กาเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์ เคยทำหนังสัตว์ประหลาดเรื่อง Monsters (2010) ที่พ่อมดแห่งฮอลลีวูดอย่างสตีเว่น สปีลเบิร์ก เคยซูฮกด้วยถ้อยคำว่า นี่คือหนังสัตว์ประหลาดที่ดีที่สุดเท่าที่เคยสร้างกันมา! ชมกันขนาดนี้ ตัวของสปีลเบิร์กย่อมเห็นอะไรดีๆ ในหนังเรื่องดังกล่าวของเอ็ดเวิร์ดส์อย่างแน่นอน
ก็จริงล่ะที่ว่า สำหรับคนดูหนังจำนวนไม่น้อย หนังเรื่อง Monsters คือหนังที่ดูแล้วน่าอึดอัดอย่างถึงที่สุด อึดอัดเพราะตัวเรื่องที่มีเส้นเรื่องให้ติดตามเพียงบางๆ แทบจับต้องไม่ได้ และยิ่งถ้าไปคาดหวังกับอะไรที่แอ็กชั่นโครมครามเพียงเพราะเห็นชื่อมันว่ามีคำว่า “มอนสเตอร์” แล้วจะต้องมีการปะทะกันขนานใหญ่ ยิ่งจะผิดหวัง เพราะหนังเรื่อง Monsters เป็นหนังทุนน้อยที่เพียงหยิบเอาคำว่าสัตว์ประหลาดมาใช้สอยเพื่อเปรียบเทียบเปรียบเปรยและบอกเล่าเนื้อหาที่ผู้กำกับสนใจจะถ่ายทอดเท่านั้น
แน่นอนว่ามันต่างกันกับขณะนี้ที่เส้นทางการทำหนังของกาเร็ธ เอิดเวิร์ดส์ เปิดเต็มที่ เมื่อเขาได้เข้ามากำกับบิ๊กโปรเจคต์ที่มากด้วยตำนานความเป็นมาอันยาวนานอย่าง “ก๊อตซิลล่า” เมื่อทุนพร้อม เนื้อหามี ปฏิเสธไม่ได้ว่า เขาทำให้ก๊อตซิลล่าเวอร์ชั่นนี้ กลายเป็นหนังก๊อตซิลล่าที่น่าจดจำมากๆ อีกเวอร์ชั่นหนึ่ง
กระนั้นก็ดี สิ่งที่พึงระลึกไว้ก่อนไปดูก๊อตซิลล่าเวอร์ชั่นนี้ก็คือ ถึงแม้หนังจะมีฉากแอ็กชั่นการต่อสู้อยู่จำนวนหนึ่งและตอบสนองความบันเทิงแก่คนดูผู้ชมตามแบบฉบับหนังซัมเมอร์บล็อกบัสเตอร์ แต่สุดท้ายแล้ว นี่คืองานสร้างที่ยึดเอาตามแบบต้นฉบับเวอร์ชั่นแรกสุด คือเวอร์ชั่นปี 1954 ซึ่งเวอร์ชั่นนี้จะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างไปจากเวอร์ชั่นอื่นๆ ฉบับต่อๆ มาซึ่งจะให้ความสำคัญกับฉากการต่อสู้อย่างวินาศสันตะโร ตรงข้ามกับเวอร์ชั่นปี 1954 ที่ถูกยกให้เป็นตำนานเพราะองค์ประกอบด้านเนื้อเรื่อง บทภาพยนตร์ที่ให้ความสำคัญกับตัวละครและเรื่องราวเนื้อหา หนักแน่น มีพลัง
ผมไม่ขอไปแตะต้องตัวเนื้อเรื่องมาก แต่ผมรู้สึกชอบแทบทุกองค์ประกอบที่สร้างขึ้นเป็นงานชิ้นนี้ ไล่ตั้งแต่การปูที่มาของก๊อตซิลล่า ผ่านคำอธิบายเกี่ยวกับผลพวงของอาวุธนิวเคลียร์ หรือแม้กระทั่งการปรากฏตัวของสัตว์ประหลาดอย่าง “มูโต” หนังก็ปูเรื่องไว้อย่างมีเหตุมีผลว่าเพราะอะไรพวกมันถึงต้องมา ณ เวลานี้ ดูดีๆ นะครับ สิ่งที่หนังวางไว้ในตัวของมูโตนี่ มันคือเลิฟสตอรี่ดีๆ นี่เอง และบางที ถ้าเข้าใจพวกมันดีพอ อาจจะทำให้คุณหัวใจสลายได้เช่นกัน เมื่อถึงจุดวิกฤติที่สุดของพวกมัน
