โดย : บอน บอระเพ็ด(skbon109@hotmail.com)
“วาไรตี้ป็อบ”(Variety Pop) เป็นนิยามที่วง “Mild”(มายด์) ใช้เรียกแนวทางดนตรีในชุดใหม่ของพวกเขาที่ผสมความหลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเผลอแผล็บเดียว วงๆนี้มีอายุอานามตั้งแต่เริ่มก่อตั้งวงปาเข้าไปสิบปีแล้ว
แต่วงมายด์จัดเป็นวงที่ไม่ขยันออกอัลบั้ม สิบปีมีสตูดิโออัลบั้มแค่ 3 ชุด คือ “Mild”(2551)ชุดแรก “Ma Show”(2553)ชุดสอง และ“Master Peace” ชุดล่าสุด ที่เพิ่งออกมาสดๆร้อนๆ
อัลบั้มชุดนี้สมาชิกทั้ง 6 ของมายด์ยังคงอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา นำโดย “บดินทร์ เจริญราษฎร์ : เป้” - ร้องนำ, “เจน มโนภินิเวศ : เต่า” - กีตาร์, “ณธีพัฒน์ ประเสริฐมนูกิจ : ทอมท่อม” - เบส, “ธงไชย ทิมพูล : ไมค์” - กลอง และ “ไพสิฐ คำกลั่น : เป้(อีกคน)” - แซ็กโซโฟน
Master Peace มีทั้งหมด 10 เพลง ตามมาตรฐาน เปิดตัวกันด้วย “ดาว(Dream Girl)” เพลงชวนแด๊นซ์กับแนวดิสโก้ฟังก์เท่ๆ มีท่อนฮุกที่โดน ดนตรีสนุก ฟังติดหู เด่นด้วยทางกีตาร์มันๆทั้งลูกสะบัดคอร์ดขัดๆ ลูกโซโล และเสียงเครื่องเป่าทองเหลืองที่เข้ามาสร้างสีสันฟังมีพลัง
ต่ออารมณ์กับ “Love Sick” ที่ฟังแล้วไม่ชวนป่วย แต่ชวนโยกขยับกับกรูฟเท่ๆ เมโลดี้สวย ฟังติดหูง่าย โดดเด่นด้วยเสียงเครื่องเป่าที่เล่นโอบอุ้มสร้างเสน่ห์ให้กับเพลง เนื้อร้องใช้ภาษาง่ายๆแต่โดน โดยเฉพาะกับการนำภาษาอังกฤษมาย้ำคำ เล่นคำ สลับกันระหว่างการร้องแบบปกติกับการร้องแร็พสนุกๆ ที่ภาคดนตรีนำร็อก โซล ฮิปฮอป และร็อกกับท่อนโซโลกีตาร์มันๆ มาผสมกันได้อย่างกลมกลืน ลงตัว น่าฟังมาก ซึ่งผมยกให้นี่เป็นเพลงเจ๋งสุดของอัลบั้มเลย
เบรกอารมณ์กับเพลงเพราะๆช้าๆกับ “กรรมตามสนอง(After She's Gone)” บทเพลงโอดครวญสำนึกผิดถึงอดีตที่ฉันเคยทำร้ายเธอ จนต้องสูญเสียเธอไปอย่างไม่หวนคืน แล้วสุดท้ายกรรมคือความทุกข์ทรมานใจก็มาตามสนองฉันเอง เพลงนี้ดนตรีค่อยๆเพิ่มดีกรีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จากลีลาการพรมนิ้วคงบนคีย์เปียโนแสนพลิ้วในช่วงอินโทร ต่อด้วยเสียงโซโลแซกโซโฟนเล่นนำเข้าเพลงในทางดนตรีผิวสี ก่อนส่งต่อเข้าสู่โหมดบัลลาดร็อกที่กีตาร์เล่นโซโลได้อย่างมีลีลาบาดลึก
