xs
xsm
sm
md
lg

เปิดชีวิต “เสก โลโซ” บูชาซาตาน ขายวิญญาณแลกความดัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"เสก โลโซ" เผยชีวิตในเงามืด บูซาตาน ขายวิญญาณแลกความดัง เพื่อให้เล่นกีต้าร์เก่งและมีชื่อเสียง เชื่อซาตานมีจริง

นาทีนี้คงไม่มีใครฉาวไปกว่า “เสก โลโซ” เสกสรร ศุขพิมาย ร็อกเกอร์คนดังที่กำลังมีปัญหากับอดีตภรรยา “กานต์ วิภากร” โพสต์ด่ากันไปมาผ่านโซเชียลแทบทุกวันแล้ว ฝ่ายหญิงเอาหมอไปที่บ้านจะจับฝ่ายชายไปตรวจหาสารเสพติดเพราะคิดว่ายังไม่เลิกเสพยา เท่านั้นไม่พอยังเอาคลิปถูกเสกตบมาโพสต์แฉ กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวทั้งเรื่องคลิปเรื่องทำร้ายร่างกายส่งผลให้ชื่อเสียงและภาพลักษณ์เสกเสียหาย แต่น่าแปลกที่เหตุการณ์เหล่านี้กลับไม่กระทบจิตใจเสก แถมไม่กระทบเรื่องงาน เพราะทุกวันนั้นเสกมีคิวเล่นคอนเสิร์ตเดือนหนึ่งๆ ไม่ต่ำกว่า 10 ที่สร้างเม็ดเงินหลายล้านบาทต่อเดือน อะไรที่ทำให้เสกอยู่ยงคงกะพัน วันนี้เราจะไปหาคำตอบกัน

ร็อกเกอร์หนอนหนังสือ ศึกษาทั้งหนังสือธรรมะ , ฮิตเลอร์ บรรลุถึงขั้นสามารถใช้จิตสั่งกายได้
“ทุกคนมีทั้งโพซิทีฟและเนกาทีฟ แต่ผมมีโพซิทีฟสูงมากไม่ว่าเรื่องอะไรผมก็จะทำให้เป็นความสุขได้ วันนึงๆ ผมเศร้าน้อยมาก 3 ชั่วโมงผมอาจจะเศร้าแค่ 1 นาที เรื่องที่ทำให้ผมเศร้าก็อย่างเช่นไปเห็นรูปเด็กคนนึงเขาน่าสงสาร แต่ผมไม่อยากเศร้าผมก็จะคิดอีกมุมว่าบางทีโชคชะตาเขาอาจจะเป็นอย่างนั้น นั่นคือวิธีคิดของผม ผมเป็นคนไม่ค่อยทุกข์จะมีทุกข์ก็อย่างเวลาสงสารลูกผมก็มีบ้างที่นั่งน้ำตาไหล แต่ทุกข์แป๊บเดียวก็เข้าใจได้ว่ามันเป็นอย่างนี้ ที่ตัดได้เร็วเพราะผมเป็นคนอ่านหนังสือเยอะมาก หนังสือธรรมะก็อ่าน อ่านตั้งแต่หนังสือพระพุทธเจ้าถึงหนังสือฮิตเลอร์ อ่านจนรู้ว่าชีวิตคนเราต้องศึกษาหาความรู้นะ ไม่ใช่อยู่กันแบบงูๆ ปลาๆ ต้องอ่านหนังสือ ต้องศึกษาให้ถ่องแท้เพราะถ้ารู้หมดแล้วคุณจะมีความสุขหมดเลย ผมว่าผมเป็นผู้รู้คนนึงเลยแหละ”

