xs
xsm
sm
md
lg

“ดัม-มะ-ชา-ติ”(อัลบั้มเต็ม)...ท่ายากจาก“บอดี้สแลม”ผสมเคมีแบบดรีม เธียเตอร์/บอน บอระเพ็ด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปกอัลบั้ม ดัม-มะ-ชาติ
แม้ “ดัม-มะ-ชา-ติ” ในส่วนของคอนเสิร์ต(ปรากฏการณ์ ดัม-มะ-ชา-ติ) จะมีอันต้องล้มพับไป(ก่อนกำหนด)ตามธรรมชาติของตัวมันเอง

แต่ “ดัม-มะ-ชา-ติ” ในส่วนที่เป็นผลงานเพลงยังคงดำเนินต่อไปกับงานเพลงชุด “ดัม-มะ-ชา-ติ” (dharmajāti) ผลงานอัลบั้มเต็มชุดล่าสุดของ “บอดี้สแลม” (Bodyslam) วงร็อกอันดับหนึ่งของเมืองไทย

“ดัม-มะ-ชา-ติ” เป็นสตูดิโออัลบั้มชุดที่หก ทิ้งช่วงจากชุดที่แล้ว “คราม”(พ.ศ.2553)มากว่า 4 ปี โดยทางค่ายเพลงต้นสังกัดได้ส่งซิงเกิ้ลออกมาชิมลาง(ตามสูตรสำเร็จของการทำเพลงยุคนี้) 3 เพลงได้แก่ ซิงเกิ้ลเปิดตัว “เรือเล็กออกจากฝั่ง” ตามด้วยซิงเกิ้ลชื่อเดียวกับอัลบั้มคือ “ดัม-มะ-ชา-ติ” และ “ชีวิตยังคงสวยงาม” ที่เพียงปล่อย MV เพลงนี้มาก็เป็นเรื่อง เมื่อภาพช็อตย้อนแสงในเพลงถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไปก็อปงานของวง 30 Seconds To Mars จนเป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างดุเดือดในโลกโซเชียล

อัลบั้มชุดนี้บอดี้สแลมมีสมาชิกของวงด้วยกัน 5 พะหน่อ นำโดย “ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย” : ร้องนำ กีตาร์, ยอด- ธนชัย ตันตระกูล : ลีดกีตาร์, ปิ๊ด-ธนดล ช้างเสวก : เบส, ชัช-สุชัฒติ จั่นอี๊ด : กลอง และ โอม-โอม เปล่งขำ : มือคีย์บอร์ดที่เคยเล่นเป็นแบ็กอัพให้วงก่อนจะเข้ามาเป็นสมาชิกอย่างเต็มตัวในชุดที่แล้ว(โดยเปิดตัวโอมในฐานะสมาชิกวงอย่างเป็นทางการในคอนเสิร์ต“บอดี้สแลมไลฟ์อินคราม”ที่ราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อปี 2553)

ดัม-มะ-ชาติ ทำออกมาเป็นแพกเกจ 2 แผ่นคู่ คือ CD ในส่วนเพลง กับ DVD เบื้องหลัง MV และสกู๊ปพิเศษ นอกจากนี้ที่ต้องพูดถึงกันหน่อยก็คือในส่วนของปกอัลบั้ม(แพกเกจ) ที่เป็นภาพถ่ายแนวอาร์ตสื่อคอนเซ็ปต์ของงานเพลงชุดนี้ให้แฟนเพลงไปจินตนาการกัน ซึ่งงานอาร์ตเวิร์คในชุดนี้ได้รับอิทธิพลมาจากผลงานศิลปะของพี่โน้ส อุดม แต้พานิช

สำหรับในส่วนเพลงจาก CD ที่เป็นส่วนหลักนั้น มีทั้งหมด 10 เพลงด้วยกัน เปิดประเดิมกันด้วย “เตรียมตัวตาย” ดนตรีเป็นร็อกเข้มๆ โจ๊ะๆ แฝงท่วงทำนองความเป็นป็อบอยู่พอตัว คือมาในสูตรสำเร็จของบอดี้สแลมมีส่วนผสม ทั้งแนวทาง ลีลา และสไตล์การร้องเพลงของพี่ตูน คล้ายเป็นการต่ออารมณ์กับชุดที่แล้ว ส่วนเนื้อหานั้นแม้จะเป็นเพลงรัก แต่ก็พูดถึงคุณค่าของชีวิต ทำเพื่อคนที่เรารัก และเตรียมตัวตายถ้าได้ทำเพื่อใครสักคน