ต่อเนื่องอารมณ์ผู้ผิดหวังในความรักกับ “จัดไปอย่าให้เสีย(As You Wish)” บัลลาดช้าๆที่เร่งจังหวะขึ้นมากว่าเพลงกรรมตามสนองนิดนึง มีเสียงแซกโซโฟนมาโซโลสร้างสีสันเรียกแขกในช่วงอินโทร เนื้อร้องพูดถึงคำขอโทษที่ผู้หญิงมักจะพูดพร่ำเพรื่อเวลาทำผิดจนเคยตัว ซึ่งมายด์ใช้วิธีเล่นคำตั้งแต่ชื่อเพลงไปจนในเพลงที่ใช้ลูกเล่นการย้ำคำ เน้นคำ โดยมีดนตรีคอยเล่นเน้นตรงจุดย้ำเป็นตัวหนุนส่ง อย่างเช่นท่อน “...รักแล้ว ยิ่งเจ็บ ยิ่งปวด ยิ่งทนเท่าไหร่ ใจไม่เคยหมดรัก อยากให้เธอมาย้ำอีก ซ้ำอีก ย้ำอีกซ้ำอีกสักครั้ง ถ้ามันทำให้เธอพอใจ...” ซึ่งนี่นับเป็นลีลาการนำเสนอที่เจ๋งทีเดียว
“I Do Miss You” มี 2 หนุ่ม Sqweez Animal มาร่วมฟีเจอริ่ง เป็นเพลงช้าอารมณ์ละเมียดมาในทางโซลผสมR&B เป้ร้องถ่ายทอดอารมณ์โหยหาความคิดถึงเก่าๆได้ดีทีเดียว กลางเพลงมีเสียงแซกโซโฟนโซโลแบบเหงาเศร้าตามด้วยลูกโซโลจากกีตาร์สั้นๆมาช่วยตอกย้ำอารมณ์หม่นอีกทาง
เร่งจังหวะขึ้นมากับ “แล้วเธอจะรู้สึก(My Turn)” มาในอารมณ์ฟิวชั่นแจ๊ซเจือกลิ่นโซล เนื้อเพลงออกแนวประชดประชันนิดๆ ภาคดนตรีนำเสนอแบบสนุกๆ กระตุกๆ เสียงแซกโซโฟนเด่นมาก เบสมีลูกเล่นตบโชว์ประปราย แต่เสน่ห์ของเพลงนี้ที่แท้จริงสำหรับผมคือในช่วงภาคโซโลดนตรีที่ทางวงมายด์ปล่อยของจัดเต็มเหนี่ยว เป้เป่าแซกในสำเนียงดนตรีผิวสีได้อย่างดุดัน ส่วนกลองตีลูกขัดสวนทางไป และที่เจ๋งมากก็คือไลน์กีตาร์ที่กระหน่ำริฟฟ์เสียงแตกๆโหดๆ แล้วต่อด้วยลีลาโซโลกับลูกนิ้วเร็วบรื๋อ มีจิ้มสาย ก่อนแถมด้วยพ่วงเอฟเฟควาห์ วาห์ ตบท้าย โอ้!?! ฟังยังกับมือกีตาร์ฮีโรมาเอง
“เหนื่อยเกินไปหรือเปล่า(Love or Beloved)” เป็นป็อบ ร็อกเพราะๆ ในลายเซ็นแบบมายด์ โดยเฉพาะเสียงโซโล(แอดลิบ)แซกโซโฟนหวานปนดุออกทางแจ๊ซนี่ถือเป็นทีเด็ดเลยทีเดียว ส่วน“หยุดเสียที(Enough)” เป็นบัลลาดช้าๆที่เป้ร้องถ่ายทอดออกมาได้อย่างเหงาเศร้า พร้อมกับมีเสียงเครื่องสายมาช่วยเติมเต็มตอกย้ำอารมณ์
เพลงต่อมาหลายคนคงผ่านหูจากโฆษณามาบ้างกับ “Keep it 100” เป็นการกระชากอารมณ์แบบฉันพลันกับเพลงแด๊นซ์มันๆ ที่มีวงฮิปฮอปรุ่นพี่“ไทเทเนียม”มาเป็นแขกรับเชิญ เพิ่มสีสันให้กับตัวเพลง
