ไม่ใช่แค่ที่บ้านเราซึ่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ชื่อว่าหน่วยซีลจะกลายเป็นประเด็นร้อนในช่วงเดือนที่ผ่านมา หากแต่ในฮอลลีวูดก็จะมีการหยิบเอาเรื่องราวและประสบการณ์ของหน่วยงานที่ว่านี้มานำเสนออยู่เรื่อยๆ ปีที่แล้วก็มี Act of Valor ที่ได้สมาชิกหน่วยซีลตัวจริงเสียงจริงมาแสดงนำ เมื่อต้นปี หน่วยซีลก็เข้าไปมีบทบาทในเรื่อง Captain Phillips และล่าสุด กับเรื่อง Lone Survivor ซึ่งถ้าไม่เป็นการกล่าวอ้างที่โอเวอร์เกินไป หากออสการ์จะมีสาขาหนังดราม่าแอ็กชั่น ผลงานชิ้นนี้ก็ควรได้ตุ๊กตาทองตัวนั้น!
อย่างที่น่าจะรู้กันครับว่า เหตุผลที่ทำให้หน่วยซีล ยังคงขายได้เสมอมาในโลกภาพยนตร์ เพราะเรื่องราวของบุคคลเหล่านี้มีการถูกกล่าวถึงในเชิงของการยกย่องเชิดชูเป็นส่วนใหญ่ ไล่ตั้งแต่การฝึกที่ต้องอาศัยความอึดและทรหดอย่างถึงที่สุด เรียกว่ากว่าจะเป็นได้ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในสนามฝึกมาก่อน “สัปดาห์นรกแห่งการฝึกซ้อม” นั้น เป็นที่กล่าวขวัญถึงมาโดยตลอด ขณะที่เมื่อได้เป็นแล้ว หน่วยรบพิเศษนี้ก็มักจะต้องทำภารกิจที่เอาชีวิตเป็นเดิมพันเช่นเดียวกัน ดังนั้น เรื่องของความกล้าหาญและความทรหดอดทน จึงเป็นที่ยอมรับและมักจะถูกหยิบยกมาพูดถึงในภาพยนตร์ ซึ่งหนังอย่าง “โลน เซอร์ไวเวอร์” ก็นำเสนอในท่วงทำนองที่กล่าวมานั้น
นี่คือผลงานการกำกับของปีเตอร์ เบิร์ก ถ้าใครชอบแนวแอ็กชั่น ก็คงจะเคยผ่านตาผลงานของเขามาบ้าง ทั้งจาก Hancock หรือเร็วๆ นี้ ก็หนังฟอร์มยักษ์อย่าง Battleship ในแนวทางของความเป็นแอ็กชั่นนั้น คิดว่าปีเตอร์ เบิร์ก ได้แสดงความชัดเจนเด่นชัดแล้วกับทักษะของเขาในด้านนี้ และสิ่งที่มันเยี่ยมยอดอย่างยิ่งสำหรับงานเรื่องใหม่อย่าง Lone Survivor ก็คือว่า เขาได้ปรุงเติมเพิ่มความดราม่าเข้าไปได้อย่างเข้มข้นลงตัว และคงไม่ได้พูดออกมามั่วๆ หากใครสักคนจะเปิดเผยตัว ว่าเสียน้ำตาให้กับหนังแอ็กชั่นเรื่องนี้!
แต่ก่อนใครสักคนจะเข้าใจไปว่า นี่มันหนังดราม่าน่าหลับหรือเปล่า? ขอบอกกล่าวเล่าความจริงครับว่าหนังไล่ล่าไล่ยิงกันตลอดทั้งเรื่อง และที่สำคัญ ถ้าหนังแอ็กชั่นที่ดี ไม่ใช่แค่จะต้องมีระเบิดตูมตามหรือยิงกันกระสุนหมดเป็นพันเป็นหมื่นลูก หากแต่สิ่งที่ควรจะต้องผูกเข้ามา คืออารมณ์บีบคั้นจากสถานการณ์ที่กดดัน สิ่งนี้ต่างหากที่เพิ่มความมันระทึกให้กับหนังได้อย่างแท้จริง นี่ไม่ใช่เรื่องที่พูดเพื่อเอาเท่นะครับ ผมว่าหนังหลายเรื่องประสบความสำเร็จมากในการใช้สอยวัตถุระเบิดหรืออาวุธปืน แต่กลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงกับการที่จะทำให้คนดูลุ้นและกดดันกับสถานการณ์ที่ไม่รู้จะออกหัวหรือก้อย ซึ่งจุดนี้แหละที่ผมเห็นว่า Lone Survivor ถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ในบางฉาก เราอาจจะไม่ได้ยินเสียงกระสุนหลุดออกจากปากกระบอกปืนแม้เพียงนัดเดียว แต่การได้คาดเดาสถานการณ์หรือการตัดสินใจของตัวละคร กลับสร้างอารมณ์ร่วมได้แบบลุ้นระทึก
ที่ผ่านมา ผมดูหนังของปีเตอร์ เบิร์ก แบบดูพอให้ได้ดู ด้วยความคิดเห็นว่าก็เป็นหนังแอ็กชั่นมาตรฐานทั่วไป แต่นั่นอาจจะเป็นเพราะว่ามันยังไม่ถึงจังหวะที่ยิ่งใหญ่ของเขา จนกระทั่ง Lone Survivor เรื่องนี้ ที่ต้องยอมรับว่า “สารตั้งต้น” หรือวัตถุดิบซึ่งเขานำมาใช้ มีมวลสารคุณค่าที่น่าประทับใจในเชิงดราม่าอยู่แล้วเป็นทุนเดิม และเขาก็ทำมันออกมาได้อย่างไม่มีอะไรให้ต้องผิดหวัง ขณะที่ทางฝั่งของแอ็กชั่น หนังก็ถ่ายทอดได้อย่างสมจริง หนังแอ็กชั่นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะใช้ระเบิดหรือปืนมากมายเพียงใด แต่มันก็ยังดูปลอมในความรู้สึกของเรา เพราะรู้ว่ามันคือหนัง คือเรื่องปรุงแต่ง แต่สำหรับ Lone Survivor ฉากการต่อสู้ดูมีความสมจริงสมจังจนเราเชื่อว่ามันคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ตัวละครเจ็บจริง เฉพาะอย่างยิ่ง ฉากกระโดดผาแล้วตกลงไปกระทบก้อนหินและต้นไม้ ดูแล้วบอกได้เลยว่ารู้สึกเจ็บไปกับตัวละครจริงๆ ซึ่งนี่คือผลของการถ่ายทำที่เน้นความละเอียด เฉพาะฉากพลัดตกชนต้นไม้ เห็นว่าหนังถ่ายไป 90 ช็อตกว่าจะออกมาดูสมจริงขนาดนั้น
บอกกล่าวเล่าความโดยย่นย่อครับว่า หนังเรื่องนี้สร้างมาจากบันทึกส่วนตัวของ “มาร์คัส ลัทเทรลล์” อดีตหน่วยซีลซึ่งได้เคยเข้าไปมีส่วนร่วมในปฏิบัติการพิเศษที่ชื่อว่า “เร้ดวิง” (Operation Red wing) เพื่อสังหารผู้นำคนหนึ่งของกลุ่มตาลีบัน ในประเทศอัฟกานิสถาน ก่อนจะกลับบ้านมาในสภาพที่พูดได้ว่า “ยับเยิน” แล้วบอกเล่าเรื่องราวปฏิบัติการเหล่านั้นไว้ในหนังสือที่ชื่อเดียวกันกับหนัง
บันทึกของมาร์คัส ลัทเทรลล์ นั้น บอกเล่าตั้งแต่ก้าวแรกที่ย่างก้าวเข้าไปสู่รั้วของหน่วยรบหน่วยนี้ ซึ่งแม้หนังจะเล่าแบบรวดเร็วในต้นเรื่อง แต่สำหรับเราๆ ท่านๆ ผู้พอจะมีพื้นฐานข้อมูลเป็นทุนเดิมอยู่บ้าง ย่อมจะสัมผัสได้ว่าช่วงเวลานรกของการฝึกซ้อมนั้นหนักหนาเพียงใด แต่นั่นว่าสาหัสแล้ว เจอสถานการณ์จริงเข้าไป กลับสาโหดยิ่งกว่า เรื่องราวในหนังเก้าสิบเปอร์เซ็นต์โฟกัสไปที่ช่วงระยะเวลาปฏิบัติการของทหารหนุ่มสี่นายแห่งหน่วยซีล (รวมทั้งมาร์คัส) ซึ่งถูกส่งเข้าไปในเขตแดนของตาลีบันด้วยเป้าหมายเพื่อการสังหารไล่ล่า แต่การณ์กลับกลายเป็นว่าตนเองกลับเป็นฝ่ายถูกล่าและต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด
สิ่งใดบ้างที่เราอยากเห็นเมื่อดูหนังที่เกี่ยวกับหน่วยซีล? ความกล้าหาญ? ปฏิบัติการอันลุ้นระทึก? ความทรหด? การเสียสละด้วยหัวใจอันเด็ดเดี่ยว? หรือกระทั่งมิตรภาพ หนังเรื่องนี้จัดเต็มทุกภาคส่วน จนกระทั่งสามารถกล่าวได้ว่า มันคือหนังที่ว่าด้วยหน่วยซีลที่ยอดเยี่ยมมากๆ อีกเรื่องหนึ่ง ผมคิดว่าส่วนสำคัญซึ่งส่งให้ไปถึงจุดดังกล่าวนั้น เพราะหนังให้ความสำคัญกับอารมณ์ความรู้สึกเชิงลึกของตัวละครในขณะที่ต้องต่อสู้ฟันฝ่าสถานการณ์ที่โหดหิน พลังของบทภาพยนตร์สามารถดึงคนดูให้รู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับเรื่องราวได้อย่างอยู่หมัด ทั้งเอาใจช่วย ทั้งเห็นใจ และทั้งกระตุ้นให้รู้สึกฮึกเหิมที่จะยืนหยัดท่ามกลางข้อจำกัดของสถานการณ์ ด้วยความบีบคั้นบี้เค้นมากๆ เข้า เชื่อว่าหลายคนน้ำตาร่วงได้ง่ายๆ
นอกจากการเป็นภาพยนตร์ที่ว่าด้วยหน่วยซีลที่ยอดเยี่ยมมากๆ เรื่องหนึ่ง สำหรับผม เมื่อถึงฤดูกาลจัดอันดับหนังยอดเยี่ยมแห่งปี ก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่ Lone Survivor จะไม่ติดอยู่ในลิสต์นั้นด้วย!!
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ ""ซ้อ 7"ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |