“บุ๋ม ปนัดดา” เธอฮอตตล๊อด ร้อนแรงทะลุองศาเดือด คบกับแฟนหนุ่มเทรนเนอร์ได้แค่ 3 เดือน ฝ่ายชายสวมแหวนคุกเข่าขอแต่งงาน เชิดๆ เริ่ดๆ ผู้ชายชอบมาแนวนี้ ขอใช้เวลาดูใจกันก่อนว่าฝ่ายชายยังจะมั่นคงไหม เผยแม่ฝ่ายชายชอบมากอยากให้หมั้นกันก่อน
ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอสำหรับ “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” ที่ผ่านมามีเรื่องให้เซอร์ไพรส์ตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือความรักบุ๋มไม่เคยตกพื้นที่ข่าว กับ “เอก เอกริน นิลเศรษฐี” แฟนหนุ่มนักเทรนเนอร์กล้ามโต ก็มีข่าวว่าฝ่ายชายกำลังจะแต่งงานกับแฟนสาวแต่พอมาเจอบุ๋มก็ล้มงานแต่งเลยจ้า ล่าสุดสดๆ ร้อนๆ พึ่งคบกันมาได้แค่ 3 เดือน บุ๋มประกาศลั่นกลางงานเปิดตัว นวัตกรรม Stemcell แบบพกพา ว่า ฝ่ายชายได้ขอแต่งงานเรียบร้อยแล้ว
“เหมือนตอนนี้เขาพยายามทำคะแนนให้มากที่สุด อย่างวันนี้เขาก็มาร่วมงานด้วย เขามาของมาเองเลยก็ดูแลเราให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้เพราะว่าช่วงนี้เขาว่างค่ะยังไม่ได้นัดลูกค้าเพิ่ม แต่เดือนหน้าก็จะหายไปอีกเดี๋ยวคนก็คงเมาท์กันว่าห่างกันอีกแล้วล่ะสิ (หัวเราะ) ก็ต้องใช้ระยะเวลาดูกันไปนานๆ แล้วกันว่าห่างแล้วจะเป็นยังไง เขาจะกลับมาหาเราหรือเปล่า คือเราก็กลัวไงส่วนใหญ่ผู้ชายมักจะเป็นแบบนี้แบบมีช่วงโปรโมชั่น พอถ้านานๆ ผ่านไปทำคะแนนไม่ดีก็บ๊ายบายดีไหม แต่ตอนนี้ยังไม่เรียกแฟนค่ะ”
เผย “บุ๋ม” ไปเจอกับครอบครัวฝ่ายชายมาแล้ว แต่ยังไม่ได้พาไปเจอกับครอบครัวตัวเอ
“ยังไม่ได้พาไปหาคุณพ่อกับคุณแม่ค่ะ แต่ถ้าพ่อแม่ของเขาก็พาไปเจอไปทานข้าว ที่บ้านเขาเองก็น่ารักค่ะน่ารักมากๆ น่ารักทั้งบ้านเลย แต่คุณแม่บุ๋มก็เจอแล้วแต่แว๊บๆ ยังไม่ให้เจอหรอกค่ะกลัวเขาขอแต่งงาน (หัวเราะ) เอาเข้าจริงๆ กลับกลายเป็นว่าตัวเราเองเริ่มเหมือนเจ้าสาวที่กลัวฝน ไม่รู้ทำไมแปลกนะทั้งๆ ที่ผ่านการแต่งงานมาแล้ว แต่พอพูดเรื่องแต่งงานจริงๆ มันขนลุก เขาก็มีเกริ่นๆ บ้าง เร็วไม่เร็วไม่รู้แต่ผู้ชายมาแนวนี้กันเยอะก็เลยรู้สึกว่า จริงไม่จริงไม่รู้ ก็คงต้องดูที่การกระทำแล้วกันต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองดีกว่า และตัวบุ๋มเองพอพูดมากๆ เข้าก็กลัว”
เผยตอนนี้ฝ่ายชายเคลียร์ปัญหาเรื่องแฟนเก่าทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว
“เขาเคลียร์ตัวเองเรียบร้อยแล้วค่ะแล้วก็เอาหลักฐานทุกอย่างให้เราดู และเราก็พอมีเส้นสายพอสมควรอย่ามารู้จักปนัดดาน้อยไปอย่ามาโกหกกัน ถามว่าหลังจากที่เคลียร์เจอปัญหาบ้างไหม มันก็เจอบ้างนะแต่แบบแปลกๆ อ่ะ แบบพยายามเสี้ยมแปลกๆ อะไรก็ไม่รู้ค่ะอย่างเช่นมีการส่งข้อความไปให้เขา วันนี้ผมเจอคุณบุ๋มไปเดินกับติ๊งโน้ต (ฐิติพงศ์ วโรกร) เขาก็มาบอกเรา เราก็บอกจะบ้าเหรอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร ตอนนี้ก็กำลังให้ตำรวจตามอยู่คือไม่ได้เกี่ยวกับความรักนะคะ แต่เพราะเขามีเจตนาทำความเสียหายให้กับบุ๋มเพราะบุ๋มถือว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่แฟร์”
และก็เป็นเพราะเคลียร์กับเรื่องเก่าๆ จบแล้วหรือเปล่า ทำให้มีข่าวว่าตอนนี้ทั้งคู่แลกแหวนเตรียมแต่งงานกันแล้ว งานนี้ “บุ๋ม” ยืนยันว่า เป็นแค่แหวนขอแต่งงานเท่านั้น
“อ๋อเขาให้มาค่ะบุ๋มยังไม่ได้แลกไปก็ยังรู้สึกผิดอยู่ค่ะก็ยังบอกเขาอยู่ว่าถ้าเป็นไปได้ให้เขาซื้อมาแล้วฉันให้ยังโอเคไม่มีเวลาไปซื้อให้หรอกค่ะ ที่เขาให้มันก็ไม่ได้มีโอกาสอะไรค่ะ คือเขาคุกเข่าขอแต่งงานค่ะ ก็ตื่นเต้นนะไม่รู้ว่าขบวนสุดท้ายหรือเปล่า ก็ตื่นเต้นนะเวลามีคนมาอะไรหวานๆ ใส่ มันก็เป็นความฝันของลูกผู้หญิง แต่เมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้นะขอดูจังหวะของชีวิตก่อนดีกว่า ก็ต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ไม่รู้ว่าเขาจะมั่นคงกับเราจริงหรือเปล่า วันนั้นเราก็อืม..พยักหน้า คือมันพูดอะไรไม่ถูกแต่เราก็ยังไม่โอเคนะเพราะถ้าโอเคเดี๋ยวเราโดน”
“ตอนนี้ก็ศึกษากันได้ 3 เดือนเองค่ะคือมันเร็วไปไงคะแต่คุณแม่เขากลับชอบ ต้องเข้าใจก่อนว่าพอเราเป็นบุคคลสาธารณะเรามีผลงานให้เขาติดตามมานานจนเขารู้สึกคุ้นเคยกับเรา แต่เราเพิ่งเจอเขาก็เลยเหมือนว่าต้องขอดูก่อนนะแต่เขาก็บอกหมั้นก่อนดีไหม คือตอนนี้พ่อบุ๋มเองก็ยังไม่รู้เรื่องคือบุ๋มยังไม่กล้าบอกพ่อไงกลัวพ่อ คือถ้าเขากล้าก็ไปคุยกับคุณพ่อเอง ถึงบอกไงว่าไม่กล้าให้เขาเจอกลัวเขาขอ เดี๋ยวพ่อจะปฏิเสธไม่ออกแล้วมันจะเลยตามเลย ก็เลยตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเลยว่าอย่าเจอเลย เขาก็น้อยใจค่ะแต่เรื่องอย่างนี้มันก็ต้องใช้เวลา อย่างบุ๋มเองตอนนี้ก็งานเยอะมากจะให้ไปกินข้าวดูหนังฟังเพลงศึกษากันมันยังน้อยอยู่เลยเพราะบุ๋มเองไม่ใช่สาวๆ แล้วที่เจอความรักแล้วต้องวิ่งเข้าใส่ก็ขอใช้เวลาดู”
โมโหเพื่อนมาถามลูก “แม่เธอเปลี่ยนแฟนใหม่เหรอ?”
“ก็ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนด้วยกันแมีแต่พาลูกไป คือสำหรับบุ๋มอันดาต้องมาอันดับหนึ่ง เพราะอีกไม่กี่วันก็จะพาเขาไปเที่ยวยูนิเวอร์แซล เพราะว่าเขาสอบได้ 3.97 ก็เลยจะพาไปเที่ยวเป็นของขวัญ เขาไม่ได้ไปด้วยค่ะ แต่สองคนนี้เขาก็เคยได้เจอกันบ้าง เขาก็ขอกับอันดาว่าจะขอเข้ามาดูแลคุณแม่นะจะเข้ามาปกป้องคุณแม่นะ น้องเขาก็อืมคือเขายังเด็กอ่ะ แต่ก็มีเพื่อนไปคุยกับเขานะว่าแม่เธอเปลี่ยนแฟนใหม่เหรอซึ่งมันก็แรงนะ คือคุณแม่คุณก็ไม่ควรเอาเรื่องอย่างนี้ไปให้ลูกรู้เปล่าคะ ต่อให้เป็นครอบครัวบุ๋มหรือครอบครัวใครก็ตามคือบุ๋มก็เข้าใจนะว่าบุ๋มเป็นบุคคลสาธารณะแต่เด็กก็ควรจะรู้เรื่องของเด็กก็พอแล้วมั้ง คือไม่ใช่ว่าบุ๋มปิดนะ บุ๋มก็ไม่ได้ปิดบังลูกนะแต่บุ๋มภูมิใจที่อันดาตอบเด็กคนนั้นกลับไปว่า นั่นเป็นเรื่องของผู้ใหญ่เด็กไม่เกี่ยวก็ถือว่าเราสอนลูกมาโอเคเข้มแข็งพอตัวกับสังคมบนโลกใบนี้”