xs
xsm
sm
md
lg

“นางงามอีสาน” แฉแหลก ไปประกวดนางแบบอินเตอร์ โดนหลอกให้แก้ผ้า-พาขึ้นคอนโด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“นางงามอีสาน” รอดถูกข่มขืน แฉแหลกไปประกวดนางแบบอินเตอร์ เจอผู้จัดการกองประกวดลวนลาม พาขึ้นคอนโดจะให้ไปนอนกับสปอนเซอร์ แถมโดนกอดฟัดในลิฟท์ สุดเจ็บใจต่างชาติมองสาวไทยง่ายขายตัว

ฉาวเวทีการประกวดนางแบบอินเตอร์ Miss world next top model 2013 ที่เลบานอน ซึ่งมีนางแบบจาก 40 ประเทศเข้าประกวด รวมถึงสาวไทย “จอมขวัญ ควรตะขบ” สาวงามมือล่ามงกุฎจากโคราช ที่ประกวดนางงามในโคราชมาแล้วหลายไวที ไม่ว่าจะเป็นเวทีธิดาขนมจีนปลาโดก ธิดาผ้าไหมปักธงชัย ธิดาเบญจมาศบาน นางงามลอยกระทง นางงามวันสงกรานต์ ฯลฯ ที่เป็นตัวแทนของสาวไทยเข้าประกวดเวทีดังกล่าว

แต่เข้าไปเก็บตัวไปได้ 10 กว่าวัน ก็ต้องรีบเผ่นกลับเมืองไทยแทบไม่ทัน เพราะเจอเจ้าหน้าที่กองประกวดหลอกให้แก้ผ้า พาขึ้นคอนโด และถูกกอดรัดล่วงเกินในลิฟท์ จนต้องแจ้งกงสุลพาออกมาในที่สุด สุดเจ็บใจและเสียใจที่เจอเหตุการณ์แบบนี้

“เริ่มประกวดนางงามตั้งแต่เรียนปี 1 ที่ราชภัฏโคราช ประกวดเฟรชชี่บอยแอนด์เกิร์ลเอไอเอสเขาจัดก็ได้ที่ 1 กับป็อบปูล่าโหวต ก็ไปประกวดดาวคณะก็ชนะ และก็ไปประกวดดาวมหาวิทยาลัย จากนั้นก็มีรุ่นพี่พาไปประกวดที่โน่นที่นี่เรื่อยๆ ก็เยอะเหมือนกันแต่ส่วนมากจะอยู่ที่โคราชซะส่วนใหญ่ ธิดาผ้าไหมปักธงชัย นางงามขนมจีนปลาโดก ธิดาเบญมาศบาน งานลอยกระทง งานสงกรานต์ที่โคราช ส่วนมากจะได้ตำแหน่งแต่ก็มีตกรอบบ้าง ที่กรุงเทพก็มีไอทีมอล์ฟอร์จูนก็ได้ที่1 มิสสคูบ้าไทยแลนด์ปีที่แล้วได้ที่ 3 มิสบิวตี้ควีนไทยแลนด์ เข้ารอบ 10 คนสุดท้าย”

“เราก็เดินสายประกวดเรื่อยมา และพอดีมีรุ่นพี่ที่ไปซื้อลิขสิทธิ์มิสเวิล์ดเน็กซ์ท็อปโมเดล เขาเห็นเราชอบประกวดก็เลยส่งเราไปประกวดที่เลบานอน เราก็ไปตอนแรกดีมากเขาให้การต้อนรับดีอาหารการกินกิจกรรมต่างๆ พาไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ สวยหรูโอเคที่พักก็ระดับ 5 ดาว นั่นคือช่วงสัปดาห์แรก แต่พอสัปดาห์ต่อมากิจกรรมจะเยอะมากเลิกดึกตี 2 ตี 3 บางทีถึงโรงแรมตี 4 ใส่ชุดว่ายน้ำบิกินี่ทุกวันใส่เยอะมาก”

“ซึ่งตามกำหนดเราต้องไปตั้งแต่วันที่ 5 - 30 มิ.ย. แต่ขวัญกลับมาตั้งแต่วันที่ 17 ทั้งที่ตอนที่อยู่ในกองประกวดมีคนให้ความสนใจเราเยอะมาก เพื่อนๆ ตื่นเช้ามาเจอกันก็จะไฮไทยแลนด์ ลูกหลานเจ้าของกองประกวดก็จะไฮไทยแลนด์ สื่อมวลชนก็จะเรียกเราถ่ายรูปเยอะเหมือนกัน ไม่กล้าบอกว่าเป็นตัวเต็งไหม แต่รู้สึกว่าสื่อค่อนข้างได้รับความสนใจเยอะมาก ประกอบกับปีที่แล้วของเราก็ทำได้ดีได้ตำแหน่งรองอันดับ 2 ปีนี้เราก็เลยได้รับความสนใจเป็นพิเศษ”

“แต่ที่ต้องกลับมาก่อนกำหนดเหตุเพราะเราเจอเหตุการณ์หลายๆ อย่างที่มันไม่ไหวแล้ว มันเริ่มจากตอนที่เพื่อนนางงามญี่ปุ่นเขาเจ็บขา เราก็เลยไปนวดให้เขานวดเท้านวดตัวให้ เพื่อนๆ คนอื่นๆ เห็นก็บอกให้นวดให้ฉันด้วย อีลี่ผู้จัดการกองประกวดก็เห็นเขาก็บ่นว่าเขาเมื่อยเหมือนกัน ช่วยนวดให้ฉันหน่อยฉันปวดมากฉันต้องตายแน่ๆ เลยกว่าจะถึงวันตัดสิน เราก็รับๆ ปากไปว่าได้ๆ ไม่ได้คิดอะไร”

“แล้วมีคืนหนึ่งที่อิลี่เขาบอกให้นางงามทุกคนไปเอาเสื้อผ้าที่ห้องเขาตอนนั้นประมาณตี 2 เราก็ไปแต่ว่าเราหาเสื้อไม่เจอ เขาก็บอกรอก่อนๆ พอนางงามคนอื่นมาก็ไปหาให้คนอื่น คือไม่หาให้เราซักทีบอกแต่ให้รอ จนกระทั่งเหลือเราเป็นคนสุดท้าย เขาก็เอามงกุฎออกมาให้ดูและถามว่าสวยไหม เราก็บอกว่าสวยและเราจะทำให้ดีที่สุด เขาก็บอกว่า ไม่ยากหรอกแค่ดูแลฉันให้ดีก็พอ”

“และเขาก็เขาก็บอกเธอช่วยนวดให้ฉันหน่อย ซึ่งเราก็เคยพูดรับปากเขาแล้ว กลัวก็กลัวแต่ก็คิดว่า เอาวะ...ถ้าลุกขึ้นมาทำอะไรก็จะเหยียบเลย เขาก็นั่งคว่ำเราก็นวดไหล่มาจากข้างหลัง นวดไปได้แค่ 2 นาทีเขาก็บอกว่าฉันจะหลับแล้ว แล้วเขาก็ขึ้นไปบนเตียงและถอดเสื้อ บอกให้เราไปเปลี่ยนชุดซึ่งวันนั้นเราใส่เป็นเดรส เขาก็บอกให้ไปเปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้นซึ่งเป็นชุดที่เขาแจกนั่นแหละ”

“เราก็เอ๊ะ...เราใส่กระโปรงมันอาจจะดูไม่สุภาพหรือเปล่าถ้าเราจะนวดให้เขา เราก็เลยไปใส่กางเกงขาสั้นไว้ข้างในเดรส เขาก็บอกว่าไม่ใช่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันให้เธอใส่กางเกงขาสั้น เราก็เลยเอากางเกงขาสั้นออกมาข้างนอกเดรส เขาบอกเธอทำอะไรของเธอไทยแลนด์ ฉันไม่ได้ให้เธอทำแบบนี้ ฉันให้เธอถอดชุดเดรสของเธอไปเลยใส่แต่กางเกงขาสั้นตัวเดียว”

“เราก็อ้าวยังไงเนี่ย จะให้แก้ผ้าเหรอเพราะถ้าถอดเดรสก็เหลือแต่เสื้อชั้นในกับกางเกงขาสั้น ก็บอกไปว่าฉันทำไม่ได้หรอก เขาก็บอก Why Why Why อยู่นั่นแหละ เราก็เลยบอกไปว่า ฉันเอาขี้ผึ้งมาจากประเทศไทยนะ ถ้าฉันได้นวดขี้ผึ้งมันจะดีมากแต่ว่าขี้ผึ้งฉันอยู่บนห้อง ขอกลับไปเอาก่อนนะ เขาก็โอเคเราก็รีบออกจากห้องและไม่กลับไปอีกเลย เพราะคิดว่ามันต้องคิดให้ทำอะไรมากกว่าการนวดแน่ๆ เลย และก็ส่งข้อความไปในเฟซว่า หนูเหนื่อยมากคงไม่กลับไปนวดให้แล้ว และถ้าจะให้นวดให้จะไม่ขออยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องแบบนี้”

“จากนั้นหนูก็ไลน์ไปเล่าเรื่องนี้ให้พี่เมืองไทยฟัง เขาก็บอกว่าให้เราทำตัวตามปกติอย่าไปทำให้เขารู้ว่าเรากลัว เพราะอาจจะเป็นการลองใจก็ได้ว่าเราจะใจง่ายหรือเปล่า เราก็โอเคทำตัวตามปกติ และก็มีอีกวันหนึ่งที่เราจะต้องไปเอาเดรสที่ห้องโถงโรงแรม อีลี่เขาก็เดินตามมาอีกเขาหยิบเดรสให้แล้วก็ยื่นหน้ามาเหมือนจะหอมแก้ม เราก็หลบเขาก็ยิ้มบอกไม่เป็นไร เราก็พยายามเลี่ยงตลอดไม่อยากจะอยู่กับเขา”

กองประกวดที่นั่นจะมีปาร์ตี้ทุกวัน เขาจะมีเหล้าเยอะมากๆ หลากหลายยี่ห้อใครอยากกินอะไรก็สั่งๆ ได้เลย มอมเมาสุดๆ ใครอยากเมาก็เมาเลย แต่เราไม่เคยกินเพราะค่อนข้างระวังตัวส่วนมากจะกินน้ำส้มตลอด แต่เป็นคนสนุกเต้นๆ เหมือนคนเมา อีลี่เขาก็ไปบอกคนอื่นว่าเราเมา และก็มีสปอนเซอร์เดินเข้ามาในร้านก็พูดๆ ว่าไทยแลนด์ๆ”

“ซักพักหนึ่งเขาก็ให้สตาฟมาเรียกบอกให้ไทยแลนด์ออกไปนอกร้าน เราก็เลยชวนเพื่อนออกไปด้วยเขาก็บอกว่าไม่ต้องแค่ไทยแลนด์ เราก็เห็นเพื่อนกลุ่มใหญ่ๆ เริ่มจะมูฟไปหน้าร้านก็เลยคิดว่าคงจะไปกันหมดก็เลยไป แต่พอออกมาหน้าร้านก็ไม่เห็นใครตามออกมาและก็มีคนตัวใหญ่ๆ มารับหน้าร้านและบอกให้เดินข้ามถนนไปขึ้นรถ ถามว่าจะไปไหนกันเขาก็ไม่ตอบ”

“มองเข้าไปก็เห็นเพื่อนที่เป็นรูมเมทนั่งอยู่ในรถ แต่คนนี้ไม่สนิทจะสนิทกับกับคนมากกว่า แต่เราก็คิดว่าเออมีเพื่อนคงไม่เป็นอะไร ก็ถามว่าเราจะไปไหน แล้วเหมือนนางเมาก็พูดว่าเราจะไปปาร์ตี้กัน ซักพักก็เห็นนางงามอีกคนหนึ่งมานั่งข้างคนขับและรถก็ขับออกไปเลย เขาขับเร็วมากขับซิกแซกสองคนนั้นก็กรี๊ดยิ่งเปิดเพลงดังๆ ก็ยิ่งกรี๊ด”

“พอไปถึงมันเป็นคอนโดเราก็เริ่มกลัวแล้วเดินตามหลังเป็นคนสุดท้ายเลยกะว่าเผื่อมีอะไรจะวิ่ง และเขาก็เคาะห้องมีผู้ชายมาเปิดเขาก็แนะนำว่าคนนี้เป็นสปอนเซอร์ และก็ให้ไปนั่งข้างในกันแต่เราไม่นั่งก็ทำเป็นเดินดูนั่นดูนี่ไป ก็ถามเขาว่ามาทำอะไรที่นี่ เขาก็บอกเดี๋ยวมีปาร์ตี้กันนิดนึง และก็ถามว่าดื่มอะไรกันเราก็เลยไม่พูดอะไร นั่งไม่ติดเดินไปเดินมา สัญญาณไวไฟก็ไม่มีอยากจะส่งข่าวบอกพี่ๆ ที่ประเทศไทย พอนางงามคนหนึ่งก็เริ่มจูบกับผู้ชายคนที่ขับรถมาเราก็เริ่มใจไม่ดี ก็เลยถามว่าคนอื่นๆ จะมาตอนไหน เขาบอกเดี๋ยวจะทยอยมา เราก็เลยบอกงั้นเดี๋ยวไปรอที่ล็อบบี้นะและก็เปิดประตูออกมาเลย โดยไม่สนว่าจะให้ออกหรือไม่ออก”