“ผู้รู้ในเรื่องของธรรมะและวิทยาศาสตร์ ถ้าคุณรู้เรื่องของธรรมะและวิทยาศาสตร์คุณชนะเลิศจะไม่มีทุกข์เลย เพราะจะทำให้รู้ว่าพอเราทุกข์เสร็จเราต้องฝึกจิตของเราให้ออกมาจากทุกข์ ผมแนะนำให้อ่านหนังสือ The Secret ของ Rhonda Byrne(รอนดา เบิร์น) หนังสือเล่มนี้เขาเรียกว่าเป็นไบเบิลของยุคปัจจุบันเลยนะ ผู้ที่ประสบความสำเร็จทุกคนต้องคิดแบบนั้น ผมบรรลุถึงขนาดรู้ว่าชีวิตคนเรามันเป็นแบบนี้นี่เอง บรรลุถึงขนาดไม่เคยป่วยเลยไม่ป่วยมา 15-17 ปีได้ ไม่เคยเป็นไข้เลยเพราะผมใช้จิตควบคุมร่างกายทุกอย่าง ผมรู้แม้กระทั่งถ้าเราคิดแบบไหนแล้วจะไม่ป่วย ไม่ได้เรียกว่าสะกดจิตตัวเองนะแต่เรียกว่าใช้จิตที่เข้มแข็งของเราควบคุม ต้องไปอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วจะรู้”

เผยครั้งหนึ่งในชีวิต “เคยบูชาซาตาน” ด้วยการขายวิญญาณให้ซาตาน แลกกับให้ตัวเองโด่งดังและเล่นกีตาร์เก่ง
“ผมรู้เรื่องนี้เพราะดูหนังแล้วก็ไปอ่านหนังสือศึกษาข้อมูลต่อ ตอนขายวิญญาณให้ซาตานผมอายุแค่ 10 กว่าๆ ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ เรื่องขายวิญญาณให้ซาตานผมทำจริงๆ ผมก็บอกว่าขอให้ผมเล่นกีตาร์เก่งๆ และขอให้โด่งดังมีชื่อเสียง แล้วก็เอาวิญญาณแลกกับผม ซึ่งผมก็เล่นกีตาร์เก่งและก็ดังจริงๆ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของความเชื่ออย่างเดียวแต่มันเป็นเรื่องจริง แต่อย่างแรกต้องมีความศรัทธาก่อนทำอะไรต้องมีศรัธาก่อน ศาสตร์ของคนมันต่างกัน ศาสตร์ของเณรคำก็ศาสตร์นึง ศาสตร์ของคนทรงเจ้าก็อีกศาสตร์นึง ศาสตร์ของดนตรีก็อีกศาสตร์นึง แต่ทุกวันนี้ผมไม่ได้ทำอะไรเกี่ยวกับซาตานแล้ว”

“ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกนี้มันเกิดขึ้นด้วยการกระทำของคน เช่น โค้ดต่างๆ ของ Da Vinci Code มันเป็นเรื่องจริงหมดนะ แม้กระทั่งการตามหาลูกของพระเจ้าก็เป็นเรื่องจริงหมด ทีวีช่องดิสคัฟเวอรี่เขาจะพูดถึงเรื่องพวกนี้เพราะฝรั่งเขาไปถึงโน่นแล้ว คนไทยยังไปไม่ถึง บางคนยังไม่เชื่อว่าพญานาคมีจริง พญานาคมีจริงล้านเปอร์เซ็นต์นะ เพราะถ้าพญานาคไม่มีจริงเขาจะเอาไปทำตามโบสถ์ทำไม พญาครุฑก็มีจริงสิ่งลี้ลับพวกนี้มีจริง อย่าง ฤาษี พ่อแก่ เทพ มนุษย์ต่างดาวก็มีจริง เขามีตั้งศูนย์วิจัยใหญ่ตีเงินลงทุนเป็นหมื่นล้านเพื่อจะค้นหาพวกนี้ ฝรั่งเขาบรรลุไปถึงขั้นโน้นแล้วเพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องเหลวไหล ถ้าใครจะคิดว่ามนุษย์ต่างดาวเรื่องเหลวไหลนี่ไม่จริง เพราะคนที่มาทำเป็นคนมีความรู้ทั้งนั้นเป็นพวกด็อกเตอร์ที่ร่ำเรียนมาสูงๆ ทั้งนั้น ไม่มีทางที่จะทำอะไรโง่ๆ หรอก อย่างเรื่องที่ผมใช้จิตกำหนดร่างกายก็เหมือนกันเขามีสถาบันที่รีเสิร์ชอย่างถูกต้อง”

