xs
xsm
sm
md
lg

11 คนดังในวันที่โลกยังไม่ยอมรับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ก่อนจะเป็นนักแสดงดัง, นักร้องเจ้าของยอดขายหลักร้อยล้านแผ่น และนักเขียนระดับตำนาน "ศิลปิน" จำนวนมากต้องผ่านการถูก "ปฏิเสธ" มาครั้งแล้วครั้งเล่า ... ประสบการณ์โดน "ปฏิเสธ" ของคนดังในวงการบันเทิงเหล่านี้จึงเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า "โชค" ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญแห่งความสำเร็จ

ก่อนจะเป็นวงร็อคก้องโลก

หลังได้ฟังเดโมของวงร็อคหน้าใหม่ที่ชื่อว่า U2 บริษัทแผ่นเสียง RSO Records ได้ส่งจดหมายแจ้งผลว่าเดโมม้วนนี้ไม่ผ่านการพิจารณาให้กับสมาชิกของวงที่ชื่อว่า "พอล ฮิวสัน" ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักของแฟนเพลงร็อคทั่วโลกในชื่อ "โบโน" ทันที ด้วยเหตุผลที่ว่าแนวเพลงดังกล่าวยังไม่ใช่สไตล์อย่างที่ RSO ต้องการ ก่อนที่อีกไม่กี่เดือนต่อมาในปี 1979 U2 จะได้เซ็นสัญญากับ Island Records พร้อมมีซิงเกิล 11 O'Clock Tick Tock เป็นผลงานเปิดตัว และเป็นจุดเริ่มต้นของยอดขาย 150 ล้านแผ่น กับรางวัลแกรมมีอีก 22 สาขา (ไม่เคยมีวงดนตรีวงใดคว้ารางวัลได้มากเท่านี้มาก่อน) และยังเป็นศิลปินที่ทำรายได้จากการทั่วคอนเสิร์ตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการดนตรี

ก่อนจะเป็นราชินีเพลงป๊อป

ก่อนจะได้เซ็นสัญญากับ Sire Records ในปี 1982 จนได้ออกอัลบั้มชุดแรก และทำยอดขายได้ถึง 10 ล้านแผ่น จนก้าวเป็นศิลปินระดับ "ราชินีเพลงป๊อป" ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของประวัติศาสตร์ดนตรี "มาดอนนา" เคยโดนปฏิเสธมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน รวมถึงโปรดิวเซอร์รายหนึ่งที่แสดงความเห็นว่าเธอขาด "เพลงที่ดีพอ" และยัง "ไม่มีความพร้อม" ที่จะเป็นศิลปินในตอนนั้น โดย มาดอนนา บอกว่าเธอเก็บจดหมายปฏิเสธฉบับนี้เอาไว้กับตัวอยู่หลายปี และเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้สู้จนประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในเวลาต่อมา

ก่อนจะเป็นราชาการ์ตูน

ในปี 1919 ตอนที่นักเขียนการ์ตูนหนุ่ม "วอลต์ ดิสนีย์" อายุได้ 18 ปี เขาต้องโดนไล่ออกจากงานเขียนการ์ตูนตลก และล้อการเมือง ในหนังสือพิมพ์ Kansas City Star ด้วยเหตุผลที่ว่างานของเขา "ขาดจินตนาการ และไม่เคยมีไอเดียดีๆ เลย"

ก่อนจะเป็นผู้กำกับเจ้าของเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

ตอนที่ยังไม่ได้เป็นผู้กำกับชื่อดังระดับโลก "ทิม เบอร์ตัน" เคยเริ่มต้นอาชีพนักเขียน แต่ผลงานหนังสือเด็กเล่มแรกของเขาที่ชื่อว่า The Giant Zlig กลับโดนบรรณาธิการของ Disney ปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่างานของเขาน่าจะ "ขายไม่ได้" ซึ่ง เบอร์ตัน ได้เอาคำปฏิเสธดังกล่าวมาเป็นแรงผลักดัน จนสามารถพิสูจน์ฝีมือ และได้เข้าไปเป็นทีมอนิเมเตอร์ของทาง Disney ก่อนจะได้ทำงานอยู่ที่นั้นหลายปี และประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในฐานะผู้กำกับระดับโลกที่มีผลงานอย่าง Edward Scissorhands และ The Nightmare Before Christmas

ก่อนจะเป็นเจ้าอาณาจักรสื่อมูลค่ามหาศาล

ก่อนจะมีบทบาทเป็นพิธีกรหญิงที่ทรงอิทธิพลต่อความคิดของคนอเมริกามากที่สุดอย่างทุกวันนี้ "โอปราห์ วินฟรีย์" เคยเริ่มต้นอาชีพในวงการโทรทัศน์ที่สถานีท้องถิ่น WJZ-TV ในบัลติมอร์ แต่สุดท้ายกลับโดนไล่ออกด้วยเหตุผลที่ว่าเธอ "ไม่สามารถแยกอารมณ์ส่วนตัวจากเรื่องที่รายงานได้" ซึ่งสุดท้ายข้อเสียจุดนี้กลับกลายเป็นจุดเด่นที่ทำให้ผู้ชมติดตามดูรายการของเธอทั่วประเทศ

