คุณดูหนังรักที่สุดแสนซาบซึ้งประทับใจเรื่องสุดท้ายเมื่อไหร่ นี่คือหนังรักเรื่องใหม่ที่จะนำห้วงเวลาแบบนั้นกลับมาให้คุณอีกครั้งหนึ่ง...
เกริ่นกล่าวมาแบบนี้ คงเป็นที่ชัดเจนนะครับว่า The Fault in Our Stars หนังที่ได้รับการกล่าวขานด้วยความชื่นชมอย่างท่วมท้นที่ต่างประเทศนั้น จะมีทิศทางอารมณ์ประมาณไหน แน่นอนว่า ด้วยเนื้อหาที่บอกเล่ากล่าวถึงตัวละครซึ่งต้องเผชิญกับวันเวลาที่ถูกรุมเร้าด้วยโรคร้ายนั้น คือวัตถุดิบชั้นดีที่ถ้าทำได้ดีก็จะบิลท์คนดูไปสู่ความสุขซึ้งได้ไม่ยาก กระนั้นก็ดี นี่ไม่ได้เป็นการหยิบเอาทุกขเวทนาของผู้ป่วยมาหากิน หากแต่ใช้สอยมันในฐานะจุดเริ่มต้นของการพาคนดูไปสู่โลกทัศน์อันหลากหลาย ซึ่งสุดท้าย ไม่ใช่แค่เพียงความรื่นรมย์ในการรับชม เพราะความตระหนักชัดในเรื่องคุณค่าชีวิต ความหมายของวันเวลา หรือแม้กระทั่งว่าความอ่อนหวานและงดงามของความรัก ก็เป็นสิ่งที่สามารถตวงตักได้เต็มๆ จากผลงานชิ้นนี้
บรรยากาศโดยรวมอาจพาดเกี่ยวอยู่กับเคราะห์ร้ายที่มาในนามของโรคภัยไข้เจ็บ และมันชวนหดหู่เศร้าสร้อย แต่ด้วยสายตาตัวละคร และด้วยมุมมองของหนัง ที่เปี่ยมด้วยอารมณ์ขัน ก็ทำให้เราอยู่กับหนังด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเป็นระยะๆ ตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นับตั้งแต่วินาทีแห่งการปรากฏตัวขึ้นของตัวละครอย่าง “ออกัสตัส” เด็กหนุ่มที่เข้ามาเปลี่ยนแทบทุกอย่าง ไม่เว้นแม้กระทั่งโลกที่กำลังผุพังลงทุกทีของเฮเซล เด็กสาววัย 16 ซึ่งป่วยเป็นมะเร็ง
เหมือนอย่างที่เราจะรับรู้กันโดยทั่วไปว่า พอใครสักคนตกอยู่ในภาวะถูกโรคร้ายกัดกิน ชีวิตส่วนที่เหลือก็จะแหว่งวิ่นไปพร้อมๆ กัน เช่นเดียวกับชีวิตของเฮเซลที่แม้จะได้รับการดูแลและให้กำลังใจอย่างดีจากผู้เป็นพ่อแม่ แต่มันก็เป็นความเหี่ยวเฉาที่เด็กสาวอย่างเธอจะต้องใช้ชีวิตในแบบเดิมๆ ซ้ำซากทุกวี่วัน แม้แต่ความฝันเล็กๆ น้อยๆ ที่อยากจะได้ไปพบเจอกับนักเขียนในดวงใจและอยากถามอะไรเขาสักอย่างสองอย่าง ก็เป็นไปได้ยาก หนทางข้างหน้าของเธอ จึงดูเหมือนจะมีเพียงการเดินเข้าไปสู่ปากประตูแห่งความตายอย่างไร้ชีวิตชีวา กระทั่งเธอได้รับการกระตุ้นจากผู้เป็นมารดาให้เข้าชมรมบำบัด และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นดีๆ ที่นำพาเรื่องราวดีๆ มาสู่เธอ
The Fault in Our Stars มีองค์ประกอบทุกอย่างที่หนังรักดีๆ เรื่องหนึ่งจะพึงมี อันดับแรกก็คงจะพุ่งไปที่ตัวของนักแสดงนำฝ่ายชายที่เหมือนตัวเข้ามาเติมส่วนที่ขาดหายของเฮเซล ออกัสตัสเป็นตัวละครในแบบที่ผู้หญิงจะหลงรักได้ไม่ยาก รอยยิ้มและการมองโลกของเขาคือเสน่ห์อย่างยิ่งยวด ความไม่ยี่หระต่อความทุกข์ และแสวงหาโมงยามดำรงอยู่อย่างมีความสุขกับชีวิตเท่าที่จะเป็นไปได้ คือภาพที่จะติดอยู่ในความทรงจำของคนดู ขณะเฮเซลหมกตัวอยู่ในโลกแห่งความเศร้าและนิยายอมโศก ออกัสตัสก็นำการมองโลกแบบใหม่ๆ ไปให้เธอ เหมือนอย่างนิยายแอ็กชั่นซอมบี้ที่อาจจะดูเปิ่นเชยและเป็นผู้ชายมากๆ แต่มันก็ทำให้หญิงสาวก้าวออกไปจากโลกใบเดิมที่อึมครึมทึมเทา
กระนั้นก็ตาม ในความหมายของการเป็นคนที่รัก ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีส่วนในการเกื้อกูลกันและกัน ออกัสตัสนั้น แม้จะดูเหมือนคนที่ภาคภูมิและเข้มแข็ง แต่ก็ยังมีห้วงขณะที่อ่อนแอและเปราะบาง เขาคาดหวังนักหนาว่าเขาจะเป็นที่จดจำของโลก ก่อนจะเข้าอกเข้าใจในเวลาต่อมาว่าความปรารถนาเช่นนั้น เป็นความฟุ่มเฟือยของความฝัน เพราะลำพังแค่การได้เป็นคนสำคัญและอยู่ในความระลึกนึกถึงของใครแค่คนหนึ่งก็นับแล้วว่าเพียงพอ...
