“ไก่ สมพล” รับลาออกจากเอไทม์แล้ว ยืนยันไม่ได้น้อยใจใคร บอกยังสนุกกับงานเบื้องหน้าไม่พร้อมไปอยู่เบื้องหลัง ก่อนแจงโพสต์ข้อความ “...ขอขอบคุณทุกโอกาสที่ตัด” ไม่ได้เจาะจงใคร
มีข่าวทำนองว่าดีเจชื่อดังลูกหม้อของเอไทม์ “ไก่ สมพล” ไม่ได้เซ็นสัญญากับต้นสังกัดอย่างแกรมมี่นานแล้ว ก่อนหน้าจะไปรับทำหน้าที่พิธีกรให้กับรายการใหม่ในเครืออาร์เอส แต่ล่าสุดพอทางฟากหัวเรือใหญ่เอไทม์ “เจ๊ฉอด” สายทิพย์ มนตรีกุล ออกมาให้ข่าวว่าอีกฝ่ายเพิ่งจะมาบอกลาออกเพื่อไปรับงานที่รายการดังกล่าวก็ทำเอาหลายคนสับสนว่าเรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่ ซึ่งสองมีปัญหาอะไรหรือเปล่า
เกี่ยวกับเรื่องนี้ล่าสุดทางฟากของดีเจคนดังก็ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “คันปาก” ที่ตนเองรับหน้าที่พิธีกรอยู่ โดยบอกว่าตอนนี้ตนได้ลาออกจากการเป็นนักงานของเอไทม์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“...ตอนนี้ไม่ได้จัดแล้วก็คือลาออกจากเอไทม์อย่างเป็นทางการแล้ว คือพ้นจากการเป็นพนักงานของบริษัทเอไทม์ มีเดีย ซึ่งเป็นบริษัทของสังกัดแกรมมี่ ก่อนหน้านี้เป็นพนักงานของบริษัท แต่ถ้าคนถามว่ามีสัญญาไหม ไม่มีบริษัทนี้เราไม่มีสัญญา เพราะฉะนั้นตอนนี้ใครมีคลื่นวิทยุที่น่าสนใจทางเราก็พร้อมที่จะไป”
“ไม่ได้ถือว่าย้ายค่ายนะ ถือว่าออกจากเอไทม์มาก็อิสระเต็มตัวแล้ว สามารถทำงานได้ทุกที่ และที่ไปทำงานให้อาร์เอสเนี่ยก็ไม่ได้ว่าไปเซ็นสัญญากับเค้า คือใครจะจ้างเราก็ได้เพราะเราถือว่าเราเป็นนักแสดงอิสระแล้ว”
เผยยังสนุกกับการรับหน้าที่เป็นดีเจอยู่
“ไม่เคยเบื่อเลยกับอาชีพนี้มีความสุขทุกครั้งที่ได้ไปจัดรายการวิทยุมาก เราเคยชวนน้องอ้นไปจัดเลย มันเหมือนกับว่าเวลาไปนั่งอยู่หน้าไมค์เนี่ยคือเหมือนเป็นอีกคนนึงเลย คืนมันมีความสุขมากได้เป็นตัวของตัวเอง เกิดจากการเรียนดีเจมา พอจบมาเราก็มาทำงานดีเจเลย ยังมีความสุขและอยากทำอยู่”
ส่วนกรณีที่หัวเรือของเอไทม์ เผยว่าเคยทาบให้ดีเจคนดังทำงานเบื้องหลังแต่ตนเองไม่รับนั้น เรื่องนี้เจ้าตัวบอก...“ด้วยบุคลิกด้วยเป็นคนไม่ชอบทำงานออฟฟิศ คือเราเป็นคนไม่ชอบอยู่กับที่เช่นเข้าออฟฟิศ 9 โมงเลิกงาน 5 โมง เราไม่ชอบเราเลยไม่ของนั่งที่ผู้บริหารดีกว่า ก็ของเป็นแค่พนักงานคนนึง เป็นแค่ดีเจดีกว่า”
“แต่จริงครับที่พี่ฉอดค่อนข้างที่จะเปิดโอกาสให้กับน้องที่อยากจะทำงานเบื้องหลัง แต่พี่เค้าก็ต้องพิจารณาอีกทีว่ายังไง ไม่ใช่ว่าให้ทุกคนเป็น แต่นับวันนี้ก็คงยังไม่พร้อมอ่ะครับ”
ยืนยันไม่น้อยใจบอกโตแล้ว ก่อนแจงถึงเรื่องที่ไปขึ้นอินสตาแกรมว่า “ขอบคุณสำหรับโอกาสที่ให้ และ ขอขอบคุณทุกโอกาสที่ตัด” ตนไม่ได้หมายถึงใคร
“คือเวลาเราเรียนเรื่องราวเกี่ยวกับโอกาส ก็ต้องขอบคุณโอกาสที่เคยให้มาจนถึงทุกวันนี้ ก็ยังมีโอกาสที่ให้มาตลอด โอกาสที่ตัดเนี๊ยคือพูดรวมๆ ไม่ได้เจาะจงว่าใคร หมายถึงว่าบางทีคนโทร.มาติดต่องานและก็โทร.มายกเลิกงงานอันนี้ก็ถือว่าตัดโอกาสเรา ก็พูดรวมๆ มีทั้งให้และมีทั้งตัด ทุกคนเคยเจอมาหมดและ นี่เรามองทั้งด้านดีและด้านลบไม่ได้เจาะจงใครเลย”