ก่อนจะเป็นศิลปินผู้เปลี่ยนแปลงโลกแห่งศิลปะ

เมื่อปี 1956 ศิลปินหนุ่ม "แอนดี วอร์ฮอล" เคยส่งงานศิลปะของตัวเองให้กับ Museum of Modern Art โดยไม่คิดเงินอะไรเลย แต่กลับโดนปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก วอร์ฮอล กลับสร้างชื่อจนเป็นศิลปินระดับโลก และถึงขั้นมีพิพิธภัณฑ์ที่เก็บและแสดงเฉพาะงานของเขาในพิตต์สเบิร์กห์ ส่วน Museum of Modern Art ที่เคยปฏิเสธงานของ วอร์ฮอล ก็ซื้อผลงานศิลปะของเขาเก็บเอาไว้ถึง 168 ชิ้นในปัจจุบัน

ก่อนจะเป็นดาวตลกคนดังแห่งวงการโทรทัศน์

ดาวตลก "เจอร์รี ไซน์เฟลด์" เริ่มต้นอาชีพที่วงการโทรทัศน์ในซีรีส์เรื่อง Benson กับการรับบทเล็กๆ ในเรื่อง ก่อนจะโดนไล่ออกแบบเจ็บแสบที่สุด โดยเขาไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเสียงานไปแล้ว แต่มาทราบระหว่างขั้นตอนซ้อมบทที่พบว่าในสคริปต์ไม่มีบทตัวละครของเขาอยู่แล้ว ต่อมา "ไซน์เฟลด์" โด่งดังกับซีรีส์สุดฮิต Seinfeld และปัจจุบันก็ยังมีรายรับมหาศาลจากการแสดงเดี่ยวไมโครโฟนและออกอีเวนต์ต่างๆ โดยเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมามีการประมาณการณ์ว่าเขาน่าจะมีทรัพย์สินรวมประมาณ 820 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ก่อนจะเป็นราชาแห่งร็อคแอนด์โรลล์

ระหว่างเริ่มต้นอาชีพนักร้องที่แนชวิช ราชาร็อคแอนด์โรลล์ "เอลวิส เพรสลีย์" เคยเจอคำสบประมาทของผู้จัดการของตัวเองว่าทางที่ดีเขาควรจะเลิกร้องเพลง และกลับไปขับรถบรรทุกที่เมมฟิสบ้านเกิดจะดีกว่า

ก่อนจะเป็นเซ็กซิมโบลตลอดกาลของฮอลลีวูด

ตำนานของฮอลลีวูด "มารีลิน มอนโร" เริ่มต้นอาชีพในวงการด้วยการเป็นนางแบบ และรับงานแสดงในบทเล็กๆ แต่ก็ไปได้ไม่ค่อยไกลจนมีคนแนะนำว่าเธอควรจะลองหางานออฟฟิศประเภทเลขานุการทำมากกว่า

ก่อนจะเป็นราชานิยายเขย่าขวัญ

"สตีเฟน คิง" เจียดเวลาจากการเป็นครูภาษาอังกฤษมานั่งเขียนนิยายและส่งให้สำนักพิมพ์ต่างๆ พิจารณา แต่ก็ไม่ผ่านเสียทีจนถึงนิยายเรื่องที่ 4 ที่ชื่อว่า "Carrie" ที่ครั้งหนึ่งต้นฉบับร่างแรกๆ เคยลงไปอยู่ในถังขยะแล้วด้วย เพราะเขาคิดเรื่องไม่ออก แต่สุดท้าย "ทาบิธา คิง" ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากก็ให้กำลังใจว่านิยายที่ว่าด้วยเรื่องราวของสาวน้อยผู้มีพลังจิตเรื่องนี้น่าจะออกมาเวิร์ก จน คิง เขียนต่อจนจบ และโดนสำนักพิมพ์ต่างๆ ถึง 30 แห่งปฏิเสธ จนทาง Doubleday ตัดสินใจซื้อลิขสิทธิ์ด้วยเงิน 2,500 เหรียญฯ ก่อนจะขายไปได้หลายล้านเล่ม นอกจากนั้นก็ยังเคยถูกนำไปดัดแปลงเป็นหนังถึง 4 เวอร์ชั่น ถูกนำไปดัดแปลงเป็นละครบรอดเวย์ และส่งให้ คิง เป็นนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ของวงการหนังสือสหรัฐฯ จนถึงปัจจุบัน

ก่อนจะเป็นนักเขียนการ์ตูนผู้ทรงอิทธิพล

"งานของคุณนี่เหมือนการ์ตูนที่วาดกันสัก 4 คนได้ ลายเส้นดินสอที่ดีที่สุดคือหน้า 7 .... แต่งานดินสอส่วนใหญ่มีคุณภาพที่ด้อยมาก เช่นเดียวกับการลงหมึกก็พอๆ กัน ถ้าจะส่งงานเข้ามาให้พิจารณาใหม่ก็พัฒนาให้ลงตัวขึ้น และหัดวาดภาพมาใหม่ด้วย" Marvel คอมเมนต์งานของ "จิม ลี" นักเขียนการ์ตูนหนุ่มชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลี ผ่านทางจดหมาย และเป็นหนึ่งในจดหมายปฏิเสธจำนวนมากมายมหาศาลที่ ลี ได้รับจากการส่งงานให้สำนักพิมพ์การ์ตูนเจ้าต่างๆ พิจารณา ก่อนที่เขาจะประสบความสำเร็จเป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของวงการการ์ตูนสหรัฐฯ และมีผลงานกับทั้งทาง Marvel และ DC



ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live

ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th

ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม



เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก

กำลังโหลดความคิดเห็น