ปิดท้ายกันด้วย “Forever” ทางกีตาร์เล่นอินโทรนำมาชวนให้นึกบางเพลงของสตีวี เรย์ วอห์น ก่อนนำส่งเข้าเพลงในซุ่มเสียงร้องที่แปลกไป เพราะนี่คือเสียงร้องของ เต่ามือกีตาร์ ที่ขอฝากฝีมือในเพลงสุดท้ายด้วยการแต่งเพลงเองร้องเอง กับเพลงฟังสบายๆในกลิ่นโซลเพราะๆ ฟังเด่นด้วยเสียงแซกโซโฟนที่เล่นคลอไปตลอดเพลง
นับเป็น 10 เพลงจากอัลบั้มชุดใหม่ Master Peace ที่โดยรวมแล้วต้องบอกว่าคุ้มค่าการรอคอย เพราะบทเพลงเกือบทั้งหมดในชุดนี้จัดอยู่ในขั้นยอดเยี่ยม ทั้งท่วงทำนองที่ไพเราะ ติดหู เนื้อร้องที่น่าฟัง มีลูกเล่นในหลายเพลง ขณะที่เสียงร้องนำของเป้นั้นก็สามารถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้เป็นอย่างดี
หากฟังเปรียบเทียบกับ 2 ชุดแรก เป้มีพัฒนาการร้องเพลงที่ดีทีเดียว สามารถดีไซน์เสียงในแบบมายด์ออกมาได้อย่างเด่นชัด ส่วนเรื่องฝีมือทางดนตรีของวงมายด์ที่เหลือนั้นหายห่วง เล่นแน่นเข้าขากันดี ส่วนที่ผมยกนิ้วให้ก็คือแซกโซโฟนกับกีตาร์ที่เล่นได้เด็ดเด่นมาก
ส่งผลให้ภาคดนตรีในชุดนี้มีความโดดเด่น ไพเราะน่าฟังมาก มีสีสัน ลูกเล่น รายละเอียด เป็นป็อบเท่ๆที่มีการผสมความหลากหลายของโซล ร็อก ฮิปฮอป R&B แจ๊ซ ใส่ลงไปอย่างเหมาะสม กลมกลืน ลงตัว โดยเฉพาะกับการออกแบบเสียงเครื่องเป่าที่ฟังเด่นมากและสามารถสร้างเสน่ห์ในชุดนี้ได้มากโข ซึ่งทางวงมายด์ได้นิยามทางเพลงของพวกเขาว่า “วาไรตี้ป็อบ”(Variety Pop) ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น
สำหรับข้อเด่นอีกอย่างหนึ่งในอัลบั้มชุดนี้ เห็นจะเป็นการที่มายด์ได้ย้ายมาสังกัดบ้านใหม่ คือ “สไปร์ซซี่ ดิสก์”(Spicy Disc) ที่มีการบริหาร การทำตลาดค่อนข้างดี มีการทำมาสเตอร์ที่ดี ทำให้ซาวนด์ในชุดนี้ออกมาฟังแน่น มีรายละเอียดชัดเจนกว่า 2 ชุดที่แล้ว (ได้ข่าวว่าหลายเพลงรื้อทำกันหลายรอบ เพื่อให้เพลงออกมามีคุณภาพที่ที่ต้องการ)
นับได้ว่ามายด์ชุดนี้พัฒนาการ มีความเก๋าในฝีมือ และการเติบโตทางดนตรีไปอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งจัดอยู่ในระดับน้องๆมาสเตอร์พีช(Masterpiece)ของวงๆนี้ ได้เลยทีเดียว