The Fault in Our Stars หรือในชื่อภาษาไทยว่า “ดาวบันดาล” เป็นผลงานที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายในชื่อเดียวกัน ของนักประพันธ์นามว่า “จอห์น กรีน” ซึ่งชื่อเรื่อง The Fault in Our Stars นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากคำพูดในบทละครของเชกสเปียร์เรื่องจูเลียส ซีซาร์ (องค์ 1, ฉาก 2) เมื่อคาซิอุส (แคชเซียส) กล่าวกับบรูตัสว่า 'The fault, dear Brutus, is not in our stars, / But in ourselves, that we are underlings.' ข้อความส่วนนี้ได้รับการถอดเป็นภาษาไทยโดยศิลปินแห่งชาติ “ทวีปวร” (ทวีป วรดิลก) ว่า "อันความผิดมิตรเอยเฉลยเอา ใช่ดวงดาวพราวเพราเจ้าบันดาล"
มันอาจจะไม่ชัดเจนนักในการที่จะเชื่อมโยงเนื้อหาของนิยายหรือหนังเข้ากับบทละครของเช็กสเปียร์อย่างตรงไปตรงมา กระนั้นก็ตาม ถ้าจะมีอะไรสักอย่างที่ผมรู้สึกว่าพอจะพาดเกี่ยวกันได้ก็คงในลักษณะของตัวละคร ออกัสตัสนั้นสามารถถูกมองในตำแหน่งของ “คาซิอุส” หรือ “แคสเชียส” ได้ เพราะลักษณะนิสัยตลอดจนการมองโลกของเขานั้น ก็คงเหมือนกับที่ซีซาร์ตรัสถึงคาซิอุสด้วยถ้อยคำที่ว่า
“คนขลาด ตายหลายครั้ง ก่อนที่พวกเขาจะตายจริงๆ
แต่คนกล้า จะตายเพียงแค่ครั้งเดียว”
นั่นคือลักษณะอันเด็ดเดี่ยวที่เราจะพบเห็นได้ทั้งในตัวของคาซิอุสและออกัสตัส และเหนืออื่นใด ไม่ว่าจะเป็นออสกัสตัสหรือคาซิอุส ทั้งสองคนล้วนแล้วแต่มีซอกมุมที่อ่อนแอและเปราะบางซ่อนอยู่ภายใน โดยอาศัยความเข้มแข็งภายนอกและไม่ยอมจำนนเป็นกำแพงขวางพรางไว้
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร สุดท้ายแล้ว คงต้องยอมรับครับว่า ทุกๆ ตัวละครในหนังเรื่องนี้ผ่านการออกแบบและคิดมาแล้วอย่างมีมิติ มันส่งผลให้บรรยากาศทั้งหมดอบอวลไปด้วยมวลของความรักความห่วงใยและหนุนนำโลกภายในของกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ของเฮเซล หรือแม้แต่นักเขียนนิยายที่ใจมีรอยแผลคนนั้น ต่างสัมพันธ์เชื่อมโยง ขณะคนหนึ่งกำลังทรุดลง อีกคนก็เป็นพลังเสริม ขณะคนหนึ่งรู้สึกล้า อีกคนก็เข้ามาเป็นลมใต้ปีก
The Fault in Our Stars เป็นทั้งความอ่อนหวานและอ่อนไหว เป็นทั้งความสุขและความงามในโมงยามที่ทึมเทา และเป็นดั่ง “ดาวบันดาล” ที่ทอแสงส่องทางให้กับหัวใจทุกดวง ไม่ใช่เฉพาะแค่เฮเซลหรือออกัสตัส แต่ยังรวมถึงพวกเราทุกคน
ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
| เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |
