วีกที่แล้ว ต้องถือว่าเป็น “สัปดาห์ทอง” ของนางเอกวิก 3 พระราม 4 “ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต” ที่ยึดครองพื้นที่สื่อมากเป็นอันดับ 1 เพื่อเจอข่าวลือเรื่อง “ท้องก่อนแต่ง” ก่อนที่เธอจะออกมาสยบข่าวในเวลาต่อมา พร้อมกับท้านับเดือนพิสูจน์
มาสัปดาห์นี้ พื้นที่ข่าวอันดับ 1 ข้ามห้วยไปตกในมือของนางเอกตัวแม่แห่งวิกหมอชิต “อั้ม-พัชรภา ไชยเชื้อ” ด้วยข่าวลือที่ดูเหมือนจะเป็นไปในทางตรงกันข้ามกันอีกฝั่ง นั่นคือข่าวว่าเธอสะบั้นรัก (เป็นรอบที่ 3) กับแฟนหนุ่มไฮโซหมื่นล้าน “แอมป์-พิธาน
องค์โฆษิต” ทั้งที่ทั้งคู่เองก็มีแพลนที่จะควงคู่สู่ประตูวิวาห์ในปีหน้านี้แล้ว เรียกว่าใกล้เคียงกันคู่ของชมพู่นั่นเอง
ก่อนหน้านี้ขนาดพิธีกรฝีปากกล้า อย่าง “กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ” ยังเคยเขียนถึงอั้มลงในคอลัมน์ของนิตยสารบันเทิงฉบับหนึ่ง ระบุว่า ตั้งแต่อั้มคบกับแอมป์ ดูเหมือนว่าอั้มจะนิ่งขึ้นและค่อนข้างให้เกียรติฝ่ายชายถึงขนาดประกาศที่จะงดถ่ายเซ็กซี่ เพราะ
.....แฟนอั้มหวงมากค่ะ แอมป์ไม่ชอบให้แต่งตัวโป๊เลย นั่งใกล้ผู้ชายคนไหนก็ไม่ได้ เขาจะถามว่าทำไม ยังไง อะไร ตลอด แอมป์เข้ากับเพื่อนอั้มได้ทุกคน เพื่อนอั้มรักแอมป์หมด ฯลฯ
วงในระบุว่าทั้งคู่เริ่มกลับมาระหองระแหงกันอีกครั้ง เพราะระยะหลังนั้น ฝ่ายหญิงมักจะออกอาการวีนเหวี่ยงอยู่เสมอๆ ทำให้ฝ่ายชายระอาใจ และมีแนวโน้มว่าจะกลับไปคบหากับแฟนเก่าอีกครั้ง
แต่เอ...ดูเหมือนอาการวีนเหวี่ยงที่ว่า มันเป็นคาแรกเตอร์ของ “พราว” ในละครหลังข่าวช่อง 7 ชัดๆ หรือว่าคนจะเอามาโยงให้เรื่องไม่เป็นเรื่อง เกิดเป็นเรื่องขึ้นมา
ในชีวิตจริงแอมป์-พิธาน คงไม่ยอมงอมืองอเท้าให้อั้มโขกสับ เหน็บแนมแกมประชดแบบสารวัตรสมชายในละครแน่ๆ
ถ้าไล่เรียงจากกราฟชีวิตรักของทั้งคู่นั้น จะเห็นได้ว่าผ่านการรักๆ เลิกๆ มาแล้ว 2 ครั้ง ก่อนจะกลับมาคบกันหนล่าสุด ที่คราวนี้เดินมาไกลถึงขนาดเตรียมจะลงหลักปักฐานใช้ชีวิตคู่ร่วมกันแล้ว ไม่ใช่รักแบบหวือหวา ฉาบฉวย แต่คบกันแบบมีเป้าหมาย และมีอนาคตร่วมกัน
อีกทั้งจากประสบการณ์ 2 ครั้งที่ผ่านมา น่าจะทำให้ทั้งคู่มองเห็นจุดดี และยอมรับในจุดด้อยของกันและกันได้เป็นอย่างดีแล้ว มิเช่นนั้นคงไม่มีการ “รักคืนเรือน” ซ้ำเป็นคำรบ 3
แต่ลำพังเรื่องของนิสัยใจคออาจจะปรับ-จูน ลดหย่อนผ่อนปรนกันได้ไม่ยาก แต่ถ้าเรื่องที่มากระทบความสัมพันธ์ของทั้งคู่ คือเรื่องของ “อีโก้” อันนี้ก็พูดลำบาก
เพราะงานนี้ทั้งคู่ต่างก็มาแบบโปรไฟล์เริ่ดหรูไม่ต่างกัน
ฝ่ายชายก็มีสถานะเป็นถึงนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ วัยเพียง 30 ต้นๆ ทายาทรุ่นที่สองของ บริษัท เคซีอี อิเล็กโทรนิกส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและส่งออกแผ่นฟิล์มวงจรอิเล็กโทรนิกส์รายใหญ่ในภาคพื้นเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ยังไม่นับการเป็นเจ้าของธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนของตัวเองอีก 2-3 แห่ง โดยธุรกิจล่าสุด ก็คือการเข้าเทกโอเว่อร์ “เดอะ เฟช ช้อป” แบรนด์เครื่องสำอางจากประเทศเกาหลี
