“เจนี่ จะอยู่เฉยๆ เพราะเจนี่ว่าเราก็มีดีพอ เรามั่นใจตัวเองตรงนี้ ถ้าคุณไม่ซื่อสัตย์มันก็เกิดผลกับตัวคุณเอง แล้วอย่ามาเสียใจภายหลัง
ชีวิตคู่เนี่ย ถ้าคุณไม่ซื่อสัตย์กับตัวเองก่อน คุณก็ไม่สามารถที่จะไปซื่อสัตย์กับคู่ของคุณได้ มันคือการมีวินัยกับตัวเอง ถ้าเกิดคุณไม่สามารถมีวินัยกับตัวเองได้ คุณจะไปทำอย่างอื่นได้ยังไง อย่าว่าแต่เรื่องคู่เลย ทั้งการทำงาน ทั้งอีกหลายๆ เรื่อง ถ้าไม่มีวินัยมันก็ไม่ประสบความสำเร็จ คือแค่เรื่องชีวิตคู่คุณยังมีวินัยไม่ได้ แล้วจะทำอย่างอื่นสำเร็จได้อย่างไร เหมือนชีวิตคู่ของทุกคนแหละค่ะ ถ้าคุณไม่ซื่อสัตย์กับตัวเองก่อน ก็อย่าไปคิดว่าจะซื่อสัตย์กับคู่ตัวเองได้ อย่างเจนี่ทำงานเยอะ ก็ไม่มีเวลามานั่งเฝ้าพี่เอ๋ 24 ชั่วโมง แล้วเจนี่ก็โตแล้ว การที่จะมานั่งจุกจิกเรื่องพวกนี้มันก็ไม่ใช่วิสัยของเจนี่ด้วย เพราะเจนี่มั่นใจว่ามีดีพอ ถ้าคุณไม่รักเจนี่ ไม่ซื่อสัตย์กับเจนี่ สิ่งที่ไม่ดีจะอยู่ที่ตัวคุณเอง”
“เจนี่ อัศวเหม” ให้สัมภาษณ์ถึงสามี “ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม” ในพาดหัว “My Husband Comes Before - เรื่องสามีต้องมาก่อน” ในนิตยสาร Mars ฉบับล่าสุด ซึ่งเป็นการเปิดใจก่อนหน้าที่จะ “ตกเป็นข่าว” ว่าสถานภาพความเป็น “มาดาม” ของเธอนั้นเริ่มคลอนแคลน
บ้างก็ว่ามีมูลเหตุมาจากมือที่สามของฝ่ายชาย
บ้างก็ว่าปัญหาเกิดจากฝ่ายหญิง ที่กลับไปรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับคนรักเก่า
บ้างก็ว่ามีเรื่องมีราวถึงขนาดลงไม้ลงมือ จนเธอต้องลี้ภัยไปรักษาตัวที่เมืองนอก
และอีกสารพัดข่าวคราวที่ตามออกมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลาเกือบเดือนที่ผ่านมา นับเป็นการก้าวย่างเข้าสู่ขวบปีแรกของชีวิตสมรสที่กำลังจะครบรอบในเดือนหน้านี้แบบง่อนแง่นเต็มที ระหว่าง “อยู่” หรือ “ไป” ที่ยังไม่มีใครสามารถชี้ชัดลงไปได้