“กำลังกดลิฟท์ซักพักหนึ่งก็มีผู้ชายวิ่งตามออกมา เขาก็ถามว่าจะไปไหน จะทำแบบนี้ไม่ได้จะไปไหนต้องโทรบอกอีลี่ เราก็บอกให้เขาโทรไปสิเขาก็บอกว่าโทรศัพท์เขาอยู่ในห้องต้องไปโทรในห้อง เราก็บอกว่าฉันไม่อยากอยู่ในห้อง เขาก็บอกว่าใครแตะเนื้อต้องตัวเธอเหรอ ทำไมเธอถึงออกมาแบบนี้ เราก็บอกไม่มีแต่ฉันไม่อยากอยู่ในห้องนั้น เขาก็บอกว่าในเมื่อไม่มีก็ไม่ควรออกมา แล้วก็ขู่ว่าเธอจะไปไหนไม่ได้หรอกเพราะที่นี่มันอันตราย”

“เขาก็เริ่มเสียงดังขึ้นตะคอกใส่เรา คือจะให้เราเข้าห้องให้ได้และก็กระชากแขนดึงแขนและพูดเสียงดังมาก เราก็จะร้องไห้กลัวมากๆ กลัวว่าจะโดนข่มขืน ถ้ากลับเข้าไปแล้วมีผู้ชายมาเป็นสิบจะทำยังไง มันคิดไปสารพัด แต่โชคดีมากๆ ที่ห้องอื่นเขาเปิดประตูออกมาด่า เขาก็เลยปล่อยและรีบเดินเข้าไปในห้อง เราก็รีบลงลิฟท์ไปนั่งอยู่ข้างล่าง ไปไหนไม่ถูกไม่รู้จักใครก็ได้แต่นั่งอยู่ข้างล่างและก็ขอพาสเวิล์ดไวไฟกับเจ้าหน้าที่ที่นั่น และก็มองหาที่หลบกะว่าถ้าเขามาเราจะวิ่งไปหลบตรงไหน”

“ก็นั่งไปซักพักเขาก็ลงมากับนางงามคนที่จูบกัน เขาก็บอกว่าฉันจะไปส่งเธอที่ปาร์ตี้หรือที่โรงแรมและฉันจะไปมายสวีทของฉัน เราก็กลัวนะไม่รู้จะไปส่งจริงไหมแต่ก็ต้องยอมขึ้นเพราะไม่มีทางเลือกไม่รู้จะทำยังไง พอเขามาส่งที่โรงแรมปุ๊บเขาเหยียบคันเร่งออกไปเลย ส่วนเพื่อนรูมเมทที่นั่งรถไปด้วยตอนแรกกลับมาสว่างเลย”

“พอกลับมาก็ส่งข้อความไปบอกอิลี่ว่าฉันไม่ชอบไปสถานที่แบบนั้น ไม่ชอบไปกับสปอนเซอร์ ไม่ชอบอยู่กับผู้ชายสองคน เขาก็ส่งข้อความตอบกลับมาเป็นการเข้าใจผิดกัน จะให้ไปส่งที่โรงแรมแต่พวกนั้นดันจะไปปาร์ตี้กัน เราก็อ้าว...คุณไม่รู้ได้ไงในเมื่อให้คนมาคัดเราไป แต่เราก็ไม่กล้าพูดเพราะตอนนั้นคือแบบเราใส่สายสะพายประเทศไทย เราอยากทำตรงนั้นให้ดีที่สุดไม่อยากมีเรื่อง”

“เหตุการณ์นั้นเป็นต้นมามันหลอนมากไปไหนก็ไม่กล้าไปคนเดียวจะต้องอยู่กับเพื่อนๆ ตลอด จนกระทั่งมันเกิดเหตุการณ์ที่ 3 อีก วันนั้นเราเอากระเป๋าลงไปผิดอีลี่ก็บอกให้ไปเปลี่ยนเราก็รีบวิ่งเข้าลิฟท์ไป ก็เจอเหมือนญาติๆ ของอีลี่เป็นช่างภาพและเกาะติดทุกครั้งที่เราทำกิจกรรม เราก็กดชั้นเราและก็ถามเขาว่าจะไปไหนเขาก็ไม่ตอบ แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะคนนี้ลักษณะจะตุ้งติ้งแอบตุ๊ดเข้าหาผู้หญิงเหมือนเกย์ แต่พอลิฟท์ปิดเขาก็รีบมาชิดตัวเราและก็บอกว่า นี่ไงฉันจะทำแบบนี้ไง แล้วก็กอดจะหอมแก้มจะจูบเราก็ผลักลิฟท์เปิดพอดีก็รีบออกมา”

