“นุ ออแกไนเซอร์” ฉุน “ปอย” ไม่รับผิดชอบ อยู่ดีๆ ยกเลิกธุรกิจที่จะทำร่วมกันกะทันหันจนตนเสียหายมากกว่าครึ่งล้าน ซ้ำหนีหน้าไม่ยอมมาเคลียร์ปัญหา แต่ไม่คิดฟ้องร้อง บอกขอกันกินมากกว่านี้ ลั่นที่แฉเพราะรัก อยากสั่งสอนอีกฝ่ายให้รู้จักซื่อสัตย์และรักษาคำพูด
ยังระอุสำหรับศึกระหว่างออแกไนเซอร์ “นุ อนุสรณ์ จารุวัฒนานุกูล” ที่ออกมาแฉพฤติกรรมสาว “ปอย ตรีชฎา เพชรรัตน์” ผ่านสื่อว่าเนรคุณ ลืมกำพืด พร้อมสาปส่งไม่เผาผี ซึ่งทางฟากของปอยได้โต้กลับพร้อมยันคงเข้าใจผิดกัน ยืนยันไม่มีนิสัยแบบนั้น ยินดีไปเคลียร์กับอีกฝ่าย ล่าสุดออแกไนเซอร์คู่กรณีออกมาซัดอีกรอบ แฉปอยไม่รับผิดชอบอยู่ดีๆ ก็ยกเลิกธุรกิจที่จะทำร่วมกันจนตนเสียหายมากกว่าครึ่งล้าน ซ้ำหนีหน้าไม่ยอมมาเคลียร์ปัญหา แต่ไม่คิดฟ้องร้อง บอกขอกันกินมากกว่า ตอนนี้หมดความอดทนกับปอยแล้ว
“จริงๆ ไม่มีอะไรเลย แต่ที่เราออกมาพูดเพราะอยากจะสอนน้องมากกว่า น้องเขาโตแล้ว จะ 30 ปีแล้ว ยังอยู่ในวงการบันเทิงตรงนี้อยู่ก็ควรจะต้องปรับปรุงตัว เช่น เรื่องที่หนึ่งไม่ควรมางานสาย สองไม่ควรเบี้ยวงาน และเรื่องของการรักษาคำพูด เวลารับปากอะไรกับใครเขาไว้แล้วควรจะรักษาคำพูด อันนี้ถือว่าผมสอนน้องเขานะ ตัวผมไม่ได้มีอะไรหรอก น้องเขารู้ดีตั้งแต่ส่งเขาเข้าประกวดนางงามจนถึงวันนี้ เราจะสอนเขามากกว่า แต่ถ้าเขาดื้อเราก็จะตีนะ อันนี้คือพูดตรงๆ”
“แต่ครั้งนี้ที่ออกมาพูดเพราะมันยังโกหกเราอยู่เลย อย่างประเด็นครั้งนี้มันเป็นเรื่องของธุรกิจที่เราจะทำร่วมกัน แล้วอยู่ๆ เขาก็หายไป ถ้าน้องบอกก่อนว่าน้องไม่สะดวกใจที่จะทำก็จะไม่มีการออกมาพูดแบบวันนี้ ที่ไม่แฮปปี้กันมันก็อยู่ที่ตัวน้องทั้งนั้น แต่ทำไมพอมีปัญหาน้องไม่เข้ามาคุยเอง ทำไมปอยต้องไปผ่านคนนั่นคนนี้ ซึ่งจริงๆ ปอยมาอยู่มากินที่บ้านพี่นุมากี่ปีแล้วก็ไม่รู้ ไม่ใช่ว่าเราเพิ่งจะมารู้จักกัน เรารู้จักกันมาร่วม 10 ปีแล้ว ทำแบบนี้ไม่น่ารัก ขนาดเราสนิทยังทำกับเราขนาดนี้แล้วคนที่เขาไม่สนิทคิดดูว่าจะไปทำกับเขายังไง”
“ตอนน้องเขาทำธุรกิจอาหารเสริมของเขา เขาก็เข้ามาขอความช่วยเหลือ ขอคำแนะนำเราก็เข้าไปช่วยเขา ซึ่งในช่วงนั้นเราก็ได้คุยกันว่าถ้าเราทำเป็นของตัวเองบ้างล่ะ ก็คิดกันว่าจะทำโฟมล้างหน้าขายกันที่เซเว่นน้องโอเคไหม น้องก็บอกโอเค ตีสองตีสามน้องก็ยังมาคุยงานพี่บ้านผม แต่พอถึงเวลาไม่ยอมบอกว่าไม่ทำ ให้คนอื่นโทร. มาบอก มันหมายความว่ายังไง เราก็เสียหายเยอะ ทุกอย่างมันก็มีค่าใช้จ่าย”
“ความเสียหายตอนนี้มันก็ 5-6 แสนที่เราจ่ายเงินล่วงหน้าเขาไปแล้ว พอเขาไม่ทำกะทันหัน เรายังไม่มีพรีเซ็นเตอร์ เราจะทำยังไง แล้วเขาก็หายไปเลยไม่มีติดต่อมา แล้วธุรกิจเราเซ็นสัญญาคุยกับผู้ใหญ่ไปแล้ว มันมีการชำระเงินล่วงหน้ากันไปแล้ว ตอนนี้ต้องชำระเงินก้อนที่สอง ถ้าเราไม่เคลียร์เราก็จะต้องโดนฟ้อง ผมก็ต้องเข้าไปเคลียร์ปัญหาทีละก้อน”
ประกาศกรวดน้ำคว่ำขันไม่ขอร่วมงานกับ “ปอย” อีกต่อไป บอกถ้าอยากเคลียร์อีกฝ่ายควรเข้ามาเคลียร์ตั้งแต่ให้สัมภาษณ์นักข่าวแล้วไม่ใช่เงียบหายไป
“ผมก็รอหลังจากที่เขาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไปว่าจะโทร. มาเคลียร์ แต่ก็ไม่ติดต่อมาเลย 10 ปีที่รู้จักกันมาทำกันแบบนี้หรือ ต่อจากนี้ถ้าเขาติดต่อมาคิดว่าผมควรจะคุยกับเขาไหม เขาบอกว่าเดี๋ยวเขาคงต้องเคลียร์กับผม นี่ไงคือการโกหกของเขาต่อหน้านักข่าวเป็นร้อยๆ คน ถ้าเขาบริสุทธิ์ใจจริงหลังจากสัมภาษณ์เสร็จวันนั้นเขาต้องติดต่อมาแล้ว เขาต้องมาเคลียร์แล้วว่าผมเป็นอะไร หนูไปทำอะไรไม่ถูกใจพี่ มีอะไรถึงต้องว่าหนูออกสื่อขนาดนี้ แต่เขานี่ไม่เลย ต่อจากนี้ไปก็คงไม่เผาผีกันแล้วแหละ เพราะเขาเลือกที่จะหายไปไม่มาคุย แล้วมาถึงตอนนี้แล้วจะให้ไปรับคำขอโทษเขามันก็ดูเป็นเรื่องตลก”
“ยอมรับว่าเสียใจมากที่น้องมาทำแบบนี้กับผม คนเราไม่ได้คบกันแค่วันเดียว เห็นเขามาตั้งแต่อายุ 17 ส่งเขาเข้าประกวด ตอนนี้ 27 แล้ว เรียกว่าเห็นกันมาตั้งแต่เล็ก ตอนนี้โตทำมาหากินได้ด้วยตัวเองแล้ว แล้วที่ผ่านมาเราไม่เคยไปหักเงินหรือหาผลประโยชน์กับน้องเลยแม้แต่บาทเดียว มางานสายมาขอโทษบอกหักเงินหนูไปเลย งานหน้าหนูไม่เอาเงิน แต่พอเอาเข้าจริงมาทวงถามว่าเงินหนูอยู่ไหน เรายังต้องจ่ายให้เขาเลย”
“ตอนนี้เราผ่านการเสียใจมาหมดแล้วตั้งแต่เขาไม่ติดต่อมา โทร. ไปก็ไม่รับสาย แต่ให้คนอื่นมาบอกเราแทน เสียใจที่ว่าทำไมเขาไม่ทำเขาถึงไม่บอก ถ้าบอกแต่แรกเราก็จะไม่คุยให้มันยืดยาว แล้วเราก็ไม่คิดไปฟ้องไปอะไรเขาสำหรับความเสียหาย ขอกันกินมากกว่านี้ ให้มันแล้วแล้วไป อุทาหรณ์ที่ออกมาจะบอกว่าผมไม่มีอะไร แค่อยากจะสอนให้เขาซื่อสัตย์ ต้องพูดความจริง อยู่ที่ไหน ทำอะไร แต่งหน้าเสร็จไม่เสร็จต้องพูดความจริง ไม่ใช่มาโกหกว่าหนูถึงงานแล้ว แต่ความจริงยังแต่งหน้าอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ อีกอย่างเรื่องธุรกิจถ้าไม่แฮปปี้ไม่อยากทำร่วมกันก็บอกมาตั้งแต่แรก ผมจะไม่ยุ่งเลย ผมก็รักปอยเหมือนลูก เราอยากเห็นเขามีอนาคตที่ดี”