“วาไรตี้ป็อบ”(Variety Pop) เป็นนิยามที่วง “Mild”(มายด์) ใช้เรียกแนวทางดนตรีในชุดใหม่ของพวกเขาที่ผสมความหลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเผลอแผล็บเดียว วงๆนี้มีอายุอานามตั้งแต่เริ่มก่อตั้งวงปาเข้าไปสิบปีแล้ว
แต่วงมายด์จัดเป็นวงที่ไม่ขยันออกอัลบั้ม สิบปีมีสตูดิโออัลบั้มแค่ 3 ชุด คือ “Mild”(2551)ชุดแรก “Ma Show”(2553)ชุดสอง และ“Master Peace” ชุดล่าสุด ที่เพิ่งออกมาสดๆร้อนๆ
อัลบั้มชุดนี้สมาชิกทั้ง 6 ของมายด์ยังคงอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา นำโดย “บดินทร์ เจริญราษฎร์ : เป้” - ร้องนำ, “เจน มโนภินิเวศ : เต่า” - กีตาร์, “ณธีพัฒน์ ประเสริฐมนูกิจ : ทอมท่อม” - เบส, “ธงไชย ทิมพูล : ไมค์” - กลอง และ “ไพสิฐ คำกลั่น : เป้(อีกคน)” - แซ็กโซโฟน
Master Peace มีทั้งหมด 10 เพลง ตามมาตรฐาน เปิดตัวกันด้วย “ดาว(Dream Girl)” เพลงชวนแด๊นซ์กับแนวดิสโก้ฟังก์เท่ๆ มีท่อนฮุกที่โดน ดนตรีสนุก ฟังติดหู เด่นด้วยทางกีตาร์มันๆทั้งลูกสะบัดคอร์ดขัดๆ ลูกโซโล และเสียงเครื่องเป่าทองเหลืองที่เข้ามาสร้างสีสันฟังมีพลัง
ต่ออารมณ์กับ “Love Sick” ที่ฟังแล้วไม่ชวนป่วย แต่ชวนโยกขยับกับกรูฟเท่ๆ เมโลดี้สวย ฟังติดหูง่าย โดดเด่นด้วยเสียงเครื่องเป่าที่เล่นโอบอุ้มสร้างเสน่ห์ให้กับเพลง เนื้อร้องใช้ภาษาง่ายๆแต่โดน โดยเฉพาะกับการนำภาษาอังกฤษมาย้ำคำ เล่นคำ สลับกันระหว่างการร้องแบบปกติกับการร้องแร็พสนุกๆ ที่ภาคดนตรีนำร็อก โซล ฮิปฮอป และร็อกกับท่อนโซโลกีตาร์มันๆ มาผสมกันได้อย่างกลมกลืน ลงตัว น่าฟังมาก ซึ่งผมยกให้นี่เป็นเพลงเจ๋งสุดของอัลบั้มเลย
เบรกอารมณ์กับเพลงเพราะๆช้าๆกับ “กรรมตามสนอง(After She's Gone)” บทเพลงโอดครวญสำนึกผิดถึงอดีตที่ฉันเคยทำร้ายเธอ จนต้องสูญเสียเธอไปอย่างไม่หวนคืน แล้วสุดท้ายกรรมคือความทุกข์ทรมานใจก็มาตามสนองฉันเอง เพลงนี้ดนตรีค่อยๆเพิ่มดีกรีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จากลีลาการพรมนิ้วคงบนคีย์เปียโนแสนพลิ้วในช่วงอินโทร ต่อด้วยเสียงโซโลแซกโซโฟนเล่นนำเข้าเพลงในทางดนตรีผิวสี ก่อนส่งต่อเข้าสู่โหมดบัลลาดร็อกที่กีตาร์เล่นโซโลได้อย่างมีลีลาบาดลึก
