ตีสองห้าสิบห้านาทีของรุ่งเช้าวันอาทิตย์ที่ยี่สิบแปด ธันวาคมที่ผ่านมา “จ๊อยซ์ พรพรรณ รัตนเมธานนท์” หนึ่งในสองสาวสุดเซ็กซีแห่งวงไทรอัมพ์ส คิงดอม อัปคลิปวิดีโอขนาดสั้นลงไปในอินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมทั้งใส่แฮชแท็ก #DojoB5concert กำกับลงไปด้วย เธอเขียนคำบรรยายว่า “จะตีสามแล้วหน่า...ยังลงรูปกันอยู่เลย...นอนได้แล้วนะติ่ง”
และดูว่าการณ์จะเป็นไปดังที่เธอบรรยายจริงๆ เพราะในคืนนั้นมีคนทยอยอัปรูปและวิดีโอลงในอินสตาแกรมกันอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ในขณะที่คอนเสิร์ตดำเนินไปในค่ำคืนวันเสาร์ ช่วงที่คอนเสิร์ตจบ จนกระทั่งถึงรุ่งสางของวันอาทิตย์
จวบจนกระทั่งถึงวันนี้ก็ยังมีคนทยอยอัปโหลดรูป วิดีโอ และเรื่องราวเกี่ยวกับคอนเสิร์ตนี้ลงในโซเชียลเน็ตเวิร์กกันไม่ขาดสาย บ่งบอกถึงความสาสมใจที่เกิดขึ้นกับบรรดา “ติ่ง” โดโจ ซิตี้ และคณะบีไฟว์ที่เป็นศิลปินหลักของคอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นอย่างดี
DojoB5 Super ติ่ง Home Coming Live Concert เป็นเสมือนคอนเสิร์ตภาคต่อจากคอนเสิร์ต Boydko Family Christmas Together เมื่อปลายปีที่แล้ว หลังจากที่คอนเสิร์ตนี้เป็นเวทีแรกในการต้อนรับการกลับมาอย่างเป็นทางการของวงไทรอัมพ์ส คิงดอม “บอย โกสิยพงศ์” ในฐานะหัวเรือใหญ่ก็จับอารมณ์คนดูได้ว่าแฟนๆ เรียกร้องต้องการให้มีการรวมกลุ่มศิลปินจากค่ายโดโจ ซิตี้ ซึ่งเป็นค่ายลูกของเบเกอร์รี่มิวสิคในยุคนั้น เพราะการเชื้อเชิญศิลปินจากโดโจ ซิตี้บางส่วนขึ้นเวทีคอนเสิร์ตนั้นได้กลายเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของคอนเสิร์ต Boydko Family ไปอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการปรากฏกายบนเวทีของ “จ๊อยซ์ พรพรรณ รัตนเมธานนท์” ที่เรียกเสียงกรี๊ดสนั่นอารีน่าที่มีความจุ 12,000 ที่นั่งชนิดที่แทบไม่มีที่ว่างให้ความเงียบดำรงอยู่ในนั้นเลยทีเดียว
หลังจากนั้น ก็เกิดกระแสโหยหาโดโจ ซิตี้ ขึ้นในโลกอินเทอร์เน็ต มีคนตั้งกระทู้ในเว็บไซต์พันทิป ดอต คอม เพื่อขอเสียงสนับสนุนจากคนที่อยากเห็นการรวมตัวของกลุ่มศิลปินโดโจ ซิตี้ บนเวทีใหญ่ ชนิดที่ไม่ต้องไปเป็นแขกรับเชิญของใครอีกต่อไป
