xs
xsm
sm
md
lg

'สารวัตรหมาบ้า' ยุคตำรวจเลวลึกกว่าในหนัง/อภินันท์

เผยแพร่:   โดย: อภินันท์ บุญเรืองพะเนา


รายได้ 4 แสนกว่าบาท กับการเปิดตัวฉายในวันแรก พอจะส่งเสียงบอกได้รางๆ ว่าปลายทางของหนังเรื่องนี้จะไปจบลงตรงตัวเลขเท่าไหร่ของรายได้รวม อย่างไรก็ดี กล่าวสำหรับคุณภาพผลงานซึ่งถือเป็นการกำกับหนังครั้งแรกของคุณชายอดัม (ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล) โอรสในท่านมุ้ย (ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล) นับเป็นก้าวที่น่าสนใจ และคาดการณ์ได้ว่า ในเวทีประกวดรางวัลปีหน้า จะมี “สารวัตรหมาบ้า” ติดชื่อเข้าชิงในหลากหลายสาขาอย่างแน่นอน

โดยส่วนตัว ผมคิดว่ามีอยู่หลายเหตุผลซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้หนังเรื่องนี้เรียกคนดูไม่ได้ หนึ่งในนั้นที่หลายคนพูดถึงก็คือ หนังตัวอย่างซึ่งไม่หวือหวาน่าสนใจเพียงพอ อันที่จริง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่คุณชายอดัมผู้กำกับ “เข้าใจ” และ “จงใจ” ให้มันเป็นเช่นนั้นตั้งแต่แรก และผมมองว่านี่คือจุดดีที่ต้องชมเชย อย่างน้อยก็คือความซื่อสัตย์ต่อตัวเองและคนดู ผิดจากหนังตัวอย่างยุคนี้ที่ต้องตูมตามโครมคราม ทั้งที่ตัวหนังจริงๆ อาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย

เราท่านก็คงจะเคยผ่านหูผ่านตามาบ้างใช่ไหมครับกับวิธีการโปรโมทหนังที่ต้องพึ่งพาความตูมโตมโครมครามเอาไว้ก่อน จำได้ไหม ชัดที่สุดก็หนังเรื่อง Monster ซึ่งจากเทรลเลอร์ ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นหนังสัตว์ประหลาดบุกโลกหรือหนังโลกหายนะอะไรแบบนั้น แต่พอได้ดูจริงๆ หนังนิ่งจนเกือบหลับ สัตว์ประหลาดที่คาดว่าจะอึกทึกยิ่งใหญ่ ก็เป็นตัวอะไรสักตัวเคลื่อนไหวอยู่ใต้น้ำ นี่ผมไม่ได้พูดถึงความดีของหนังนะครับ เพราะประเด็นที่เขาสื่อเรื่อง “การเป็นสัตว์ประหลาดหรือตัวประหลาด” นั้นก็คมคายอยู่ (ถึงขนาดที่ป๋าสตีเว่น สปีลเบิร์ก ซูฮกว่าเป็นหนังมอนสเตอร์ที่ดีที่สุดในรอบหลายปี) เพียงแต่ภาพจริงกับหนังตัวอย่าง มันขัดแย้งกันและหลอกลวงคนดูผู้บริโภคใช้ได้

แต่เรากลับจะเห็นความจริงใจในหนังตัวอย่างของ “สารวัตรหมาบ้า” คือไม่เน้นขายแอ็กชั่นตูมตามโครมคราม ทั้งที่ตัวเรื่องซึ่งเกี่ยวกับตำรวจล่าผู้ร้าย เป็นต้นทุนชั้นดีที่สามารถให้ทำแบบนั้นได้ แต่ในเมื่อตัวหนังจริงๆ มันไม่ได้ยิงกันสะบั้นหั่นแหลก คำถามก็คือ แล้วจะแหกตาคนดูด้วยฉากแอ็กชั่นหรือการตัดต่อหนังตัวอย่างให้ดูบู๊เด็ดเผ็ดมันไปทำไม ดังนั้น หนังตัวอย่างของ “สารวัตรหมาบ้า” จึงค่อนข้างขาดรสชาติความระทึกใจแบบที่จะโบกมือเรียกแขกได้

กระนั้นก็ดี พูดแบบนี้เหมือนเป็นการผลักภาระให้คนดู คือคิดว่าคนดูจะต้องถูกปลุกเร้าด้วยอะไรที่อึกทึกครึกโครมเท่านั้นถึงจะตีตั๋วเข้าไปดู และในมุมนี้ คนดูก็สามารถโต้กลับได้เช่นกันว่า พวกเขาไม่ได้ฉาบฉวยขนาดนั้น ในทางกลับกัน ผมคิดว่าหนังตัวอย่างของสารวัตรหมาบ้าเองก็มีปัญหาอยู่พอสมควร มันคือปัญหาด้านการสื่อสารแบบเดียวกันกับที่หนังดีๆ หลายเรื่องเคยประสบพบเจอมา อย่างเช่น “เฉือน” คือตัวหนังนั้นมีความดีอยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้วครับ แต่หนังตัวอย่าง ไม่ทำให้คนดูรู้สึกว่า ถ้าเขาตีตั๋วเข้าไปดูแล้ว เขาจะได้อะไร หัวเราะ ร้องไห้ หรือสะใจกับความมันบู๊

หนังของคุณพจน์ อานนท์ เห็นตัวอย่างแล้วเข้าใจทันทีว่าเข้าไปดูต้องขำ อาจไม่ใช่สำหรับทุกคน แต่หลายคนก็ชัดเจนเช่นนั้น หนังของคุณเป็นเอก รัตนเรือง เพียงแค่เห็นตัวอย่างก็เดาทางได้แล้วว่าถ้าเข้าไปดู อาจจะรู้สึกซึมๆ สะลึมสะลือหน่อย ต้องโด๊ปกาแฟขมๆ สักแก้วก่อนเข้าชม ฯลฯ แต่สำหรับ “สารวัตรหมาบ้า” ดูแล้วจะได้อะไร หรือสนุกแบบไหนกับหนัง นั่นคือส่วนหนึ่งซึ่งผมเชื่อว่าเป็นที่มาของความลังเลของผู้คนจำนวนไม่น้อย

ทีนี้ แล้ว “สารวัตรหมาบ้า” มันเป็นหนังแบบไหนกันล่ะ? คำตอบก็เหมือนอย่างที่เกริ่นไว้คร่าวๆ ครับว่า มันคือหนังดราม่าชีวิตที่มีเรื่องราวสืบสวนสอบสวนเข้ามาเกี่ยวข้อง “เต๋า-สมชาย เข็มกลัด” สวมบทบาทเป็นสารวัตรวสันต์ นายตำรวจผู้กำลังตกที่นั่งลำบาก ทั้งเรื่องครอบครัวและหน้าที่การงาน ชีวิตของสารวัตรวสันต์เดินทางมาถึงจุดตัดที่สำคัญ เมื่อเขาได้รับคำสั่งให้เข้าไปปฏิบัติภารกิจสืบสวนคลี่คลายคดีฆาตกรรมเด็กที่กำลังเป็นข่าวฮือฮา และคดีนี้ก็เป็นดั่งคำพิพากษาที่จะชี้ขาดตัดสินอนาคตของสารวัตรดวงตกคนนี้ด้วย

ตามความตั้งใจของคุณชายอดัมที่จะทำให้หนังเรื่องนี้ออกมาในบรรยากาศและอารมณ์ของหนังยุค 80 (ทศวรรษ 1980) ถือว่าประสบความสำเร็จ คนที่จะดูหนังเรื่องนี้ได้สนุกกว่าคนอื่นๆ อาจจะต้องผูกพันกับหนังตำรวจยุคเก่าๆ อย่างพวกเซอร์ปิโก้หรืออะไรพวกนั้น หนังพยายามไม่สลับซับซ้อนในการเล่าเรื่องเหมือนหนังยุคใหม่ๆ แม้จะมีการวางปมผูกพล็อตให้ดูมีเลศนัย แต่ก็ไม่ได้ถึงกับต้องวิเคราะห์กันจนเวียนหัว คุณชายอดัมนั้นมีความผูกพันและเติบโตกับหนังยุคประมาณ 20-30 ปีที่แล้วที่เล่าเรื่องง่ายๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่จะมีการคลี่คลายปมที่พลิกความเข้าใจของคนดูในช่วงตอนจบ และเขาก็ใช้ความสนใจนั้นเป็นพื้นฐานในการทำหนัง มันจึงอาจเป็นอุปสรรคอยู่บ้างสำหรับคนยุคนี้ที่คุ้นเคยกับการดูหนังซึ่งเล่นกับความซับซ้อนสูงๆ มาแล้ว

แต่ถึงจะเล่าเรื่องง่ายๆ ทว่าสารวัตรหมาบ้าก็มีความน่าสะเทือนใจที่เล่นกับอารมณ์ความรู้สึกของคนดูได้ดีระดับหนึ่ง ผมว่าหนังคิดส่วนผสมมาดีว่าจะต้องมีอะไรบ้างในเรื่องราว ไมว่าจะเป็นความสัมพันธ์อันง่อนแง่นระหว่างสารวัตรวสันต์กับภรรยา (ป๊อก-ปิยธิดา) หรือแม้แต่ พล.ต.ต.ประพันธ์ (ชลัฏ ณ สงขลา) ผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมาของสารวัตรวสันต์ ไปจนถึงคดีฆาตกรรมซ่อนเงื่อนที่ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องไม่ทางใดก็ทางหนึ่งกับสารวัตรวสันต์ หนังผูกประเด็นเครียดๆ เหล่านั้นแวดล้อมกดดันสารวัตรจากรอบทิศทางราวกับว่าจะต้องถึงคราวชะตาขาดของสารวัตรแน่ๆ ส่วนดาราทุกคนก็แสดงได้ดี เป็นการแคสติ้งที่ดีบวกับการกำกับที่ดี บททุกบทล้วนแล้วแต่มีส่วนในการหนุนส่งให้บทของสารวัตรวสันต์เข้มข้นมีพลัง