ต่อเนื่องอารมณ์ผู้ผิดหวังในความรักกับ “จัดไปอย่าให้เสีย(As You Wish)” บัลลาดช้าๆที่เร่งจังหวะขึ้นมากว่าเพลงกรรมตามสนองนิดนึง มีเสียงแซกโซโฟนมาโซโลสร้างสีสันเรียกแขกในช่วงอินโทร เนื้อร้องพูดถึงคำขอโทษที่ผู้หญิงมักจะพูดพร่ำเพรื่อเวลาทำผิดจนเคยตัว ซึ่งมายด์ใช้วิธีเล่นคำตั้งแต่ชื่อเพลงไปจนในเพลงที่ใช้ลูกเล่นการย้ำคำ เน้นคำ โดยมีดนตรีคอยเล่นเน้นตรงจุดย้ำเป็นตัวหนุนส่ง อย่างเช่นท่อน “...รักแล้ว ยิ่งเจ็บ ยิ่งปวด ยิ่งทนเท่าไหร่ ใจไม่เคยหมดรัก อยากให้เธอมาย้ำอีก ซ้ำอีก ย้ำอีกซ้ำอีกสักครั้ง ถ้ามันทำให้เธอพอใจ...” ซึ่งนี่นับเป็นลีลาการนำเสนอที่เจ๋งทีเดียว
“I Do Miss You” มี 2 หนุ่ม Sqweez Animal มาร่วมฟีเจอริ่ง เป็นเพลงช้าอารมณ์ละเมียดมาในทางโซลผสมR&B เป้ร้องถ่ายทอดอารมณ์โหยหาความคิดถึงเก่าๆได้ดีทีเดียว กลางเพลงมีเสียงแซกโซโฟนโซโลแบบเหงาเศร้าตามด้วยลูกโซโลจากกีตาร์สั้นๆมาช่วยตอกย้ำอารมณ์หม่นอีกทาง
เร่งจังหวะขึ้นมากับ “แล้วเธอจะรู้สึก(My Turn)” มาในอารมณ์ฟิวชั่นแจ๊ซเจือกลิ่นโซล เนื้อเพลงออกแนวประชดประชันนิดๆ ภาคดนตรีนำเสนอแบบสนุกๆ กระตุกๆ เสียงแซกโซโฟนเด่นมาก เบสมีลูกเล่นตบโชว์ประปราย แต่เสน่ห์ของเพลงนี้ที่แท้จริงสำหรับผมคือในช่วงภาคโซโลดนตรีที่ทางวงมายด์ปล่อยของจัดเต็มเหนี่ยว เป้เป่าแซกในสำเนียงดนตรีผิวสีได้อย่างดุดัน ส่วนกลองตีลูกขัดสวนทางไป และที่เจ๋งมากก็คือไลน์กีตาร์ที่กระหน่ำริฟฟ์เสียงแตกๆโหดๆ แล้วต่อด้วยลีลาโซโลกับลูกนิ้วเร็วบรื๋อ มีจิ้มสาย ก่อนแถมด้วยพ่วงเอฟเฟควาห์ วาห์ ตบท้าย โอ้!?! ฟังยังกับมือกีตาร์ฮีโรมาเอง
“เหนื่อยเกินไปหรือเปล่า(Love or Beloved)” เป็นป็อบ ร็อกเพราะๆ ในลายเซ็นแบบมายด์ โดยเฉพาะเสียงโซโล(แอดลิบ)แซกโซโฟนหวานปนดุออกทางแจ๊ซนี่ถือเป็นทีเด็ดเลยทีเดียว ส่วน“หยุดเสียที(Enough)” เป็นบัลลาดช้าๆที่เป้ร้องถ่ายทอดออกมาได้อย่างเหงาเศร้า พร้อมกับมีเสียงเครื่องสายมาช่วยเติมเต็มตอกย้ำอารมณ์
เพลงต่อมาหลายคนคงผ่านหูจากโฆษณามาบ้างกับ “Keep it 100” เป็นการกระชากอารมณ์แบบฉันพลันกับเพลงแด๊นซ์มันๆ ที่มีวงฮิปฮอปรุ่นพี่“ไทเทเนียม”มาเป็นแขกรับเชิญ เพิ่มสีสันให้กับตัวเพลง