นอกจากนั้น เราจะสังเกตเห็นว่าหนังจำพวกที่พูดถึงหายนภัยรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการบุกรุกจากเอเลี่ยน สัตว์ประหลาด หรือภัยธรรมชาติอะไรก็ตามแต่ มักจะมีประเด็นที่เป็นความขัดแย้งหรือความสัมพันธ์ที่ขลุกขลักของตัวละครเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการเดินเรื่อง และสำหรับก๊อตซิลล่าภาคนี้ ผมว่าหนังทำออกมาได้น่าประทับไม่น้อยไปกว่าเรื่องอื่นๆ อย่างเช่นเรื่องพ่อลูก ที่คนเป็นพ่อจ่อมจมอยู่กับความหลังอันเจ็บปวดราวกับโซ่ตรวนที่มัดตรึง ส่วนลูกชายก็พยายามไม่ไปนึกถึงมันและรู้สึกแย่เสมอที่ถูกพ่อดึงกลับเข้าไปสู่วงโคจรของอดีตนั้น
แน่นอนว่า เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ผมว่าสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของงานชิ้นนี้ก็คือการที่มันไม่ได้เป็นเพียงแค่หนังแอ็กชั่นสัตว์ประหลาดพื้นๆ ทั่วไป หากแต่ยังมีความเข้มข้นในตัวบท ตัวละครมีมิติ พร้อมกับเรื่องราวที่สามารถสั่นสะเทือนความรู้สึกสะเทือนใจของเราได้ ไม่ว่าความดราม่านั้นจะมาจากทิศทางของตัวละครที่เป็นคนหรือตัวละครที่เป็นสัตว์ประหลาดก็ตามที
โดยส่วนตัว ผมยกให้ก๊อตซิลล่าเวอร์ชั่นนี้เป็นอีกหนึ่งผลงานที่น่าจดจำครับ มันดูสนุกและไม่กลวงเปล่า อย่างน้อยที่สุด การมองสัตว์ประหลาดในมิติอื่นๆ บ้าง ก็เป็นเรื่องที่หนังทำออกมาได้น่าประทับใจ ผมนึกไปถึงหนังเรื่องก่อนหน้าของกาเร็ธที่เพียงหยิบเอามอนสเตอร์มาเป็นเครื่องมือในการสื่อถึงอีกสิ่งหนึ่งซึ่งซ่อนซุกอยู่ในจิตใจของมนุษย์หรือในสังคม มันน่าสะพรึงยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดที่มาพร้อมกับขนาดและรูปลักษณ์แปลกประหลาดหลายเท่า ผมเคยคิดทบทวนบ่อยครั้งว่า เพราะอะไร ในเรื่อง Monsters เราแทบไม่ได้เห็นตัวมอนสเตอร์จริงๆ จังๆ เต็มตาสักที สรุปก็คือ มันเป็นไปได้ยากอยู่แล้วที่ใครต่อใครจะเผยโฉมสัตว์ประหลาดในใจของตนเองให้คนอื่นเห็นอย่างง่ายๆ
สุดท้าย ท้ายสุด สำหรับผม นี่คือหนังก๊อตซิลล่าที่ดูแล้วซึ้งมากที่สุดเวอร์ชั่นหนึ่งครับ