เต๋า-สมชาย เข็มกลัด คือหนึ่งในมวลสารชั้นดีของหนัง เขาตีบทของสารวัตรผู้โผงผางได้กระจุยกระจาย ไม่ด้อยไปกว่าตอนที่เล่นเป็นโจรห่มผ้าเหลืองในเรื่องนาคปรก บทของเต๋า-สมชาย ถูกออกแบบมาในรูปรอยของตัวละครแบบที่เราจะพบเห็นได้ในหนังฟิล์มนัว (Film Noir) ซึ่งมีทั้งด้านที่มืดมัวและสว่างไสวในตัวเอง พฤติการณ์ของเขาจะทำให้เขาถูกตั้งคำถามจากคนดูตลอดเวลาว่า ตกลงแล้ว เขาคือเทพหรือมารกันแน่ แต่กระนั้นก็ตาม กล่าวสำหรับสารวัตรหมาบ้า หนังไม่ได้ออกมาดาร์กนัวร์มัวหม่นถึงขั้นเป็นหนังฟิล์มนัวร์เต็มรูปแบบ หากแต่กลิ่นอายของหนังฟิล์มนัวร์คืออ๊อพชั่นเสริมที่แนบเพิ่มเข้ามาให้พอเหมาะกับเนื้อหาเรื่องราว ซึ่งสุดท้ายปลายทางของมันก็คือ หนังพยายามส่งเสียงบอกถึงบุคคลที่สามารถจะเป็นเยี่ยงอย่างในทางที่ดีให้กับคนดูได้ หรือแม้กระทั่งการเป็นต้นแบบของบุคคลในแวดวงสีกากี

อันที่จริง การจับเรื่องราวในแวดวงสีกากีมาบอกเล่า ถือเป็นไอเดียที่ดีนะครับ แล้วหนังเรื่องนี้ก็ดูจะพาตัวเองไปได้ไกลพอสมควร ในแง่ที่สะท้อนให้เห็นถึงด้านที่ดำมืดในวงการตำรวจ แต่ที่น่าเสียดายอยู่สักหน่อยก็คือ สิ่งเหล่านั้นมันเป็นเรื่องที่เราท่าน ก็รู้ๆ กันอยู่แล้ว มันไม่ใช่เรื่องผิดนะครับ เพราะอันที่จริง หนังมันก็วนซ้ำๆ กันไปมา เหมือนหนังผีมันก็มีอยู่เท่านั้น เพียงแต่ว่าถ้าเขาเคยเล่าไปแล้ว เราจะทำให้มันน่าสนใจได้อย่างไร ในเนื้อหาประเด็นเดิมๆ นั้น

อีกส่วนหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้ เคยมีหนังตำรวจที่ทำได้ดีมากๆ มาแล้ว อย่าง Infernal Affair หรือแม้แต่ล่าสุด อย่าง Cold War มันเหมือนมีหนังดีๆ ขี่คออยู่ หนังใหม่อย่างสารวัตรหมาบ้า จึงไม่สามารถเปล่งรัศมีได้เท่าที่ควรจะเป็น ยิ่งพูดเรื่องความเลวของตำรวจ อย่างที่ Infernal Affair เคยเสนอไว้ มันไปถึงจุดที่ซับซ้อนซ่อนกล แยบยลและแยบคายอย่างถึงที่สุด สารวัตรหมาบ้าจึงดูคล้ายๆ ว่าเป็นเด็กประถมไปเลย ขณะที่ความเลวในแวดวงตำรวจจริงๆ สอบผ่านปริญญาเอกไปตั้งนานแล้ว

ในสภาพสังคมที่คนมีอารมณ์ร่วมรุนแรงกับเรื่องตำรวจเลวๆ ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับว่า ถ้าหนังเรื่องนี้จะหยิบจับสถานการณ์ในแวดวงสีกากียุคปัจจุบันแล้วเสนอมันออกมาอย่างตีแสกหน้า คนอาจจะอยากดูมากกว่านี้หรือเปล่า คนจะอินมากกว่านี้หรือเปล่า คนไทยสมัยนี้มีอารมณ์ร่วมอยู่หนึ่งอย่างคือเจ็บปวดกับเรื่องตำรวจกันเยอะ แต่ในมุมไหนบ้าง ถ้าหนังตอบโจทย์ตรงนี้ได้ อาจจะเรียกคนดูได้มากกว่าที่เป็นอยู่ หรือเปล่า นี่คือคำถามนะครับ

“สารวัตร” ในแบบ “สารวัตหมาบ้า” นั้นอาจจะตกยุคไปแล้ว เดี๋ยวนี้มีสารวัตรแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นเยอะแยะ เมื่อเดือนที่ผ่านมา ถ้ายังจำกันได้ ก็มีสารวัตรคนหนึ่งไม่ใช่หรือครับที่ออกอาการปานหมาบ้า หลังจากดวงตก ถูกโยกไปอยู่ในที่ที่ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำมาหารับประทาน ผมว่าน่าหยิบมาเล่าดีออกนะครับ จริงไหม?






กำลังโหลดความคิดเห็น