ทั้งนี้นับเนื่องตั้งแต่เริ่มมีข่าวคราวออกมา ตัวละครแวดล้อม ต่างก็ทยอยกันออกมาพูดกันคนละนิดคนละหน่อย แล้วให้คนกลับไปตีความกันต่อเอง ตามวิจารณญาณของแต่ละบุคคล
ในขณะที่เจนี่ เลือกที่จะใช้ยุทธวิธี “นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว” อย่างชาญฉลาดมาโดยตลอด ไม่มีคำสัมภาษณ์ไหนแพร่งพรายออกจากปาก ไม่ย่างกรายออกปรากฏตัวตามสื่อใดๆ แม้กระทั่งงานเปิดตัวธุรกิจของเพื่อนๆ ร่วม “แก๊งนางฟ้า” ก็ยังไร้เงาของเธอไปร่วมงาน มีเพียงเพื่อนๆ ในแก๊ง ที่ออกมาพูดถึงกรณีที่เป็นข่าว
"เขาเองเป็นคนที่มีกำลังใจดี เขาเข้มแข็งต้องผ่านไปได้ เจนี่เองก็ห่วงเพื่อนตลอด เราโตๆกันแล้ว คุยกันแต่เรื่องงานไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราก็พร้อมเป็นเพื่อนกัน ส่วนเรื่องทำร้ายร่างกาย เรื่องนี้ต้องให้เจนี่มาตอบเอง เราไม่เคยเห็นรอยช้ำ แต่ถ้ามีรอยช้ำ ก็เพราะเล่นกีฬา ทุกเรื่องไม่มีใครรู้ดีเท่าเจ้าตัว ส่วนเรื่องที่บอกว่าย้ายไปอยู่บ้านแม่นั้น พวกเราก็ไม่ทราบเพราะยังไม่เจอหน้า เอาเป็นว่าตอนนี้เจนี่ทำงานมีความสุขดี สวยขึ้นทุกวัน ยังเป็นเพื่อนรักกันเสมอ”
เรียกว่าเจนี่เก็บตัวเงียบ เป็นไปได้มั้ย ? ว่ากำลังรอเวลาอะไรสักอย่าง อาจจะรอ....ความชัดเจน แล้วพูดทีเดียวจบ
รึเปล่า !?
ก่อนหน้านั้น เมื่อครั้งที่เพิ่งประกาศตัวเป็นคู่สามี-ภรรยา “ข้าวใหม่ปลามัน” เจนี่เคยพูดถึงชนม์สวัสดิ์ ในบทสัมภาษณ์นิตยสารฉบับหนึ่งว่า
”รู้จักกันมานานเป็นสิบๆ ปีแล้วค่ะ แต่ว่าเขา พูดจริงๆ พี่เอ๋เป็นคนที่ เป็นคนสุดท้ายในโลกที่ที่เจนี่จะมอง อันนี้พูดจริงๆ ตามความรู้สึก เพราะด้วยความเป็นพี่เอ๋-ชนม์สวัสดิ์ คนจะมองว่าพี่เอ๋ดุหรือเปล่า จะเจ้าชู้มั้ย คนจะมองในแง่ลบมากกว่าแง่บวก ซึ่งก็เป็นปกติ เจนี่ก็มองเขาอย่างนั้น เพราะเจนี่เป็นคนหนึ่งที่เห็นตามข่าว มันเป็นอิมเมจของพี่เอ๋ ที่พี่เอ๋ไม่เคยออกมาพูด ไม่เคยออกมาบอกว่าเขาเป็นคนแบบนี้ จนครั้งแรกที่เจนี่ได้คุยกับพี่เอ๋ เจนี่ถึงรู้ว่ามันไม่ใช่....
แล้วพอคุยกันตอนนั้นปุ๊บ เจนี่พยายามถอยห่าง พยายามที่จะไม่คุยแล้ว เพราะเรารู้สึกว่าหนึ่ง...เรากลัว สอง...ไม่ใช่ สาม...คนรอบข้างเราจะต้องพูดคำเดียวเลยว่า “NO” เจนี่พยายามที่จะถอย แต่เชื่อมั้ยคะว่า พอยิ่งถอยก็ยิ่งเจ็บ ยิ่งถอยยิ่งรู้สึกว่าเราเฮิร์ตเองนะ เจนี่รู้สึกว่าตัวเองเจ็บปวดที่จะไม่คุยกับเขา.....บางครั้งความรักมันไม่มีเหตุและผลจริงๆ ว่าทำไมเราถึงรู้สึกอย่างนี้ ทำไมเราถึงรู้สึกอย่างนั้น แต่ว่าใจหนึ่งเจนี่ก็เชื่อในความสุขของตัวเอง ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เรามีความสุข เจนี่จะเชื่อในหัวใจตัวเอง และจะทำตามหัวใจตัวเอง”
ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่ยังไม่ถึงปีดี ข่าวคราวเตียงหัก-รักร้าวของทั้งคู่จะประเดประดัง จนกลายมาเป็นกระแสสังคม ที่คนนำมาพูดกันชนิดปากต่อปากได้มากมายขนาดนี้ และนับวันก็จะยิ่งโหมกระพือลือสนั่นมากยิ่งขึ้น ตราบเท่าที่ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ ออกจากปากของเจนี่
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม เค้ามูลความจริง เริ่มมีแววว่าจะชัดเจนมากขึ้น เมื่อล่าสุดเจนี่ได้มีการเปิด
ไอจีใหม่ @janienineeleven ทดแทนไอจีเดิม @ja_asavaham ที่ไม่มีความเคลื่อนไหวมานานกว่า 2 สัปดาห์แล้ว ซึ่งพียงช่วงเวลาไม่ถึง 24 ชม. ก็มีคนเข้าไปตามฟอลโลไอจีใหม่ของเธอเป็นหลักแสน
และเพราะเป็นเจนี่ ที่ขยับตัวอะไรก็เป็นข่าว กระทั่งชื่อไอจีใหม่ หลายคนก็ตีความกันไปต่างๆ นานา โดยเฉพาะตัวเลข nineeleven (911) อาจจะตีความถึงหมายเลขเโทรศัพท์ “ฉุกเฉิน” หรือเหตุการณ์ “วิกฤต” จากวินาศกรรม 11 กันยายน 2544 ซึ่งทำให้คนเข้าใจว่าเธอต้องการจะบ่งบอกว่าชีวิตของเธอในช่วงนี้ กำลังอยู่ในช่วงวิกฤตรึเปล่า ? ทั้งที่ความจริงแล้ว 911 อาจจะหมายถึงแค่วันเกิดของเธอ ( เดือน 9 วันที่ 11) เท่านั้น
และการที่เจนี่เลือกใช้วันเกิด (911) มาเป็นชื่อไอจีใหม่ @janienineeleven ก็อาจจะสะท้อนให้เห็นว่า เจนี่ต้องการจะกลับมาสู่ความเป็นตัวตนจริงๆ กลับมาใช้ชีวิตแบบที่เป็นตัวเองตามลำพัง โดยไม่มีคนอื่นมาเกี่ยวข้อง ซึ่งต่างจากสมัยตอนที่ใช้ไอจี @ja_asavaham ในครานั้น ที่เห็นได้ชัดว่ามีการพ่วงความสัมพันธ์กับชนม์สวัสดิ์ อัศวเหมอยู่ในชื่อด้วย
โดยที่เจนี่ได้ระบุข้อความเป็นภาษาอังกฤษในไอจีใหม่ว่า How you see your future is much important than what has happened the past แปลเป็นไทยว่า....วิธีการของคุณในการมองอนาคตนั้นสำคัญกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ขณะที่มีคนบันเทิงร่วมด้วยช่วยโปรโมตกันอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนซี้ต่างช่อง อย่าง อั้ม-พัชราภา , หญิง รฐา ,แทค ภรัณยู และที่ขาดไม่ได้ก็คือเพื่อนๆ ร่วม “แก๊งนางฟ้า” ของเธอนั่นเอง ซึ่งการที่เหล่าคนบันเทิง รวมถึงเพื่อนๆ ร่วม “แก๊งนางฟ้า” ของเธอ ช่วยกันผลักดันชื่อไอจีในครั้งนี้ นั่นก็หมายถึงทุกคนรับรู้เรื่องราว และ “ข้อเท็จจริง” เกี่ยวกับความเป็นไปในชีวิตของเธอด้วยดีมาโดยตลอด ที่สำคัญเป็นการบ่งบอกว่า....ทุกคนพร้อมจะอยู่เคียงข้าง และเป็นกำลังใจให้เธอผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้
