xs
xsm
sm
md
lg

ผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี : อาร์โนลด์ ซาโบทาช

เผยแพร่:   โดย: อภินันท์ บุญเรืองพะเนา


นึกถึงอาร์โนลด์ ชวาเซเน็กเกอร์ คุณจะนึกถึงสิ่งใด?
ดาราชายผู้มาพร้อมกับมัดกล้ามล่ำบึ้ก เป็นก้ามปู
บทบาทของเขา มักเป็นบทบู๊ทรหด ทนมือทนตีน และทนทุกสถานการณ์
เหนืออื่นใด เขาคือนักแสดงนำจากหนังเรื่อง Terminator ซึ่งมีชื่อไทยว่า “คนเหล็ก” และนั่นก็ทำให้เขาได้รับฉายาคนเหล็กมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าหนังเรื่องไหนของเขาเข้าฉายในบ้านเรา เป็นต้องมีคำว่า “คนเหล็ก” แนบมาด้วย อย่างเรื่อง “ซาโบทาช” (Sabotage) นี้ ก็เหมือนกัน เพราถึงแม้จะไม่ได้เป็นญาติฝ่ายไหนกับ Terminator เลย แต่ชื่อหนังก็ยังอุตส่าห์มีคำว่า “คนเหล็ก”

มันเหมือนกับชื่อรอง หรือนามสกุล...อันที่จริง สำหรับคนดูหนังไทย อาร์โนลด์ ชวาเซเน็กเกอร์ ก็เหมือนกับดาราอีกหลายคนที่มีผลงานมาฉายในบ้านเรา ซึ่งมักจะมี “ฉายา” เป็นเครื่องหมายการค้าให้คนจดจำ อย่างเช่น เฉินหลง ก็ต้องมีคำว่า “ฟัด” หรือ “ใหญ่” ประกอบในชื่อเรื่องภาษาไทย โจวเหวินฟะก็จะมีคำว่า “ตัด” (โดยเฉพาะยุค “เซียนตัดเซียน”) ทอม ครูซ จะมีคำว่า “เทพบุตร” ส่วนเมล์ กิ๊บสัน ก็คำว่า “มหากาฬ” ส่วนจิม แคร์รี่ มาทีไร ก็มักไม่พ้นจะมีคำว่า “เทวดา” พ่วงมาด้วย หรืออย่างฝั่งสาวๆ เช่น จูเลีย โรเบิร์ต ก็ต้อง “บานฉ่ำ” ต่อท้าย ส่วนป๋าอาร์โนลด์ ก็คือ “คนเหล็ก” อย่างที่บอก

ถ้าจะนับเส้นทางการแสดงของดารารุ่นใหญ่คนนี้ เขาเล่นหนังมาแล้วร่วม 40 ปี ตั้งแต่ยุค 70 แม้กระทั่งตอนที่เป็นผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ก็ยังมีรับบทบาทนู่นนี่ในหนังบ้าง ก่อนจะค่อยๆ คัมแบ็กอย่างเป็นรูปเป็นร่างเป็นรูปธรรมชัดเจนอีกครั้งในวัยที่หลายคนเห็นตรงกันว่า “สว.” สูงวัย หนังของอาร์โนลด์ยุคหลังๆ มานี้ ถือว่าเข้าใจธรรมชาติสังขารของนักแสดงได้เป็นอย่างดี เพราะแทนที่จะทุ่มความแอ็กชั่นมันระห่ำลงไปในบทของอาร์โนลด์ หนังหันมาเล่นกับชั้นเชิงความเก๋า ความเท่ของบทมากขึ้น ตัวอย่างที่ผมคิดว่าเห็นได้ชัดมากที่สุด ก็คือ จากเรื่อง เดอะ ลาสต์ สแตนด์ (The Last Stand นายอำเภอคนพันธุ์เหล็ก) และแน่นอนว่า กับบทบาท ในเรื่อง “ซาโบทาช” แม้การฟาดฟันอย่างทรหดจะเป็นเพียงส่วนประกอบ แต่ความเท่ในบทบาท กลับเป็นสิ่งที่เปล่งแสงได้เหนือกว่าฉากแอ็กชั่น และมันก็คือความน่าจดจำในอีกรูปแบบหนึ่ง

โดยพื้นฐานที่มา ซาโบทาชนั้นได้แรงบันดาลใจมาจากอาชญนิยายขายดีของราชินีนิยายฆาตกรรม “อกาธา คริสตี้” เรื่อง And Then There Were None (ฆาตกรรมยกเกาะ) ซึ่งมียอดจำหน่ายกว่าล้านเล่มทั่วโลก อาร์โนลด์ ชวาเซเน็กเกอร์ รับบทเป็น “จอห์น วาร์ตัน” หัวหน้าหน่วยปราบปรามยาเสพติดฝีมือดี ซึ่งมีทีมงานสิบชีวิตอยู่ในสังกัด ภายหลังภารกิจทลายเซฟเฮาส์ของพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ พร้อมยึดเงินของกลางจำนวน 10 ล้านเหรียญฯ ปรากฏว่าเหตุการณ์กลับพลิกผัน เมื่อเงินจำนวนนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย ขณะที่ทีมงานทั้งสิบเริ่มถูกเก็บทีละคน จากสิบมือปราบมหากาฬ ต้องกลายเป็นสิบเป้าสังหารอย่างเป็นปริศนา คำถามที่หนังโยนให้กับคนดูผู้ชมร่วมกันค้นหาคำตอบตั้งแต่เริ่มเรื่องก็คือ แล้วใครกันเล่าที่อยู่เบื้องหลังการสังหารโหดนี้

บรรยากาศและอารมณ์โดยรวมของหนัง เน้นไปทางการเป็นแอ็กชั่นบวกกับตลก ซึ่งต่างจากความคิดในตอนที่ยังไม่ได้ดูพอสมควร โดยเฉพาะอารมณ์ขันที่รู้สึกว่าจะเป็นพระรองจากความแอ็กชั่นได้เลย ผมดูหนังเรื่องนี้ในเวอร์ชั่นพากย์ไทย โดยทีมพากย์พันธมิตร ไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจกับการใส่มุกตลกเพิ่มเข้ามา เนื่องจากว่าทิศทางอารมณ์ของหนัง มันเอื้อให้เล่นได้ ไม่ได้ซีเรียสขึงขังเอาเป็นเอาตาย

คล้ายๆ กับเรื่อง เดอะ ลาสต์ สแตนด์ หนังเน้นโชว์ความแมนในแบบลูกผู้ชายอย่างเต็มที่ แม้จะเป็นลูกผู้ชายที่สูงวัยไปหน่อยก็ตามที หนังแบบนี้ต้องบอกว่าดูแล้วมันปลุกความรู้สึกเชิงฮึกเหิม อยากจะออกไปจัดการกับพวกเหล่าร้ายที่ฝากรอยแค้นไว้ในความทรงจำ แม้ว่าเบื้องลึก มันจะรู้สึกเศร้าๆ หม่นๆ อยู่บ้างกับต้นสายปลายเหตุที่ต้องทำให้เราลุกขึ้นมา “โหด” เช่นนั้น ผมรู้สึกว่าบทแบบนี้ดูจะไปได้ดีกับคาแร็กเตอร์ของอาร์โนลด์ คือมีสัดส่วนที่เล่นกับอารมณ์เบื้องลึกบ้างนิดหน่อย แต่หลักๆ ยังคงให้น้ำหนักกับความเท่ในแบบวิถีของลูกผู้ชายที่พร้อมจะลุยเมื่อถึงคราวจำเป็นจะต้องลุย

นอกจากปมปริศนาที่หนังทิ้งไว้ให้ค้นหาตั้งแต่ต้นเรื่อง ซาโบทาชไม่ได้มีอะไรลึกลับซับซ้อน มันคือหนังที่ค่อนข้างชิล ซึ่งสามารถนั่งดูไปด้วย เคี้ยวป๊อปคอร์นไปด้วย ได้อย่างสบายๆ แล้วตอนท้ายก็จะได้พบเห็นเหตุผลของคนแต่ละคนในการกระทำแต่ละอย่างว่ามีอะไรซ่อนงำอยู่เบื้องหลังบ้าง และท่ามกลางแรงกดดันต่างๆ นานา แรงผลักชนิดใดที่ทำให้ใครบางคน หยัดยืนฝืนอยู่เพื่อจุดมุ่งหมายบางอย่าง

ฟังมาว่า “เดวิด เอเยอร์” ที่เป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ กำลังเป็นเด็กปั้นของฮอลลีวูด งานกำกับเรื่องล่าสุดของเขา คือ End of Watch ที่มาพร้อมกับพล็อตเท่ๆ เก๋ๆ และตัวหนังมีความร่วมสมัยมากๆ ขณะที่ก่อนหน้านี้ เขาก็มีเครดิตในการเขียนบทให้กับหนังหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น U-571, Harsh Time, Dark Blue, The Fast & the Furious หรือแม้กระทั่งหนังของอังตวน ฟูกัว ที่ผมชอบมากๆ อย่าง Training Day

เท่าที่ดูหนังของฮอลลีวูดมา ผมรู้สึกว่าสิ่งหนึ่งซึ่งผู้คนบนถนนสายนี้หมกมุ่นกันเป็นพิเศษ คือเรื่องราวของการใช้กฎหมายและแสวงหาความยุติธรรม เราจะเห็นวิธีการแบบหนึ่งในหนังเหล่านี้ที่สุดท้ายแล้ว ถ้าคุณอยากจะได้สิ่งที่มันถูกต้องตรงใจจริงๆ บางทีอาจไม่ใช่ด้วยวิธีการทางกฎหมาย เหมือนอย่างหนังสองเรื่องล่าสุดของอาร์โนลด์ ชวาเซเน็กเกอร์ ชายผู้แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งในปฐพีแห่งภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็น เดอะ ลาสต์ สแตนด์ หรือซาโบทาช แม้ว่าตัวละครของเราจะสวมเสื้อคลุมของกฎหมายหรือแม้กระทั่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งซึ่งความยุติธรรมถูกทวงถามไม่ได้ด้วยกระบวนการทางกฎหมาย ใครบางคนก็ต้องลุกขึ้นมาจัดการด้วยกฎ “หมัด” และปืน หรืออะไรก็แล้วแต่ มันอาจเป็นความอัดอั้นตันใจที่ถูกระเบิดระบายออกมา และเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่บ้าคลั่ง แต่ในโลกของหนัง มันคือที่มาของความสนุก และสะใจ

ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็ต้องเอาด้วยกล
ไม่ได้ด้วยความจริง ก็ต้องเอาด้วยภาพยนตร์
นี่ล่ะครับ ความยุติธรรม!!




ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th

ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม

เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ ""ซ้อ 7"ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก






กำลังโหลดความคิดเห็น