ซึ่งนั่นคือเรื่องในสมัยที่เสกเล่นดนตรีแรกๆ แต่ ณ ปัจจุบันเจ้าตัวยืนยันไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับซาตานแล้ว และได้หันมาทำบุญไปช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก คนบ้านน้ำท่วม รวมไปถึงสัตว์เจ้าตัวก็ไปให้ความช่วยเหลือมาหมดแล้ว นอกจากนี้ยังเสกยังจัดคอนเสิร์ตหาเงินไปบริจาคให้ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ทั้งยังฝ่าดงระเบิดลงไปร้องเพลงให้กำลังใจเจ้าหน้าที่อาสาสมัครด้วยตนเอง เร็วๆ นี้จะมีโปรเจกต์เกี่ยวกับการทำบุญครั้งใหญ่ที่เป็นการทำธุรกิจด้วยและได้ทำบุญด้วย

สำหรับเรื่องราวการบูชาซาตาน เคยมีนักร้องเพลงใต้ดินซึ่งเป็นคนไทยถูกคนที่บูชาซาตานฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม คดีนี้เป็นคดีดังเมื่อต้นปีที่ผ่านมา หลัง “นายสามองค์ ไตรศรัทธา” นักร้องนำและมือเบส ฉายา “อเวจี” ของวงเซอร์เรนเดอร์ ออฟ ดิวินิตี้ วงร็อคแนวแบล็คเมทัล ที่โด่งดังทั้งในไทยและต่างประเทศ ถูก “นายปราการ หาญพันธุ์บุษกร” ที่อ้างตัวว่าเป็นคนบูชาซาตาน ใช้มีดปาดคอและกระหน่ำแทงกว่า 30 แผล นอนจมกองเลือดตายคาบ้านพัก ก่อนที่คนร้ายจะออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวอย่างเลือดเย็น โดยยอมรับว่าเป็นคนลงมือฆ่าเองเพราะตนตั้งใจจะฆ่าตัวตายตอนอายุ 25 ปีอยู่แล้ว ไหนๆ ก็จะตายแล้วก็ขอจัดการลากพวกที่นำแนวคิดของลัทธิซาตานไปแปดเปื้อนไปด้วยสักศพสองศพ ทั้งนี้เจ้าตัวยังได้บอกด้วยว่าซาตานเองก็เห็นชอบด้วยให้ทำเช่นนั้น แต่จะละเว้นไม่ฆ่าผู้หญิงและเด็ก อย่างน้อยจะได้ให้รู้ซะบ้างว่าองค์ซาตานไม่ใช่ของเล่นที่จะเอาไปลบหลู่พร่ำเพรื่อ ซึ่งคดีดังกล่าวได้สร้างความสะเทือนขวัญไปทั้งประเทศ

ในส่วนของประวัติซาตาน ซึ่งอ้างอิงจาก www.indepencil.com ระบุว่าในสมัยยุโรปยุคกลาง (ค.ศ.1100-ค.ศ.1500) ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้คนเชื่อเรื่องเกี่ยวกับปีศาจและพ่อมดหมอผีอย่างจริงจัง มีความเชื่อว่า ซาตาน คือเจ้าแห่งความตาย เป็นปีศาจชั่วร้ายผู้เป็นศัตรูของพระเจ้า แม้จะถูกขับไล่และสาปแช่งให้อยู่ในความมืดมิดแต่ก็ยังทรงอำนาจมาก ทั้งยังกุมชะตาชีวิตของผู้คนทั้งหมดเอาไว้ในกำมือ เมื่อเป็นดังนั้นแล้ว จึงมีคนจำนวนมากเลือกที่จะหันหลังให้พระเจ้า ขายวิญญาณให้ซาตาน ประกอบพิธีกรรมบูชาความตาย เพื่อร้องขอในสิ่งที่ตนเองปรารถนา พิธีกรรมต่างๆ ที่เป็นการบูชาภูตผีและซาตาน เป็นส่วนหนึ่งของลัทธิไสยศาสตร์ดำ ซึ่งในยุคนั้นมีอยู่มากมายแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความเชื่อในแต่ละท้องที่ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ มันเป็นพิธีกรรมที่มีแต่ความทารุณโหดร้าย กระทำโดยหมอผีที่ขายวิญญาณให้ซาตาน โดยมากต้องมีการสังเวยเลือดหรือชีวิตของผู้บริสุทธิ์ การสวดมนต์บูชาความตาย และจุดเทียนไขแห่งความมืดมิด