ขณะที่เลือกใช้ภาพการถ่ายแฟชั่นให้กับนิตยสาร Mars เล่มล่าสุด มาเป็นภาพเบิกโรงไอจีใหม่ พร้อมคลิปเสียงเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “Begin Again” ที่ชื่อ “Lost Stars” ขับร้องโดย Keira Knightley นางเอกของเรื่อง ซึ่งรับบทเป็น “Greta” นักแต่งเพลงหน้าใหม่ที่มาตามหาความฝันในนครนิวยอร์ก แต่แล้วเมื่อแฟนหนุ่มของเธอ ซึ่งรับบทโดย Adam Levine นักร้องนำสุดเท่ของวง Maroon 5 ที่มาด้วยกันได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงใหญ่ เขาก็นอกใจเธอ และมุ่งหน้าไปหาอนาคตที่ดีกว่า ทำให้เธอถึงกับต้องเก็บเสื้อผ้าออกจากอพาร์ตเม้นต์ จนมีโอกาสได้พบกับโปรดิวเซอร์ที่กำลังตกอับ เมื่อทั้งคู่ได้ทำความรู้จักกัน ก็ก่อให้เกิด....การเริ่มต้นครั้งใหม่.... อีกครั้ง
การที่เจนี่เลือกเพลง “Lost Stars” ที่ถ้าจะแปลเป็นภาษาไทยง่ายๆ ก็คือ “ดาวที่หลงทาง” มาใช้ในการเปิดไอจีใหม่ ก็สามารถตีความได้ว่า เจนี่อยากจะสื่อถึงความรู้สึกของเธอที่กำลังเคว้งคว้าง และหลงทาง ท่ามกลางมรสุมชีวิตที่กำลังถาโถม และรอวันที่จะกลับมาฉายแสงใหม่อีกครั้ง
แต่ที่มากไปกว่านั้น แน่นอนว่าทุกคนพุ่งเป้าไปที่คำว่า “Begin Again” ซึ่งปักใจเชื่อว่าเจนี่แฝงนัยซ่อนอยู่ในนั้น เพียงแต่จะเป็นนัยไหน?
ระหว่าง....กลับมารักกันเหมือนเดิม กับการกลับมาเริ่มต้นชีวิต (โสด) ใหม่อีกครั้ง !??
แต่ส่วนใหญ่งานนี้คนก็ปักใจเชื่อว่าเป็นอย่างหลัง ซึ่งก็ต้องตีความต่อไปอีกชั้นหนึ่งว่า เงื่อนงำแห่งนัยที่ซ่อนเร้นนั้น หมายถึงชีวิตใหม่ โดย “นิตินัย” หรือแค่ “พฤตินัย” ประเภท “แยกเตียง” แต่ “ทะเบียน” ยังอยู่รึเปล่า ?
ขณะเดียวกันกลับมีตัวละครตัวใหม่เข้ามาเสริมให้เรื่องราวครั้งนี้เข้มข้นขึ้น นั่นคือ “ทอม” ที่ชื่อ “จุ๊-กัลยดา โลหเจริญวนิช”\ ลูกสาวคนโตของกัมปนาท โลหเจริญวนิช เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ด.) และที่ปรึกษาทางด้านการเงินและหลักทรัพย์อีกมากมาย ปัจจุบัน อายุ 30 ต้นๆ เป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลินทวณิช ตัวแทนจำหน่ายกระเป๋ากล้อง Zkin และบริษัท มีทู สตูดิโอ ที่ดูแลการออกแบบภายใน ที่ลือว่าเป็นจุดหมายแห่งการ “เริ่มต้นใหม่” ของเจนี่
ย้อนกลับไปที่เจนี่ให้สัมภาษณ์ในนิตยสาร Mars เล่มล่าสุดนี้ เมื่อถูกถามถึงว่าในทางกลับกัน ถ้าเจนี่มีกิ๊กแล้วถูกจับได้ คิดว่าอีกฝ่ายจะทำอย่างไร
“เจนี่คงตายอ่ะค่ะ กิ๊กคนนั้นก็คงไม่มีชีวิตอยู่ เรื่องนี้ไม่ต้องคิดเลยค่ะ”
ณ วันนี้จึงรอแต่ความ “โปร่งใส” และชัดเจน จากปากคำของเธอ
.....เจนี่ 911 ....
