“จ๊ะ คันหู” เผยชีวิตหลังจากตระเวน “เกา” มา 2 ปี จากสาวบ้านนอกกลายเป็นเศรษฐีมีเงินเก็บ 8 ล้าน ซื้อบ้านรถ 3 ด้วยเงินสด รวมทรัพย์สิน 14 ล้าน ภูมิใจเสมอถึงแม้จะถูกด่า เพราะเการะเบิดถึงได้มีเงินเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ แต่หลังเข้าอาร์สยามประกาศลดความแรงเกาน้อยลง
“จ๊ะ คันหู” นงผณี มหาดไทย จากผู้หญิงธรรมดาอดีตนักร้องวงเทอร์โบ วงดนตรีรับจ้างที่ร้องตามงานรื่นเริงต่างๆ ที่แจ้งเกิดจากท่า “เกาเป้า” สุดเสียว จนโด่งดังพร้อมกับโดนด่าไปทั่วบ้านทั่วเมือง เคยได้ค่าตัวแค่คืนละพัน แต่ทุกวันนี้จ๊ะฟาด 5 หมื่นบาทต่องาน ดังจนค่ายอาร์สยามดูดมาเซ็นสัญญาเข้าสังกัด อายุแค่ 22 แต่ตอนนี้เธอรวยอู่ฟู่อ้าฟ่า มีเงินเฉียด 14 ล้าน สร้างบ้าน-ซื้อรถด้วยเงินสด มีเงินเก็บอีก 8 ล้าน ถึง 2 ปีที่ผ่านมาจะโดนถล่มด่าจนเสียศูนย์ แต่เธอก็ภูมิใจเพราะเป็นอาชีพสุจริต ที่สำคัญไปกว่านั้น จ๊ะบอกว่ามีวันนี้ได้ก็เพราะท่า “เกาหู” นี่แหละ
เซ็นกับอาร์สยาม 8 ปี เจอใบสั่งให้ลดความแรง จะไม่มี “จ๊ะ เกาหู” อีกต่อไป
“หนูเซ็นสัญญากับอาร์สยามทั้งหมด 8 ปี เดือนตุลาคมจะออกซิงเกิลแรกชื่อเพลง เมียหรือแม่ เป็นแนวลูกทุ่งแบบโจ๊ะๆ แบบเต้นนิดหนึ่ง เสื้อผ้าจะเป็นแนวเซ็กซี่แต่ไม่ถึงคันหูเพราะว่าคันหูมันจะออกโป๊ไปเลย แต่อันนี้จะซอฟท์กว่าคันหูแน่นอน แต่ก็ยังไม่ทิ้งจ๊ะ คันหู เพราะค่ายวางมา ชุดก็สั้นค่ะสั้นเท่าคันหู แต่คันหูมันจะเป็นกางเกงยีนส์แยกชิ้น แต่อันนี้ก็จะเป็นเกาะอก แล้วกางเกงเอวสูง ที่ต้องเซ็กซี่เพราะด้วยภาพที่มาตอนแรกด้วย จริงๆ ค่ายจะให้หนูซอฟท์ว่านี้ แต่หนูกลัวมันจะทิ้งความเป็นหนูไปเลย ก็เลยขอนิดนึง”
“ส่วนท่าเต้นก็เซ็กซี่เหมือนเดิม แต่มันน้อยกว่าคันหูแน่นอน เพราะว่าด้วยมันเป็นค่ายใหญ่ ด้วยภาพลักษณ์ ทุกวันนี้บนเวทีหนูก็ซอฟท์ลงกว่าเดิมเยอะ เมื่อก่อนจะมีแบบเกา แต่เดี๋ยวนี้จะเล่นเป็นมุขเอา ถ้าเกาก็จะไม่ได้แรงเหมือนเมื่อก่อนเพราะค่ายเขาขอมาเรื่องภาพลักษณ์ด้วย ลูกค้าก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะบนเวทีหนูจะเล่นเป็นแนวเอ็นเตอร์เทนมากกว่า ชื่อในวงการค่ายก็เปลี่ยนให้เป็นจ๊ะ อาร์สยาม แต่ส่วนมากไปงานเขาก็จะติดจ๊ะ คันหู ก็ไม่ซีเรียส และค่ายก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่มันก็ลบความเป็นจ๊ะ คันหู ไม่ได้หรอกคนติดแล้วไง”
อยากดังเหมือน “ใบเตย”
“ถามว่ามาอาร์สยาม แล้วอยากดังมั้ย หนูอยากดังแน่นอน อยากประสบความสำเร็จอย่างพี่เขาแน่นอน แต่เราไม่ได้คิดว่าเราจะต้องไปแทนที่ใคร ตอนนี้พี่เตยค่าตัว 2 แสน หนูยังอยู่แค่ 5 หมื่นอยู่เลย ถามว่าอยากจะดังมั้ย ทุกคนอยากดังอยู่แล้ว นี่คือตอบตามความจริงตรงๆ เลย ทุกคนอยากดังอยู่แล้ว แต่ไม่อยากแทนที่ใคร แล้วด้วยความที่พี่เขาดีกับหนูด้วยไง ถ้าเขาไม่ดีกับเราก็อาจจะมีความคิดอิจฉาริษยา”
บอกเต็มปากสวยได้เพราะโบท็อกซ์ เตรียมหาเวลาไประเบิดไซส์นมเอาให้ใหญ่เบิ้ม
“หนูไปฉีดโบท็อกซ์หน้ามาครั้งหนึ่ง เพราะหน้าหนูตอนแรกมันใหญ่ หนูว่าจะไปฉีดซ้ำเพราะว่ามันต้องฉีดเรื่อยๆ 4 เดือนฉีด แต่ตอนนี้ผอมลงเพราะไปดัดฟันมาแล้วหน้าหนูก็เล็กลง จมูกของจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ หนูมีดั้งอยู่แล้วไม่ได้ทำจับได้เลย แต่ว่าหนูไปฉีดโบท็อกซ์ให้จมูกมันเล็กลง แต่อย่างอื่นหนูไม่ได้ทำ จริงๆ หนูอยากทำศัลยกรรมเพราะอยากสวย แต่ว่าหนูไม่มีเวลา ถ้าทำก็ต้องพักฟื้น 5 เดือนเลยยังทำตอนนี้ไม่ได้เพราะหนูมีงานทุกวัน”
“ที่อยากทำมากคือนม ตอนนี้หนูไซส์ 32 อยากทำซัก 34 หรือ 36 เพราะจะได้ไม่ต้องใช้ดันทรง เพราะทุกวันนี้หนูต้องดันทรงไง หนูอยากใส่ชุดที่มันโชว์หลังโดยไม่ต้องเห็นเสื้อชั้นในอะไรแบบนี้ เพราะเป็นคนที่อยากหน้าอกใหญ่ อยากทำมาก เพราะเวลาหน้าอกใหญ่การแต่งตัวมันก็จะมั่นใจ คือมันจำเป็นกับงานด้วย เพราะเราต้องแต่งตัวเซ็กซี่ แต่ทุกวันนี้ใส่ชุดที่มันเกาะอกไม่ได้เลยเพราะมันหลุด พอเต้นๆ ไปแล้วมันหลุด เพราะถ้าเวลาเราใส่เกาะอกเราก็ต้องปลดสายเสื้อในออก มันก็จะหลุดไปหมดเลยทั้งเสื้อใน หนูก็เลยคิดอยากจะทำ ถ้ามีเวลาหนูไปทำแน่นอน”
“ทำนมค่ายไม่ว่านะคะ แต่ว่าค่ายไม่ค่อยอยากให้บอกว่าไปทำมาแล้ว หรือว่ากำลังจะไปทำอะไรมาบ้าง ด้วยภาพพจน์อะไรอย่างนี้ เพราะว่าดาราหรือศิลปินหลายๆ คนไม่ว่าจะไปทำอะไรมาก็ไม่บอก แต่หนูบอกถ้าหนูทำหนูก็บอก แต่ตอนนี้หนูยังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ด้วยที่หน้าตาหนูเปลี่ยนเพราะว่าหนูดัดฟัน แล้วก็ด้วยเทคนิคการแต่งหน้า ถ้าหนูไม่แต่งหน้า หน้าก็เฉยๆ ปกติคนก็จะรู้ ทุกวันนี้ยังมีคนคิดว่าหนูทำจมูกมาอยู่เลยนะ ถ้าไม่ได้มาจับดู หนูก็ให้จับเลยเพราะว่าหนูเป็นคนตรงมาก ถ้าถามอะไรก็ตอบอย่างนั้น อันไหนจริงก็คือจริง แต่บางเรื่องที่มันบอกไม่ได้จริงๆ ที่มันเกี่ยวกับบุคลอื่นหนูก็จะไม่ได้พูด แต่ถ้าเป็นตัวของหนูเอง เรื่องศัลยกรรมอย่างนี้หนูก็จะพูดเลยว่า ไม่ได้ทำ”
มีทุกวันนี้เพราะ “คันหู” ซื้อรถ 3 คัน สร้างบ้านให้พ่อแม่ด้วยเงินสด แถมยังมีเงินเก็บรวมเกือบ 14 ล้าน!