“เรือเล็กควรออกจากฝั่ง” ยังคงเป็นร็อกเข้มๆ เนื้อหาดีทีเดียว มีความลึก แฝงแนวคิดให้ตีความนิดหน่อย(แต่เข้าใจไม่ยาก) มุ่งเน้นให้กำลังใจให้ต่อสู้ ชีวิตคนเรามันต้องกล้าออกไปต่อสู้เผชิญกับอุปสรรค แม้เจอคลื่นลมก็ต้องสู้มัน ต้องไปต่อเพื่อจุดหมายฝั่งฝัน "...ตรงเส้นขอบฟ้าสีคราม ความหวังยังนำทางฉันใช่หรือไม่ คำตอบอยู่กลางคลื่นลม ชีวิตแม้ต้องล้มลงตรงไหน แต่ฉันก็ยังยืนยันที่จะไป...โอ้ว..."

ยังตามต่อในโหมดให้กำลังใจ ชีวิตมีความหวังกับ “ชีวิตยังคงสวยงาม” ที่ชื่อเพลงนั้นบอกชัดเจน เนื้อหาสื่อความหมายตรงๆถึงทุกข์ สุข ของชีวิต พร้อมให้กำลังใจชีวิตอย่าท้อแท้ เพราะชีวิตยังคงสวยงาม “...และจะยิ้มรับมันในวันที่ใจอ่อนแอ แม้ทุกเรื่องราวมันยังคงโหดร้ายสุขทุกข์ที่เราพบพาน มันคือชีวิตของเรา...”

เพลงนี้มาในจังหวะปานกลางดนตรีฟังซับซ้อนนิดนึง ที่พิเศษมากเห็นจะเป็นไลน์ออร์เคสตร้าอันสวยงามมีชีวิตชีวา(ฝีมือจอมยุทธ์ทฤษฎี ณ พัทลุง)ที่สอดประสานเข้ามาสร้างสีสันให้เพลงดูขลังและมีพลังมากขึ้น

ส่วน “ปลิดปลิว” เปลี่ยนโหมดมาหวานซึ้งกับบัลลาดร็อกละมุนหู ได้ เมธี ลาบานูน มาร่วมฟีเจอร์ริ่ง ฟังลงตัวทีเดียวทั้งเนื้อร้อง ทำนอง ถ้าตัดเป็นซิงเกิ้ลแล้วอัดโปรโมทน่าจะดังได้ไม่ยาก

จากนั้นกระชากอารมณ์มาฟัง "dharmajāti" (ดัม-มะ-ชา-ติ) ซิงเกิ้ลที่สองที่เมื่อปล่อยออกมา เล่นเอาแฟนบอดี้สแลมถึงกับอึ้งว่าวงโปรดของพวกเขากำลังทำอะไร เพราะลำพังแค่เนื้อหาก็ฟังยากอยู่แล้ว แถมดนตรีก็ยังทำซับซ้อนอีก มีการเปลี่ยนท่อนหลายพาร์ทกันพอดู เรียกว่าฉีกแนวบอดี้สแลมออกไปพอตัว แต่กับภาคดนตรีในเพลงนี้เล่นกันมันมากครับ คีย์บอร์ดที่เล่นเป็นแบ็คกราวน์ก็เด่น ส่วนกลองนั้นพี่ชัชแกโชว์เลย ตีกลองยังกับนึกว่าตีให้วงดรีม เธียเตอร์แน่ะ

“ครึ่งหลับครึ่งตื่น” อารมณ์เพลงยังตามต่อเนื่องจาก ดัม-มะ-ชา-ติ เนื้อหาเพลงแม้คร่ำครวญถึงเธอ ที่ตราบใดมีเธอข้างกายชีวิตยังมีความหมาย แต่ว่าก็ทำออกมาได้อยู่ในภวังค์ความสับสนของคนครึ่งหลับครึ่งตื่น อยู่ระหว่างความฝันกับความจริง มีการเล่นคำอย่าง “จินตนาการ พันธนาการ” ให้งงๆกันเล่น ขณะที่ภาคดนตรีนั้นมีสีสันจากภาคเครื่องเป่าทองเหลือง(Brass Session) ที่ทางวงเสริมเข้ามา ส่วนที่ต้องบอกว่าเป็นทีเด็ดก็คือในช่วงโซโล ที่เล่นจังหวะแปลกๆกับสัดส่วนดนตรียากๆ อย่าง 11/8 ผสม 12/8 ซึ่งถือเป็นอีกเพลงที่มีภาคดนตรีซับซ้อนชวนให้นึกถึงการพยายามเล่นยากๆขั้นเทพตามแนวทางของวงดรีม เธียเตอร์

