคนดีไม่ได้ทำให้คนเป็นคนเลว”
ขอบคุณทุกคนให้โอกาส บอกได้มาตลอดแต่ไม่เคยสร้างให้มีประโยชน์
“ไหนๆ ยุ้ยก็มาในวันนี้แล้ว และพี่ๆ สื่อก็อุตส่าห์มา ยุ้ยก็ขอให้พี่ๆ ช่วยสนับสนุนและให้โอกาส ซึ่งโอกาสนี้ก็ต้องขอบคุณเพราะได้มาตลอด แต่เราไม่เคยสร้างให้มันมีประโยชน์เลย แต่ยุ้ยก็ขอบคุณ และครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายก็ไม่ทราบ ก็แล้วแต่พี่ๆ จะเมตตา เพราะครั้งนี้ยุ้ยสงสารคุณแม่ (ร้องไห้) ไม่อยากเห็นคุณแม่เป็นแบบนี้ อยากให้คุณแม่แข็งแรง แต่คุณแม่เขามีศรัทธาแรงกล้า เขาอยากจะช่วยเรา เมื่อก่อนเคยดื้อนะคะ แต่ตอนนี้ยุ้ยทำอย่างนั้นไม่ได้แล้ว และเราสองคนก็พิสูจน์ตัวเอง เราอาจจะเคยทำกรรมมา”
“ก็เคยน้อยใจชะตาชีวิตตัวเอง แต่เดี๋ยวนี้ก็ดีขึ้นค่ะ น้อยใจตอนที่เราไม่มีความสุข ไม่สบาย มันแย่มากๆ ตอนนี้ถึงจะเป็นยังไงแต่เราก็มีความสุข สิ่งที่แล้วมายุ้ยก็ขอให้มันผ่านไปด้วยดี ขอให้คนที่ได้ฟัง ที่คิดว่าตัวเองใช่ก็คือให้เขาอโหสิกรรมให้เรา ให้เขาเข้าใจเรา ให้เขาเปิดใจกว้างมากขึ้น ให้เขามีเมตตาค่ะ ตอนนี้อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยที่ไม่มีอุปสรรค อยากจะให้มีกัลยาณมิตรที่ดีค่ะ”
เผยเคยโกนหัวสองครั้งแต่ยังไม่เข้าถึงธรรมะ แต่ชีวิตยังต้องพึ่งธรรมะแก้ปัญหา อยากมีเงินเปิดร้านส้มตำเล็กๆ
“ก็มีเกริ่นๆ ไว้ว่าจะมีงานเข้ามาค่ะ แต่หลังจากวันนี้ก็จะขอไปปฏิบัติธรรมต่อ เพราะว่าตอนนี้เราอยู่กับเพื่อนแม่ ทีนี้เราไปอยู่วัดก็อาจจะสะดวกกว่า ไปอยู่วัดปฏิบัติธรรมมันคล้ายๆ ว่าใช่ คือสมหวังกับเราน่ะค่ะ เราก็ต้องพึ่งธรรมะเท่าที่ปัญญาเรามีค่ะ แต่ไม่ใช่ว่าเราจะบวชตลอดชีวิตหรือโกนหัว เพราะยุ้ยเคยเข้าวัดโกนหัว 2 ครั้งแล้ว แต่ยุ้ยก็ยังไม่ถึงธรรมะสักที คือชีวิตมันมีแต่ปัญหา แต่เป็นปัญหาของยุ้ยนะคะ ไม่ใช่สร้างให้คนอื่นมีปัญหา แต่คนอื่นกลับคิดว่าปัญหาของยุ้ยเป็นปัญหาของเขาหรือทำให้เขามีปัญหา อันนั้นมันไม่ใช่ เพราะยุ้ยไม่ใช่คนที่จะมาสร้างปัญหาอะไร เพราะเราไม่ยึดติดอยู่แล้ว”
“ตอนนี้ถ้ามีทุนยุ้ยก็คิดว่าจะเปิดร้านส้มตำ อยากมีเงินและเปิดร้านส้มตำเล็กๆ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เราทานได้ คนอื่นก็ทานได้ นึกถึงเวลาที่เราลำบาก หรือมีตังค์ไม่พอที่จะซื้อกับข้าวเราก็กินส้มตำ กินอะไรที่เป็นพื้นๆ หลักๆ ที่กินแล้วไม่เบื่อ”
รับตัดขาดแฟนคลับไม่กลับไปอยู่ด้วยกันอีก เตรียมนำสร้อยคอไปคืนตัดทุกสิ่งอย่าง
“จริงๆ ยุ้ยออกมาตั้งแต่วันที่ 10 มกราคมแล้ว ก็ไม่ได้คุยกัน ตัวยุ้ยไม่ได้เล่นพวกเฟซบุ๊กหรืออินเตอร์เน็ตอยู่แล้ว แต่ใครจะไปได้ยินข่าวยังไง หรือใครจะไปโพสต์ยังไงยุ้ยก็ไม่ทราบ แต่เราก็อยู่ในโลกส่วนตัวของเราให้มันสงบ ตอนนี้กับเขาก็ไม่ได้มีอะไรค้างคา แต่เขาก็ทวงให้เอาสร้อยไปคืน แต่เขาให้เอง ยุ้ยไม่ได้ขโมยมา ก็โอเคก็คงจะตัดขาดกัน แต่ก็ยังมีสิ่งดีๆ ต่อกัน แต่ในเมื่อเขาไม่ต้องการก็ให้พี่ๆ สื่อเป็นพยานแล้วกัน”
“ยุ้ยไม่ได้โพสต์อะไรเลยค่ะ เขาโพสต์เองทั้งนั้นเลยในเฟซบุ๊ก กระเป๋าเขาก็ให้มาทั้งนั้น เพราะเขาให้ยุ้ยไปโฆษณาครีมให้ เป็นคลิปน่ะค่ะ เขาก็ให้กระเป๋ามาไม่ได้ให้เป็นเงิน และที่ยุ้ยอยู่ทุกวันยุ้ยทำความสะอาดให้เขา ยุ้ยก็ไม่ได้รับเงินเดือนอะไร แต่ก็ทำเพราะว่าเราอยู่กับเขา ถ้าเขาอยากได้ของคืนก็เอาไป เพราะของพวกนี้ไม่ได้สำคัญกับยุ้ย สร้อยก็จะเอาไปคืนเขาวันนี้ค่ะ แต่ไม่มีอะไรติดค้างแล้วค่ะ เขาก็คงอยากจะให้เราไปกราบแทบเท้าเขาประมาณนี้ คนเราบางทีมันระแวงคนอื่น คิดว่าคนอื่นจะมีนิสัยเหมือนตัวเอง เรานิ่งได้แล้วแต่เขาเองยังไม่นิ่ง”
ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |