“บุ๋ม” เคลียร์กรณีรับตกเป็นผู้ต้องสงสัยระเบิดห้างบิ๊กซี ปัตตานี บอกรถคันที่ก่อเหตุได้ขายไป 2 ปีที่แล้ว เชื่อว่าการที่ตนไปสร้างห้องเรียนที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ทำให้เกิดกระแสข่าวนี้ ไม่หวั่นโดนหมายหัว เชื่อทำดีได้ดี
นอกจากจะสวยเก่งเซ็กซีเพอร์เฟกต์สุดๆ แล้ว “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” ก็ยังออกตัวแรงในกิจกรรมช่วยเหลือสังคม ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันกฎหมายลงโทษคดีข่มขืน, ช่วยสาวไทยให้พ้นจากการถูกหลอกขายตัว, ไปสร้างห้องเรียนที่ 3 จังหวัดภาคใต้ด้วยเงินตัวเอง และอีกหลายกรณีที่บุ๋มลุกขึ้นมาฟาดฟันจนเป็นที่จับตามอง แต่จู่ๆ ก็มีข่าวว่าเข้าไปพัวพันกับการระเบิดห้างบิ๊กซี ที่ จ.ปัตตานี เพราะรถคันที่ก่อเหตุดันเป็นรถที่เธอได้ขายไปเมื่อเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดสาวบุ๋มได้เผยถึงความคืบหน้าเรื่องนี้ในงาน ประทานรางวัล ศรีกุลบุตร-กุลธิดา เทิดไท้องค์ราชันย์ ว่า เคลียร์กับทางตำรวจแล้วเรียบร้อยไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้ต้องถามทางกรมขนส่งว่าปล่อยข้อมูลบางอย่างออกไปได้อย่างไร
“ก็ตกใจอยู่เหมือนกันค่ะ เพราะว่ามีจดหมายมาจากตำรวจว่าเมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา ตอนนั้นบุ๋มยังเพิ่งถ่ายทอดสดอยู่กับ EFM อยู่เลย แต่มีเหตุระเบิดที่ห้างบิ๊กซีปัตตานี โดยที่มีเลขทะเบียนรถ แม้กระทั่งใบเสียภาษีตรงหน้ารถ แล้วเขามีเล่มด้วยนะ ทุกอย่างเป็นของเราหมดเลย ซึ่งรถคันนี้บุ๋มขับจริงค่ะ และขายไปเมื่อเกือบ 2 ปีที่แล้วกับทางศูนย์โตโยต้าใหญ่ ก็โชคดีที่ไม่ใช่เป็นเต้นท์เล็กๆ ที่จับตัวไม่ได้”
“ซึ่งเราโชคดีที่คุณพ่อรอบคอบค่ะ ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงรถ อันนี้เป็นคำเตือนสำหรับทุกๆ คนที่มีการเปลี่ยนแปลงรถไม่ว่าจะอะไรก็ตาม คือคุณพ่อบุ๋มไปลงบัญชีไว้ในหนังสือเล่มของรถว่าอย่างเช่นเปลี่ยนสีรถ เปลี่ยนท้ายรถหรือเปลี่ยนอะไรก็ตาม คุณพ่อรอบคอบมากค่ะ เลยทำให้เราเคลียร์ตัวเองได้เร็วมาก เพราะว่าเรามีหลักฐานทุกอย่าง และโชคดีที่ตัวบุ๋มเองอยู่ตรงไหนยังไง สิ่งหนึ่งที่สงสัยก็คือข้อมูลบางอย่างออกมาได้ยังไง อันนี้ต้องเคลียร์กับทางกรมขนส่งค่ะ เพราะมันออกมาเป็นเล่ม อย่างที่สองทำไมต้องเป็นบุ๋ม อาจจะเป็นเพราะเท่าที่เรามาวิเคราะห์กันในกลุ่มก็อาจจะเพราะบุ๋มไปทำห้องเรียนทางภาคใต้ บุ๋มพยายามดึงเยาวชนไทยที่เป็นระดับหัวกะทิกลับเข้ามาเป็นคนที่มีอนาคตกับประเทศไทย”
บอกไม่กลัวจะโดนหมายหัว เพราะตอนนี้ก็มีค่าหัวอยู่แล้ว
“ก็ตกใจนิดหน่อยว่าทำไมเป็นรถเรา แต่ก็ไม่สงสัยเพราะว่าปีที่แล้วก็มีค่าหัวอยู่ ถามว่ากลัวมั้ย ไม่กลัว เพียงแต่สิ่งที่บุ๋มตั้งใจก็คือทางข้างในต้องเคลียร์ให้บุ๋มให้ได้ว่าคุณเอาข้อมูลอย่างนี้ออกมาได้ยังไง บางอย่างมันไม่ควรออกมาได้ นี่คือสิ่งที่อยากจะเตือนทุกๆ คนนะคะ สำหรับใครที่มีการซื้อขายรถยังไงดูเต้นท์รถให้ดีๆ ว่าเต้นท์รถนั้นมีคุณภาพมั้ยเชื่อถือได้มั้ย อีกอย่างคือในเรื่องของการจดแจ้ง อย่างเช่นใครไปติดสติ๊กเกอร์ทับสีรถคันเก่า คันใหม่อะไรอย่างเนี้ยค่ะ คุณต้องจดลงหนังสือลงทะเบียนของคุณให้ดีๆ เพราะถ้ามีปัญหาขึ้นมาจะได้แก้ไขได้อย่างบุ๋ม”
“คือบุ๋มทำห้องเรียนทางไกลมาเป็นปีที่สองแล้วนะคะ แล้วเราช่วยในเรื่องของอาชีพแม่บ้านใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งตรงนี้บุ๋มใช้เงินส่วนตัวทำเองมานานแล้ว ล่าสุด ที่มีคนวางระเบิดอายุแค่ 19 ปี ดังนั้น บุ๋มกำลังคิดว่าเด็กเยาวชนไทยกำลังจะเดินเข้าไปสู่ในทางที่ผิด ถ้าเราไม่ให้โอกาสและการงานอาชีพที่ชัดเจนกับเขามากเพียงพอ ดังนั้นในส่วนของบุ๋มเองอยากให้เขามีอนาคต อยากให้เอ็นติด อยากให้มีการงานอาชีพ ก็เลยไปช่วยส่งเสริมตรงจุดนั้น ซึ่งกลับกลายเป็นว่าทางนั้นก็คงไม่พอใจ”
ลั่นยังไงก็ไม่บั่นทอนความตั้งใจ เชื่อคนทำดีต้องได้ดี และจะสู้ต่อไป
“ไม่บั่นทอนนะคะ แต่เป็นห่วงคนรอบข้างเพราะคนในครอบครัวบุ๋มเป็นห่วงบุ๋มมากกว่า แต่ตอนนี้ในส่วนของกอ.รมน. (กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร) และในส่วนที่ดูแลทางภาคใต้กำลังดูแลเรื่องของคนที่เอารถคันนี้ไปก่อเรื่องอยู่ค่ะ และเขาก็คงไปสืบต่อถึงคนที่มาแอบอ้าง คือเราจับตัวได้ว่าคนที่แอบอ้างเอาข้อมูลมาจากไหน ซึ่งทางตำรวจก็เคลียร์ในส่วนของบุ๋มแล้วว่าบุ๋มอยู่ไหน รถอยู่ที่ไหนอะไรยังไง ก็ค่อนข้างจะขอบคุณ และขอบคุณทางโตโยต้าด้วยที่เขาส่งเจ้าหน้าที่มาให้ปากคำ”
“ก็โชคดีค่ะที่หลังๆ ประชาชนค่อนข้างเข้าใจในตัวบุ๋มมากขึ้น สื่อมวลชนเองก็เข้าใจในตัวตนบุ๋มมากขึ้น คือไม่ทันจะเขียนข่าวก็มาสัมภาษณ์กันก่อน ไม่ว่าจะมีประเด็นอะไรก็ตามก็จะสัมภาษณ์กันอย่างนี้ก่อน บุ๋มเองก็เป็นคนตรงๆ อยู่แล้ว ยังไงก็บอกข้อมูลหมดอยู่แล้วค่ะ ก็เลยค่อนข้างจะเคลียร์ตัวเองได้เร็ว มันอาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาก็ตาม แต่อย่างน้อยโชคดีที่ยังเคลียร์ตัวเองได้เร็วอยู่ หรือแม้กระทั่งข่าวกับทางสถานีที่มีคนแอบอ้างโฟนอินหรืออะไรก็ตาม ก็เคลียร์ตัวเองได้เร็ว ก็ขอบคุณมากๆ อาจจะเป็นเพราะว่าสิ่งดีๆ ที่เราทำ บุ๋มเชื่อว่าอะไรที่มันเกิดขึ้นร้ายแรง หรือว่าข่าวลืออะไรก็ตาม แต่ถ้าเราทำในสิ่งที่ดีมันจะแก้ไขได้เร็ว (ยิ้ม)”
“ภูมิคุ้มกันก็ถือว่าโอเค เพราะบุ๋มก็โดนข่าวมาทุกปี หลายคนบอกว่าปีชงเราหรือเปล่า ถ้าปีชงมันคงชงทุกปี เพราะเราโดนข่าวทุกปี แต่ปีนี้อาจจะหนักหน่วงหน่อย อาจจะเป็นเพราะว่าเราค่อนข้างจะมาทำความดี มาทำอะไรเพื่อสังคมค่อนข้างที่จะชัดเจนเยอะ คนที่หมั่นไส้ก็เยอะ ก็ต้องใช้เวลาในการสู้กันไปว่าสิ่งที่เราออกมาตั้งใจทำเนี่ย เราไม่ต้องการทำร้ายใคร และเราก็ไม่ต้องการให้ใครมาทำร้ายเราด้วยค่ะ”
“แต่ถามว่าจะลดการทำความดีมั้ย ฝันไปเถอะ ทำดีแล้วต้องได้ดีซิ บุ๋มเชื่ออย่างนั้นนะ และเราก็ต้องพิสูจน์ให้ชาวบ้านได้เห็น ให้ประชาชนได้เห็นว่าทำดีมันต้องได้ดี และเราก็ต้องสู้ต่อไป มันยิ่งเป็นแรงกระตุ้นต่อด้วย เพราะยิ่งเราเจออุปสรรคอย่างนี้ เราเชื่อว่าคนที่คิดไม่ดี คนที่คิดร้าย เขาต้องพ่ายต่อคนดี บุ๋มยังเชื่อในสิ่งนี้อยู่นะ (ยิ้ม)”