“หนูพูดได้เต็มปากว่าความเป็น จ๊ะ คันหู มันทำให้หนูมีวันนี้ มีหลายๆ อย่างเพราะว่าเป็น จ๊ะ คันหู ทั้งได้มาเป็นนักร้องอาร์สยาม หนูเก็บเงินมา 2 ปี ตั้งแต่ร้องคันหู ตอนนี้หนูมีเงินเก็บประมาณ 8 ล้าน มีรถ 3 คัน และเพิ่งสร้างบ้านให้พ่อกับแม่ เบ็ดเสร็จก็ประมาณ 2 ล้านกว่าๆ รวมที่จอดรถด้วย ประมาณ 2.2 ล้าน แล้วก็มีซื้อรถเก๋งฮอนด้าให้พ่อ 8 แสน แล้วก็รถปาเจโร่ของหนู 1,350,000 บาท แล้วก็รถตู้โตโยต้า 1.5 ล้าน รถตู้เอาไว้ไปทำงานเพราะว่าต้องมีแดนเซอร์ ต้องแต่งตัวกันบนรถเลยมันสะดวกดี”
“หนูซื้อเงินสดหมดเลย บ้านก็สด หนูไม่เคยซื้ออะไรเงินผ่อนเลย ถ้าอยากได้อะไรแต่หนูยังไม่มีเงิน หนูก็จะยังไม่ซื้อ แล้วก็ซื้อทองให้พ่อให้แม่ซื้อให้หนู หนูกำลังจะซื้อที่ของคนข้างบ้าน เขาจะขาย 18 ไร่ ไร่ละ 2 แสน ก็ว่าจะซื้อกำลังคุยอยู่ หนูเก็บเงินได้เพราะไม่ได้เป็นนักร้องที่ใช้ของแบรนด์เนมเพราะมันแพง เสื้อผ้าหนูก็ซื้อตลาดนัดปกติ แต่ถ้าเป็นกางเกงยีนส์จะซื้อของยี่ห้อเพราะทนกว่า ตัวละ 1-2 พัน ส่วนเสื้อที่ใส่อยู่ก็ตัวละไม่ถึง 200 หนูใส่ได้หมด หนูเป็นคนงกมากเลยนะ หนูได้งานละ 4 หมื่นทุกวันๆ หนูก็เก็บหมดเลยนะ แล้วไม่ได้อยู่กรุงเทพที่ต้องมีค่าครองชีพสูงๆ ก็เลยเก็บได้”
รู้ตัวที่ผ่านมาแรงเกินไป แต่ไม่เคยคิดรังเกียจงานตัวเอง แต่ถ้าจะให้แรงเหมือนเดิมไม่เอาแล้ว
“หนูก็ยอมรับว่ามันแรงจริงๆ และยอมรับว่ามันเกินไปค่ะ ท่าคันหูอันแรกเลย แล้วก็เสื้อผ้าอะไรต่างๆ แต่มันคือการแสดงน่ะค่ะ หนูเป็นนักร้องต้องทำให้คนดูสนุก หนูก็จะเต็มที่ แต่ถ้าไม่ได้รู้จักตัวตนของหนู หรือว่ารู้จักชีวิตประจำวันของหนูว่าหนูเป็นคนยังไง มองภาพแรกที่เห็นก็แรงเลย แต่ตัวจริงหนูไม่ได้ใส่สั้นเหมือนอยู่บนเวที หนูจะใส่ยาวตลอด ถ้าเป็นกางเกงขาสั้นก็จะไม่สั้นมาก คือเป็นเด็กบ้านนอกที่แต่งตัวธรรมดา แต่ด้วยภาพตั้งแต่คันหู มันทำให้หนูต้องเป็นอย่างนั้น จริงๆ แล้วตัวตนหนูเป็นคนตรงๆ แล้วก็เป็นคนที่ออกจะทะเล้น แล้วก็ทะลึ่ง เป็นนิสัยแบบเด็กบ้านนอกเลย”
“ตอนนี้หนูก็ไม่อยากแรงเหมือนเดิมแล้ว ถามว่าทำไมถึงไม่อยากแรงแบบเดิม เพราะด้วยสังคม คนไม่เข้าใจหรอก ถ้าเขาไม่ได้อยู่กับหนูเอง เห็นหนูยืนเกา เขาก็ต้องคิดว่าหนูแรง หนูเป็นอย่างนั้น คงเพราะหนูเป็นคนทะลึ่งด้วย อาจจะเล่นเยอะไป หนูโดนคนมาด่าในอินสตาแกรมว่าร่าน เพราะเขาตัดสินเราจากการโชว์บนเวที แต่ตัวจริงหนูไม่ใช่ไง หนูอาจจะโกรธที่เขามาด่า แต่เพราะเขาไม่รู้จักตัวตนหนู แต่หนูไม่เคยเสียใจหรือโทษอาชีพหนู เพราะมันทำให้หนูมีเงินเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ และหนูก็ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ที่สำคัญไม่ได้ทำอาชีพผิดกฎหมาย หนูภูมิใจนะ”