ส่วนฝ่ายหญิง ก็อย่างที่รู้กัน แม้จะไม่ถึงขนาดมีมงกุฎ “เจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิง”ค้ำคอ แต่ก็มีสถานะเป็นนางเอกซูเปอร์สตาร์ อันดับ 1 เรียกว่ารูปสวย รวยทรัพย์ ไม่มีผู้ชายคนไหนไม่อยากเป็นแฟนอั้ม
ย้อนกลับมาที่ฝ่ายชาย การได้เป็นคู่ควง หรืออาจจะหมายถึงว่าที่สามีในอนาคตของอั้มนั้น ก็ถือว่าเป็นการทำให้เขามีพื้นที่ยืนเยอะขึ้น มีกลุ่มคนรู้จักที่กว้างขึ้น ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า มันย่อมส่งผลระยะยาวในการดำเนินธุรกิจ ที่สามารถนำชื่อเสียงของอั้มมาต่อยอด หรือช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้
ขณะที่อั้มเอง ก็จำเป็นที่จะต้องมีคู่ควง ที่สามารถพัฒนาไปเป็นคู่ชีวิตที่สมน้ำสมเนื้อ ทั้งเรื่องรูปสมบัติ คุณสมบัติ และที่สำคัญทรัพย์สมบัติ ระดับอั้ม จะให้ไปคบหากับผู้ชายไก่กา หรือพนักงานออฟฟิศ เงินเดือนหลักหมื่น ก็กระไรเลย เพราะลำพังค่าประทินโฉมของอั้มในแต่ละวัน ก็เกินเงินเดือนแล้ว
ฉะนั้นแล้ว ทั้งคู่จึงคบหากันแบบพึ่งพาโปรไฟล์ของอีกฝ่ายอยู่ในที ยามสมานฉันท์ก็ไม่มีปัญหา เพราะต่างฝ่ายต่างยอมรับในสถานะของกันและกันได้ แต่ยามที่เกิดกินแหนงแคลงใจกันขึ้นมา ไม่มีใครรับประกันได้ว่า ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด หรืออาจจะเป็นทั้งสองฝ่าย อาจจะฉุกคิดขึ้นมาก็ได้ว่า ตัวเองถือไพ่เหนือกว่า ทีนี้ก็จะเกิดเป็นเรื่องของ “อีโก้” ขึ้นมาทันที
เมื่อใดก็ตามที่หัวข้อของการมีปากเสียง ดำเนินมาถึงตอนที่ต่างคนต่างลำเลิกขึ้นมาว่า...ใครพึ่งใคร และ/หรือใคร ได้ผลประโยชน์จากใคร ยังไงรักก็พัง!!
หรือในอีกมุมหนึ่ง ถ้ายึดมั่นถือมั่นในอัตตาของตัวเอง ว่าอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องอดทนเพื่อใคร หรือปรับตัวเข้าหาใคร นั่นก็ไม่รอดหมือนกัน
เกิดเป็นอั้ม-พัชราภา บางทีก็อยู่ยากเหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องของการวางแผนชีวิต เพราะต้องคิดหลายชั้น อาจจะรักด้วยหัวใจ แต่ยังไงก็ต้องตัดสินใจด้วยสมอง โดยเฉพาะในเรื่องของชีวิตคู่ ตอนนี้ยังอยู่แค่ในสถานะคู่รัก จะรักๆ เลิกๆ หรือเลิกกับคนนี้แล้วไปมีคนใหม่ อย่างไรก็ยังไม่เสียหาย แต่เมื่อใดก็ตามที่มีการตกร่องปล่องชิ้น เป็นสามี-ภรรยาถูกต้องตามพฤตินัย และนิตินัยแล้วไซร้ ยังไงก็คงไม่มีใครอยากได้ชื่อว่า “แต่งแล้วหย่า” หรือมีสถานะว่า “หม้าย” มานำหน้าชื่อแน่นอน (ถ้าไม่จำเป็น)
สรุปว่า ณ ตอนนี้ ยังไม่มีการฟันธงว่าความรักของอั้ม-แอมป์ จะ “อยู่หรือไป?” ที่สะบั้นรักกันหน 3 ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเป็นเพียงข่าวลือ ซึ่งก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ที่มา นิตยสารASTV สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 262 8-14 พฤศจิกายน 2557