“จา พนม” ร่ำไห้ เปิดใจจะไปร่วมงานศพพ่อแน่นอน ไม่เชื่อพ่อไม่ให้กลับไปเผาผี เพราะผูกพันกับพ่อมาก รู้ดีว่าพ่อคิดอย่างไร พ่อเป็นคนสอนมวย สอนให้ขี่ช้าง เผยพ่อกับตนมีความฝันร่วมกันสร้างมูลนิธิช้าง ซึ่งตอนนี้ดำเนินการไปแล้วแต่หยุดชั่วคราวเพราะหมดเงิน ตั้งใจสานต่อเจตนารมณ์พ่อให้สำเร็จ
ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า “จา พนม ยีรัมย์” จะกลับไปเคารพศพคุณพ่อ “ทองดี ยีรัมย์” วันไหน ท่ามกลางกระแสข่าวว่า พ่อสั่งเสียไม่ให้จาไปเผาผีพ่อ เมื่อวานนี้ “วรรณา สุรวิทยานนท์” แม่ยายของจา ก็ออกมายืนยันแล้วว่า ยังไงจาก็ต้องกลับบ้านไปงานศพพ่อแน่นอน แต่ตอนนี้ติดภารกิจถ่ายหนังต่างประเทศ ล่าสุดจาก็ได้เปิดใจกับ บันเทิงผู้จัดการออนไลน์ทั้งน้ำตา ยืนยันจะไปงานศพพ่อแน่นอน และไม่เชื่อเรื่องที่พ่อบอกว่าห้ามจามาร่วมงานศพ เพราะตนผูกพันธ์กับพ่อมาก และรู้ดีว่าพ่อคิดอย่างไร พ่อเป็นคนสอนมวย สอนให้ขี่ช้าง และพ่อยังมีความฝันอยากจะสร้างมูลนิธิช้าง ซึ่งตนก็ได้ดำเนินการไปแล้วบางส่วนแต่ได้หยุดไว้ก่อนเพราะเงินหมด รวมไปถึงเรื่องโกอินเตอร์เล่นหนังฮอลลีวูดส์ ก็เป็นความฝันเป็นเจตนารมณ์ของพ่อที่อยากให้ตนก้าวไปถึงจุดนั้น และทุกวันนี้ตนก็กำลังทำในสิ่งที่พ่อฝัน มีเพียงตนและพ่อเท่านั้นที่รู้กันดี
“ผมทราบเรื่องพ่อขณะกำลังถ่ายหนัง ทีมงานมาบอกอยู่ในช่วงทำงานอยู่ก็เลยช็อก ผมก็ไม่อยากคุยอะไรมากก็อยากไว้อาลัยคุณพ่อ มีแต่สิ่งที่ดีๆ นึกถึงคุณพ่อสิ่งที่พ่อได้สอนได้ให้วิชากับผม ผมก็เก็บความทรงจำไว้ตลอด ตอนนี้พึ่งลางานได้และจะกลับไปเร็วๆ นี้ ตอนนี้ก็ตั้งสติให้ดีก่อน เรื่องมันเกิดขึ้นเร็วจนตั้งรับไม่ทันเหมือนกัน”
“ผมไม่เชื่อว่าออกข่าวมาไม่ต้องการให้ผมไปที่บ้าน ผมกับพ่อมีความผูกพันกันมาก ผมรู้ดีว่าพ่อต้องการอะไร พ่อสอน พ่อให้กำลังใจ พ่อสอนผม ตอนนี้ผมก็ทำสมาธิและทำบุญให้คุณพ่อ ทำบุญและภาวนาและส่งให้คุณพ่อ นึกถึงพ่อเก็บความทรงจำดีๆ นึกถึงสิ่งที่ดีๆ ที่มีพระคุณ ผมยกพ่อเหนือหิ้งไม่เคยเอาลงมา พ่ออยู่ในใจผมเสมอ”
“ตอนนี้กระแสเป็นยังไงผมไม่สนใจ สิ่งที่ผมทำตอนนี้คือผมทำเพื่อพ่อ เจตนารมณ์ที่พ่อได้ให้กับผมที่พ่อได้ให้ไว้ ผมจะทำเรื่องที่เกี่ยวกับช้าง(ร้องไห้โฮเสียงดัง) บรรพบุรุษช้าง สิ่งที่ฝันไว้ พ่อบอกลูกต้องดึงพลังจากจักรวาล ต้องไปเล่นหนังต่างประเทศ ลำพังลูกคนเดียวทำไม่ได้ ลูกจะต้องตั้งบรรพบุรุษช้าง พ่อเขาฝันอยากทำมูลนิธิช้าง ตอนนี้ผมก็สร้างเป็นศาลาเอราวัณสร้างไปแล้วแต่ไม่ได้สร้างต่อเพราะผมไม่มีเงิน คือมันไม่มีสิ่งไหนที่จะช่วยช้างได้แต่โปรเจ็กท์นี้จะช่วยช้างได้ ผมกลับไปบ้านทุกปีผมจะกลับไปให้อาหารช้าง แต่ผมไม่ได้ไปเพราะสิ่งที่มันเกิดขึ้น แต่สิ่งนี้ไม่เคยลืมมันอยู่ในใจผมตลอด นี่คือเจตนารมณ์ของพ่อและเจตนารมณ์ของผม”
“ผมรู้ว่าพ่ออยู่ในใจผมอยู่ในใจผมตลอด เจตนารมณ์ของพ่ออยู่ในใจผมตลอด พ่อเข้าใจลูก ผมเข้าใจพ่อ พ่อก็เข้าใจมันลึกซึ้ง ใครบอกไม่ให้กลับ ไม่เชื่อ ผมอยู่กับพ่อตั้งแต่เด็ก พ่อสอนผมขี่ช้าง พ่อสอนมวยให้ผม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ผมเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องออกมาดีแน่นอน”
“ตอนนี้ผมกำลังจะเดินทางกลับบ้าน ส่งบุญให้กับพ่อ ผมไม่มีความรู้สึกโกรธใคร มีแต่ความเชื่อมั่นทำในสิ่งที่พ่อต้องการแค่นั้น ไม่มีใครมาขวางกั้นในเจตนารมณ์ของพ่อจะต้องเดินทางไปข้างหน้า ผมจะต้องทำให้สำเร็จ มันเป็นสัญญาที่เราสองคนมีให้กัน”