ปิดท้ายกันด้วย “Forever” ทางกีตาร์เล่นอินโทรนำมาชวนให้นึกบางเพลงของสตีวี เรย์ วอห์น ก่อนนำส่งเข้าเพลงในซุ่มเสียงร้องที่แปลกไป เพราะนี่คือเสียงร้องของ เต่ามือกีตาร์ ที่ขอฝากฝีมือในเพลงสุดท้ายด้วยการแต่งเพลงเองร้องเอง กับเพลงฟังสบายๆในกลิ่นโซลเพราะๆ ฟังเด่นด้วยเสียงแซกโซโฟนที่เล่นคลอไปตลอดเพลง
นับเป็น 10 เพลงจากอัลบั้มชุดใหม่ Master Peace ที่โดยรวมแล้วต้องบอกว่าคุ้มค่าการรอคอย เพราะบทเพลงเกือบทั้งหมดในชุดนี้จัดอยู่ในขั้นยอดเยี่ยม ทั้งท่วงทำนองที่ไพเราะ ติดหู เนื้อร้องที่น่าฟัง มีลูกเล่นในหลายเพลง ขณะที่เสียงร้องนำของเป้นั้นก็สามารถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้เป็นอย่างดี
หากฟังเปรียบเทียบกับ 2 ชุดแรก เป้มีพัฒนาการร้องเพลงที่ดีทีเดียว สามารถดีไซน์เสียงในแบบมายด์ออกมาได้อย่างเด่นชัด ส่วนเรื่องฝีมือทางดนตรีของวงมายด์ที่เหลือนั้นหายห่วง เล่นแน่นเข้าขากันดี ส่วนที่ผมยกนิ้วให้ก็คือแซกโซโฟนกับกีตาร์ที่เล่นได้เด็ดเด่นมาก
ส่งผลให้ภาคดนตรีในชุดนี้มีความโดดเด่น ไพเราะน่าฟังมาก มีสีสัน ลูกเล่น รายละเอียด เป็นป็อบเท่ๆที่มีการผสมความหลากหลายของโซล ร็อก ฮิปฮอป R&B แจ๊ซ ใส่ลงไปอย่างเหมาะสม กลมกลืน ลงตัว โดยเฉพาะกับการออกแบบเสียงเครื่องเป่าที่ฟังเด่นมากและสามารถสร้างเสน่ห์ในชุดนี้ได้มากโข ซึ่งทางวงมายด์ได้นิยามทางเพลงของพวกเขาว่า “วาไรตี้ป็อบ”(Variety Pop) ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น
สำหรับข้อเด่นอีกอย่างหนึ่งในอัลบั้มชุดนี้ เห็นจะเป็นการที่มายด์ได้ย้ายมาสังกัดบ้านใหม่ คือ “สไปร์ซซี่ ดิสก์”(Spicy Disc) ที่มีการบริหาร การทำตลาดค่อนข้างดี มีการทำมาสเตอร์ที่ดี ทำให้ซาวนด์ในชุดนี้ออกมาฟังแน่น มีรายละเอียดชัดเจนกว่า 2 ชุดที่แล้ว (ได้ข่าวว่าหลายเพลงรื้อทำกันหลายรอบ เพื่อให้เพลงออกมามีคุณภาพที่ที่ต้องการ)
นับได้ว่ามายด์ชุดนี้พัฒนาการ มีความเก๋าในฝีมือ และการเติบโตทางดนตรีไปอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งจัดอยู่ในระดับน้องๆมาสเตอร์พีช(Masterpiece)ของวงๆนี้ ได้เลยทีเดียว