xs
xsm
sm
md
lg

สายใยแห่งความผูกพัน "จา - พันนา" หรือจะเป็นเพราะความกตัญญู?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เนื่องด้วยมีการวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบเกี่ยวกับผมเเละคุณพันนาในเฟสบุ๊คเพจของผม ปกติเเล้วผมจะไม่ตอบหรือโต้เถียงกับท่านที่มีความเห็นต่างเพราะเข้าใจว่าบางท่านก็ไม่มีข้อมูลครบ

เเต่มันทำให้ผมรู้สึกเเย่เพราะใน ช่วงเวลาที่เราควรระลึกถึงความสูญเสียเพื่อนของเราไปนี้ กลับมีผู้พยายามที่จะบิดเบือนเรื่องราวไปในทิศทางต่างๆ ซึ่งมันอาจเป็นเรื่องง่ายที่จะวิพากษ์วิจารณ์ หรือตัดสินอะไร

แต่ที่จริงแล้วในช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้าและเสียใจที่เราได้สูญเสียคุณพันนานี้ เราไม่ควรที่จะนำพาเรื่องนี้ไปสู่ประเด็นการถกเถียง หรือโต้เถียงใดๆ โดยไม่เคารพคุณพันนา ซึ่งผมจะไม่ยอมให้สิ่งต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้น ตัวผมเองมีความสัมพันธ์ที่ยาวนาน และใกล้ชิดกับคุณพันนา และจะระลึกถึงสิ่งดีๆเหล่านี้ตลอดไป

จาพนม (Tony Jaa Official-24 กรกฎาคม 2557)

...
ต้องบอกว่าถูกโจมตีอย่างหนักทีเดียวสำหรับซูเปอร์สตาร์แอ็กชัน "จา พนม ยีรัมย์" นับตั้งแต่ข่าวคราวการเสียชีวิตของ "พันนา ฤทธิไกร" อดีตนักแสดงคิวบู๊คนดังของไทยเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา

โดยเฉพาะการตั้งคำถามถึง "กตัญญู" ของเขาหลังหลายคนรู้สึกว่าสิ่งที่ทำด้วยการโพสต์เพียงข้อความผ่านเฟซบุ๊กอาลัยต่อการจากของผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทั้งครูและผู้มีพระคุณคนหนึ่งของเจ้าตัวนั้นมันเป็นอะไรที่น้อยไปหรือไม่?

ย้อนกลับไปในอดีตถึงความมผูกพันของทั้งคู่นั้นจะว่าไปแล้วหาได้เป็นเพียงแค่ในฐานะครู-ศิษย์เท่านั้น หากแต่ครูสอนคิวบู๊คนดังยังเปรียบได้กับ "พ่อ" อีกคนของจาเลยก็ว่าได้

ก่อนจะสร้างความฝันที่เป็นจริงร่วมกันจากหนังเรื่อง "องค์บาก" ทั้งสองมีโอกาสเจอะเจอกันมาก่อนหน้านั้นในช่วงระหว่างที่พันนากำลังทำหนังเรื่องปีนเกลียวภาค 1 โดยในตอนนั้นพระเอกยอดนักบู๊ของไทยในปัจจุบันมีอายุได้เพียง 14 เท่านั้น

โดยเรื่องนี้ครูสตั๊นท์คนดังได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า..."ตอนนั้นจาเรียนจบ ม.3 เขาเข้ามาหาผมที่ขอนแก่น เขาเข้ามาคงเหมือนผมไปหาพี่คมน์ แต่เขายังเด็กเกินไปอายุแค่ 14 ปี ก็เลยบอกให้เรียนต่อ ให้จบ ม.6 ก่อน แต่ว่าพี่จะรับไว้ คือให้มาเสาร์-อาทิตย์ นั่งรถจากสุรินทร์-มาขอนแก่น มาซ้อม มาอยู่ที่กองถ่ายบ้าง แล้วพอปิดเทอม เขาจะมาอยู่กับผมตลอดเลย อยู่กับพี่ๆ สตั๊นท์"

"ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจเขาเท่าไหร่นะ แต่ที่ต้องรับก็เพราะเขามีความมุ่งมั่นมาก มุ่งมั่นแบบจะไม่ทำอะไรเลยถ้าไม่รับเขา...บอกอะไรเขาก็เชื่อ เพราะเขารู้ว่าเรารักเขา จนกระทั่งเขาจบ ม.6 ผมก็เลยบอกว่าให้ไปเรียนที่วิทยาลัยพละมหาสารคาม เพราะพี่เรียนที่นั่น แล้วพี่ได้ทฤษฎีจริงที่นั้น ได้ความรู้จริงว่า ศิลปะการต่อสู้เป็นไง ยิมนาสติกทำอย่างไร เขาก็เชื่ออีกมาเรียนที่นี่อีก (หัวเราะ)"

"แล้วตอนที่ จา จบวิทยาลัยพละ เขามาหาผม ผมนี่หนังแทบจะหยุดทำอยู่แล้ว แต่เขากลับอยากทำหนัง อยากเล่นแล้ว จะให้ผมเป็นคนฝึกจริงนะที่นี้...เขาทำทุกอย่างที่ผมบอกมาตลอด คราวนี้เขาทวงสัญญาคืนบ้าง..." (บทสัมภาษณ์พิเศษ "ทำฉากเสี่ยงอันตรายเป็นฉากปลอดภัยที่สุด" พันนา ฤทธิไกร จาก http://www.oknation.net/blog/print.php?id=483)

แม้ภาพของความสัมพันของทั้งสองที่ออกมาในช่วงระหว่างที่ยอดนักบู๊คนดังของไทยตัดสินใจที่จะออกไปมองหาประสบการณ์ใหม่ด้วยตนเองจะดูไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่ความเคารพอีกฝ่ายในฐานะของ "ครู" ของ "พ่อ" นั้นหาได้จะจืดจางลงไปแต่อย่างใด เรื่องนี้คนใกล้ตัวจาต่างรู้ดี

นับตั้งแต่ที่อีกฝ่ายป่วยก่อนจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับใครจะรู้บ้างว่าหนึ่งคนที่เศร้าเสียใจไม่แพ้ใครก็คือตัวของจาเอง

หลายคนเสพเรื่องราวผ่านพาดหัวข่าวในท่วงทำนอง...'พันนา' ป่วยโรคตับ คาด 'จา-พนม' ทราบเรื่องแต่คงไม่ว่างมาเยี่ยม...ไร้เงาศิษย์รัก “จาพนม“ ร่วมรดน้ำศพ “พันนา ฤทธิไกร“...ก็รีบตัดสินจะถึงระดับความ "กตัญญู" ของเขาทันที ทั้งๆ ที่ใครที่รู้จักผู้ชายคนนี้ก็จะรู้เว่าเขาศรัทธาและนับถือในเรื่องของ "บุญคุณ" เหนืออื่นใด

เรื่องกตัญญูสำคัญแค่ไหนสำหรับคนไทยทำไมจาเองจะไม่รู้

คำถามที่น่าสนใจก็คือนับตั้งแต่ช่วงที่ครูสตั๊นท์คนดังป่วยหนักกระทั่งเสียชีวิต ถึงวันนี้ทำไมจาจึงเลือกที่จะไม่มาปรากฏตัว ทั้งๆ ที่รู้ว่าตนเองจะต้องถูกกระแสค่อนแคะนินทาวิพากษ์วิจารณ์ด่าทอโจมตีมากมายขนาดไหน?

ใช่เป็นเพราะน้ำใจที่หยิบยื่นให้แต่กลับถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยในก่อนหน้านั้น, เป็นเพราะกลุ่มคนบางกลุ่มที่มองเห็นเรื่องของผลประโยชน์มากกว่าความรักความผูกพันของคนสองที่มีให้กันและกันมานานคอยชักโยง ยุแหย่ - กีดกันอยู่เบื้องหลัง

หรือจะเป็นเพราะความกตัญญูต่างหากล่ะที่ทำให้เขาไม่สามารถกลับมาเคารพศพคนที่เป็นทั้งครูและพ่อของเขาได้เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าหากเขามาแล้วจะเกิดอะไรขึ็ฯ?๊๋เป็นการไม่ให้เกียรติต่อผู้จากไปที่เขาแสนเคารพรักคนนี้...
กำลังโหลดความคิดเห็น