และนั่นก็เป็นที่มาของคอนเสิร์ตในครั้งนี้ของค่ายเลิฟอีส ซึ่งมีธรรมเนียมจัดคอนเสิร์ตใหญ่ของค่ายปีละครั้งในช่วงใกล้กับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ซึ่งครั้งน้ต้องถือว่า บอย โกสิยพงศ์ หาญกล้าพอสมควรที่ไม่ใช่สูตรระดมศิลปินยกค่ายเหมือนที่ผ่านมา แต่เลือกที่จะเชื่อกระแสโหยหาโดโจฯ ที่ได้รับการโหมกระพือมาตั้งแต่ปลายปีก่อน แต่เพื่อไม่ให้คอนเสิร์ตนี้แบกรับความเสี่ยงมากจนเกินไป บอยจึงเลือกที่จะผนวกคณะนักร้องฝีมือดีอย่างกลุ่ม B5 ที่มีนักร้องซึ่งกลายเป็นนักร้องแถวหน้าของเมืองไทยในปัจจุบันไปแล้วอย่าง เบน ชลาทิศ, โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร, คิว วงฟลัวร์, มาเรียม อัลคาลารี่ และ เค้ก อุทัย ปุญญมันต์ เข้ามาเป็นหนึ่งในศิลปินหลักที่ขึ้นเวทีคอนเสิร์ตด้วย แล้วกำหนดธีมของคอนเสิร์ตในครั้งนี้ว่า Home Coming ซึ่งหมายถึงการกลับคืนสู่บ้านหลังเดิมนั่นเอง
ไฮไลต์ของงานคือการที่บรรดาอดีตศิลปินจากค่ายโดโจ ซิตี้กลับขึ้นเวทีคอนเสิร์ตแบบยกค่ายเป็นครั้งแรกในรอบเกือบๆ 12 ปี และนั่นก็ทำให้ช่วงของกลุ่ม B5 เป็นเสมือนช่วงอุ่นเครื่องไปโดยปริยาย แม้ว่าแต่ละคนจะมีฝีไม้ลายมือในการร้องเพลงทั้งเดี่ยวและประสานเสียง แต่การที่เลิฟอีสไม่มี “พิธีกร” ประจำค่ายอย่างเป็นทางการ ประกอบกับการที่เป็นค่ายที่ขึ้นชื่อเรื่องอ่อนสคริปต์ ก็ทำให้คอนเสิร์ตครั้งนี้แทบไม่มีความไหลลื่น มีสภาวะลืมและหลุดสคริปต์เป็นระยะๆ อีกทั้งจังหวะปล่อยมุกของกลุ่ม B5 ยังไม่อยู่ในขั้นเข้าขาและ “กวนบาทา” มากพอหากเทียบกับผู้นำค่ายอย่างบอย ดังจะเห็นได้จากการขึ้นมาทำหน้าที่พิธีกรประจำเวทีของเขาในคอนเสิร์ตที่แล้วซึ่งเรียกเสียงฮาจากผู้ชมได้ไม่ขาดช่วง ต่างจากคอนเสิร์ตครั้งนี้ที่บอยเลือกที่จะปล่อยให้น้องๆ ในค่ายเผชิญชะตากรรมกันเอง ซึ่งผลที่ออกมาแม้จะไม่ย่ำแย่แต่ก็ทำให้อารมณ์ของผู้ชมเหมือนถูกหั่นเป็นท่อนๆ แยกขาดออกจากกันตลอดทั้งคอนเสิร์ต
ถึงกระนั้น พลังเสียงของกลุ่ม B5 แสงสี เทคนิคพิเศษ การทำการบ้านเพิ่มเติม เช่น การอัดวิดีโอมาพรีเซนต์ประกอบเพลง ร่วมกับการตกแต่งเวทีโดยรวมก็พอจะทำให้ความไม่ไหลลื่นเป็นเรื่องเล็กน้อยได้ เพราะแม้จะมีนักร้องแค่เพียงห้าคน แต่ทั้งห้าก็ทำหน้าที่ได้ดีในช่วงต้นก่อนที่ผู้ชมจะปลดปล่อยอารมณ์กันอย่างกระเจิดกระเจิงเมื่อคอนเสิร์ตเดินเข้าสู่ช่วงที่สองซึ่งเป็นของศิลปินจากค่ายโดโจ ซิตี้