สลับอารมณ์มาฟัง “คิดถึง” บัลลาดร็อกหม่นๆกับอารมณ์ดำดิ่ง แต่ถือเป็นอีกหนึ่งเพลงที่หากตัดเป็นซิงเกิ้ลแล้วอัดโปรโมทก็จะดังได้ไม่ยาก เพราะนี่เป็นเพลงที่มีสูตรสำเร็จของความเป็นป็อบมากที่สุดในอัลบั้มนี้

“รักอยู่ข้างเธอ” ได้ศิลปินรุ่นใหญ่อย่าง พี่ปุ๊ อัญชลี จงคดีกิจ มาร่วมฟีเจอร์ริ่ง เนื้อหายังคงมุ่งเน้นการให้กำลังใจ ให้ความรักนำทาง ให้ความรักฉันอยู่เคียงข้างเธอ เพลงนี้มีเสียงแซกโซโฟนฝีมือฝีปากพี่โก้ แซกแมน มาวาดลีลาติดกลิ่นแจ๊ซนิดๆได้อย่างพลิ้วไหว

“ความฝันกับจักรวาล” เป็นอีกหนึ่งเพลงที่ทางวงไปไกลมาก ไม่เพียงแค่ไปแตะขอบฟ้า แต่ว่าไปถึงจักรวาลเลยทีเดียว กับเนื้อหาเพลงนี้ต้องตั้งใจฟัง เพราะมีความลึกออกแนวปรัชญาให้ขบคิดตีความ ขณะที่ภาคดนตรีนั้นเล่นท่ายากอีกแล้วครับท่าน ท่อนเล่นโน้ต(ยูนิซั่น)พร้อมกันกับไลน์ออร์เคสตร้า แล้วภาคริทึ่ม ไลน์ประสานอัดใส่มานั้น เป็นอีกหนึ่งท่อนที่ทางโชว์ฝีมือขึ้นเทพ และก็เป็นอีกหนึ่งเพลงที่ทางวงเล่นตามสไตล์ของวงดรีมเธียเตอร์แบบไม่ขัดเขิน

ปิดท้ายกันด้วย“ช่างมันเถอะเหงา” มาในแบบอะคูสติก ลอยๆ มีเสียงแซกจากพี่โก้เปล่าเคล้าคลอเคลีย มาในอารมณ์เหงาๆ เศร้าๆ ที่ทั้งไม่ใช่แนวของบอดี้สแลมและแนวของแกรมมี่ แต่มันคือแนวของแอ๊ด คาราบาว เพราะเพลงนี้น้าแอ๊ด(อาแอ๊ด)แกแต่งให้หลานตูน ซึ่งก็สามารถร้องถ่ายทอดออกมาในแบบตูน คาราบาว ได้อย่างน่าฟัง

หมดไปกับ 10 เพลง จากดัม-มะ-ชาติอัลบั้มเต็ม ที่ในส่วนของภาคดนตรีนั้นหายห่วง ฝีมือของแต่ละคนแก่งขึ้น เล่นเป็นทีมเวิร์คได้ดี มีการโชว์ฝีมือกันแต่พองาม ไม่โชว์จนล้นเกินไป ขณะที่เนื้อร้อง น้ำเสียงของพี่ตูนนั้นยังคงยอดเยี่ยม เป็นตัวหลักและเป็นตัวขับเคลื่อนเรือน้อยบอดี้สแลมออกจากฝั่งไปเผชิญกับคลื่นลมได้อย่างไม่มีปัญหา

อย่างไรก็ดีในชุดนี้มีส่วนที่ต้องพูดถึงกันเป็นพิเศษนั่นก็คืองานเพลงทั้งภาคดนตรี ภาคเนื้อหา และวิธีคิดของวงบอดี้สแลมในอัลบั้มชุดนี้

สำหรับอัลบั้มดัม-มะ-ชา-ติ ชุดนี้มีการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งใหม่ๆที่ทางวงได้สร้างสรรค์ขึ้นมาอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการพยายามฉีกแนวจากความเป็นบอดี้แสลมไปพอสมควร จึงมีเพลงที่เป็นไปตามสูตรสำเร็จแบบบอดี้สแลมอยู่เพียง 2-3 เพลงเท่านั้น นั่นจึงทำให้สัดส่วนความเป็นป็อบ ท่วงทำนองติดหูง่าย ท่อนฮุกติดหูร้องตามง่ายในชุดนี้ลดน้อยลงไปมากหากเทียบกับใน 2-3 ชุดที่ผ่านมาๆ