ไม่มีใครทราบรายละเอียดทางประวัติศาสตร์แน่ชัดว่าในช่วงแรกนั้นพิธีการเหล่านี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรและชัดเจนที่สุดเป็นเพียงคำอธิบายที่ปรากฏอยู่ในหนังสือนิยายอมตะเรื่อง “ลาบาส” เพียงไม่กี่บรรทัดเท่านั้น โดยอธิบายถึงพิธีเซ่นสังเวยซาตานในฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1594 ว่า “หมอผีสวมเสื้อคลุมยาวสีดำ มีเครื่องหมายซาตานติดที่หน้าอก มีหญิงสาวสองคนเป็นผู้ช่วย เครื่องเซ่นคือเหล้าองุ่นและขนมปัง มีการจุดเทียนไขสีดำ” เทียนไขสีดำหรือเทียนแห่งความมืดมิดนั้นทำมาจากไขของมนุษย์หรือคนตาย นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบอื่นๆ เช่น กะโหลกมนุษย์ เด็กทารก และหญิงสาวพรหมจารี เป็นต้น

พิธีเซ่นสังเวยซาตานครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ เกิดขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศส เมื่อปี ค.ศ.1673 ถือเป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่ยากจะลืมได้ โดยมาดามเดอ มองเตซแปง ผู้เป็นเจ้าจอมคนหนึ่งของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส พระนางเป็นผู้มีความทะเยอทะยานสูงมาก และคิดอยากให้พระเจ้าหลุยส์มอบความรักให้แก่นางมากกว่าเจ้าจอมคนอื่น ๆ รวมถึงพระราชินี พระนางจึงพยายามปรุงแต่งรูปโฉม ทั้งกิริยาวาจาให้งามพร้อมไปทุกกระเบียด แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จแต่อย่างใด จนกระทั่งวันหนึ่งคนสนิทของพระนางได้แนะนำแนวทางแก้ไขโดยการทำพิธีเซ่นสังเวยซาตาน เพื่อขอพรให้ช่วยเหลือในเรื่องการทำเสน่ห์ มีหมอผีชื่อแอ็บเบ กิบเบิร์ก เป็นผู้ดำเนินพิธีกรรมดังกล่าว วิธีการในพิธี ทำโดยให้หญิงสาวสองคนสวมหน้ากากและเปลือยกายนอนอยู่บนแท่นบูชา มีถาดวางเหล้าองุ่นและขนมปังแผ่นกลมไว้บนหน้าท้องของทั้งสองนาง มีข่าวลือว่าหญิงสาวคนหนึ่งนั้นคือตัวมาดามเดอ มองเตซแปงเอง แต่นักค้นคว้าประวัติศาสตร์เชื่อว่าน่าจะเป็นหญิงรับใช้มากกว่า

แต่สิ่งที่โหดร้ายสำหรับพิธีการนี้คือการเซ่นสังเวยโลหิตของเด็กหญิง โดยใช้มีดคมกรีบปาดคอเด็กให้เลือดไหลลงไปในถ้วยเหล้าองุ่น ในขณะที่หมอผีท่องบทสวดถึงซาตาน อ้อนวอนให้เจ้าแห่งความตายมารับเครื่องเซ่นและคำขอร้องจากตน เพื่อให้พระเจ้าหลุยส์ทรงเปลี่ยนพระทัยมาหลงรักมาดามเดอ มองเตซแปง ผลปรากฏว่าพิธีการเซ่นซาตานด้วยเลือดสด ๆ ของเด็กที่ถูกฆ่าตายต่อหน้านี้ไม่มีผลต่อพระเจ้าหลุยส์แต่อย่างใด ตรงกันข้ามพระองค์ยิ่งดูเกลียดชังมาดามเดอ มองเตซแปง มากยิ่งขึ้น

ที่มา : นสพ. Super บันเทิง ฉบับวันที่ 1-15 พฤจิกายน 2557


กำลังโหลดความคิดเห็น