การปรากฏตัวของ วงมิสเตอร์ซิสเตอร์, ออย ช็อกกิ้ง พิงค์, วงนีซ, วงเอช และวงไทรอัมพ์ส คิงดอม เรียกเสียงกรี๊ดจากผู้ชมที่ผ่านยุคสมัยเดียวกันมาอย่างถล่มทลาย เรียกว่าเพียงแค่พวกเธอปรากฏตัวบนเวทีพร้อมเพลงฮิตของแต่ละคนก็เป็นสุดยอดปรารถนาของบรรดาคนดูพอแล้ว และนั่นก็ทำให้ไฮไลต์ของคอนเสิร์ตกลายเป็นช่วงๆ หนึ่งของคอนเสิร์ตนี้ไป ไม่มีเซอร์ไพรส์อะไรนอกเหนือไปกว่าการมาถึงของสาวๆ โดโจ ซิตี้ ที่คนดูคิดถึง หลายคนบอกว่าเพียงเท่านี้ก็อิ่มเอมใจแล้ว เพราะได้เห็นหน้านักร้องในดวงใจที่บางคนห่างหายจากการร้องและเต้นไปนานนับสิบปี การกลับมาของสาวๆ โดโจ ซินี้ในวันนั้นต้องถือว่าพวกเธอทำการบ้านมาเป็นอย่างดีเพราะทั้งร้อง ทั้งเต้นได้อย่างลงตัวจนแทบดูไม่ออกว่าผ่านเวลามาสิบกว่าปีแล้ว
แต่ก็เข้าทำนองเดียวกับช่วงของ B5 นั่นคือแทบไม่มีการพูดคุย ไม่มีการชักจูง ไม่มีการบ่มอารมณ์ผู้ชมให้ปะทุก่อนที่จะนำไปสู่เพลงต่อๆ ไป เหมือนเป็นเพียงการนำเพลงฮิตๆ ของทุกวงหรือทุกคนมาเรียงต่อกันอย่างไม่มีเหตุผล และไม่มีที่มาที่ไป
ความสนุกสนานในค่ำคืนนั้นเกิดขึ้นในช่วงที่ “โจอี้ บอย” แร็ปเปอร์คนแรกของเบเกอรี่ มิวสิค ปรากฏตัวขึ้นบนเวทีและซัดเพลงฮิตของตัวเองสมัยที่อยู่กับเบเกอรี่ฯ ไปชุดใหญ่ โดยให้สาวๆ โดโจ ซิตี้ เต้นประกอบ เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดและความคึกคักให้ระเบิดขึ้นในอารีน่าขนาดใหญ่นี้นั้นได้เป็นอย่างดี
และนี่อาจถือเป็นเซอร์ไพรส์แรกและเซอร์ไพรส์เดียวที่เกิดขึ้นในคอนเสิร์ตนี้เลยก็ว่าได้ แม้แต่การขึ้นมาร้องเต้นของ “ป๊อด โมเดิร์นด็อก” ในช่วง After Party ท้ายสุดซึ่งไม่ใช่การบรรเลงเพลงร่วมกันของวงโมเดิร์นด็อกแต่เป็นการร้องเพลงเก่าของตัวเองในจังหวะใหม่ ซึ่งนั่นก็ทำให้การระเบิดอารมณ์เพลงของป๊อดทำได้ไม่สุดนัก
โดยรวม DojoB5 Super ติ่ง Home Coming Live Concert เป็นคอนเสิร์ตที่ดูสนุก มีทั้งอารมณ์ซึ้ง อารมณ์สนุกสนานสะใจ แต่ก็ยังเป็นคอนเสิร์ตที่ใช้ทรัพยากรหลายๆ อย่างไม่คุ้มค่า โดยเฉพาะการกลับมาของบรรดาสาวๆ โดโจ ซิตี้ ที่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมารวมตัวกันได้ขนาดนี้ สภาวะอ่อนสคริปต์ที่พบเห็นตลอดทั้งคอนเสิร์ต การเชื่อมั่นในพลังของสาวๆ โดโจ ซิตี้ มากเกินไปจนไม่มีลูกเล่นอะไรแปลกใหม่มาเซอร์ไพรส์คนดู ทำให้คอนเสิร์ตในปีนี้ของเลิฟอีสจัดอยู่ในประเภท "สาแก่ใจ แต่ยังไม่สุด" ต้องจับตาดูกันต่อไปว่าคอนเสิร์ตใหญ่ครบรอบ 21 ปีเบเกอร์รี่ มิวสิค ที่ (อาจจะ) เกิดขึ้นในปีหน้าจะยิ่งใหญ่สมกับที่ผู้ก่อตั้งเบเกอร์รี่มิวสิคทั้งสามขึ้นมาพูดเรียกน้ำย่อยบนเวทีหรือเปล่า