ส่วนที่เหลือเป็นความพยายามนำเสนอซาวนด์ใหม่ๆเข้ามา ไม่ว่าทางดนตรีที่ฟังยาก ซับซ้อนขึ้น มีการเปลี่ยนพาร์ทกันหลายท่อนในบางเพลง มีการใส่ไลน์คีย์บอร์ดอันหนาแน่นหรือไลน์ออร์เคสร้าสวยๆเข้ามา ใส่เสียงเครื่องเป่าทองเหลืองแน่นๆ หรือหันมาใช้บริการเสียงแซกโซโฟนในกลิ่นแจ๊ซอันรื่นไหล

ส่วนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือความพยายามเล่นท่ายากนำเคมีทางดนตรีที่ได้รับอิทธิพลจากวงดรีม เธียเตอร์(แบบเต็มๆ) มานำเสนอดังปรากฏอยู่ใน 3-4 เพลงที่กล่าวมา งานนี้เล่นสดมันระเบิดแน่ แต่ถ้าฝีมือไม่ถึง อ่อนซ้อมก็หลุดเอาได้ง่ายๆ

ขณะที่ภาคเนื้อร้องนั้น ชุดนี้ได้ลดทอนในเรื่องของความรักแบบหนุ่มสาวลงไปมากโข หากแต่พุ่งไปที่เรื่องราวชีวิต เป็นกำลังใจให้ชีวิต ให้กำลังใจ ถึงขนาดบางเพลงออกแนวปรัชญากับเนื้อหาเชิงลึกให้ตีความปวดขมองกันเลยทีเดียว ส่วนบางเพลงก็นำเสนอมุมมองชีวิตในที่ดูลึกซึ้ง คล้ายกับว่านี่เป็นวงรุ่น 40,50 อัพยังไงยังนั้น

ด้านการใช้ภาษาในเนื้อเพลงนั้น ถือว่าทำออกมาได้ดีพอตัว เล่นคำใช้ได้ แต่บางเพลงก็ยังไม่สละสลวย แถมหลายเพลงยังมีการใช้คำวนเวียนซ้ำซาก กับ “ฟ้า”, “ขอบฟ้า”, “ชีวิต”, “ความฝัน” ส่วนที่ใส่มาเยอะจนเอียนในหลายเพลงก็คือท่อนที่ร้อง โอว โวว ทั้งหลายแหล่ แม้กระทั่งในเพลงที่น้าแอ๊ดแต่งก็ยังมี เอากับเขาสิ

ส่วนที่ถือเป็นความพิเศษ(อีกแล้ว)ก็คือวิธีคิดแบบคอนเซ็ปต์อัลบั้มที่ไม่ใช่แค่เพียงงานปก แต่ในงานเพลงช่วงแรกๆ หากไล่เรียงจากชื่อเพลงดูเนื้อหาแล้วมันมีความผูกโยงสัมพันธ์กันเป็นอย่างยิ่ง เริ่ม จากเตรียมตัวตาย เพราะต้องออกไปต่อสู้เผชิญกับโลกกว้างดังเรือเล็กออกจากฝั่ง แต่ก็ให้ไปอย่างคนมีความหวัง ไปอย่างคนมีฝัน เพราะชีวิตยังคงสวยงาม

ครับ พูดกันโดยภาพรวม ผมถือว่านี่คืออีกหนึ่งผลงานเพลงคุณภาพ เป็นหนึ่งในอัลบั้มยอดเยี่ยมของปีนี้ ซึ่งถึงแม้ว่าทางบอดี้สแลมจะมีข้อบกพร่องเล็กๆน้อยๆตามที่กล่าวมา แม้ดนตรีในชุดนี้บอดี้สแลมจะได้รับอิทธิพลจากดรีมเธียเตอร์มามากโข แต่จุดเด่นและจุดแข็งในอัลบั้มนี้มันปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด ที่สำคัญก็คือ ในชุดนี้“ดัม-มะ-ชา-ติ”นี้ วงบอดี้แสลมกล้าที่จะฉีกออกจากแนวเดิมๆ กล้าที่จะเปลี่ยน กล้าที่เดินหน้า และกล้าที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่แม้บางจุดอาจจะทำได้ไม่ถึง ทำได้ไม่ดี

แต่เมื่อเรือเล็กออกจากฝั่งก็ต้องพร้อมที่จะต่อสู้กับมรสุม คลื่น ลม และอุปสรรคต่างๆนานา
กำลังโหลดความคิดเห็น