“เขาก็เดินตามถามเธออยู่ห้องไหน เราก็ไม่ตอบรีบๆ เดินเป็นจังหวะที่นางงามคนอื่นๆ ก็เดินสวนออกมาเพราะทุกคนรีบจะไปที่รถ ผู้ชายคนนั้นเขาก็หันไปทักทายเราก็รีบเข้าห้องไปเลย เขาก็มาเคาะๆ เร็วๆ รถจะออกเปิดประตูได้แล้ว พอแต่งตัวเสร็จก็มองที่ช่องไม่เห็นว่าเขาอยู่เราก็เปิดประตูและรีบเบี่ยงออก เขาก็ดันเข้ามาและบอกว่า ฉันจะโชว์ให้ดูว่าไม่ใช่เกย์ เราก็วิ่งหนีไปที่ลิฟท์เลย และก็เล่าให้เพื่อนๆ ฟังว่า นี่ฉันเจอเป็นครั้งที่ 3 แล้วนะ”

คือเราไม่สามารถที่จะไว้ใจใครได้เลย ทั้งผู้จัดการกองประกวด แม้แต่สตาฟที่ดูแลเรามาตั้งแต่แรกก็ยังพาเราไปขึ้นรถไปหาสปอนเซอร์ แล้วเราจะเชื่อใจใครได้บ้าง ก็เลยเริ่มไม่ไหวแล้วไม่เอาแล้ว พอกลับจากทำกิจกรรมตี 4 ก็เริ่มทยอยเก็บของใส่กระเป๋าคือตัดสินใจไม่อยู่แล้ว และก็พยายามติดต่อคนไทยในเลบานอนทางเฟซบุ๊ค ก็เล่าทุกอย่างให้เขาฟังเขาก็เลยติดต่อที่กงสุลให้ เช้า 7 โมงเจ้าหน้าที่กงสุลก็มาเลยจะพาเราไปส่งที่สนามบิน”

“ระหว่างนั้นอีลี่ก็ลงมาเจอเจ้าหน้าที่กงสุล เขาก็พูดว่าไม่อยากให้กลับ เราก็บอกว่ามัน 3 ครั้งแล้วที่เกิดแบบนี้รู้สึกไม่ปลอดภัย เขาก็ขู่ว่าเขาต้องไปเซ็นต์เอกสารให้เธอ ถ้าไม่เซ็นต์เธอก็ออกจากที่นี่ไม่ได้เพราะฉันยื่นวีซ่าให้เธอมาที่นี่ เจ้าหน้าที่ก็มาขอดูวีซ่าเขาก็บอกไม่น่ามีปัญหานะ ซึ่งหนูก็บินได้ตามปกติ พอขึ้นเครื่องได้แล้วมันดีใจมากๆ ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะต้องมาเจอแบบนี้”

“ก็เคยถามตัวเองเหมือนกันนะว่าเรามาทำอะไรที่นี่ ทำไมจะต้องมาเสี่ยง มาเจออะไรแบบนี้ เขาเห็นเราเป็นอะไร แต่พูดตรงๆ เลยคนที่โน่นเขามองเมืองไทยไม่ค่อยดี เขามองว่าผู้หญิงไทยซื้อได้ แต่จะว่าไปแล้วเหตุการณ์นี้ก็ไม่ได้เกิดกับหนูคนเดียว นางงามหลายๆ คนก็เจอ อย่างมีประเทศนึงก็จะโดนให้ไปเอนเตอร์เทนสปอนเซอร์เหมือนกัน เขาก็ไม่ยอมไปนั่งร้องไห้แล้วอิลี่บอกให้กลับบ้านไปเลย พูดแล้วก็เจ็บใจมาก รู้สึกว่าเราเป็นเหยื่อมันเป็นการจัดงานมาเพื่ออะไรหรือเปล่า”

“ต่อไปจะไปประกวดอะไรคงต้องดูให้มากๆ และต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้น เพราะความโชคดีอาจไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ “


กับรูมเมทเพื่อนสนิทสาวแคนาดา
เอเชียทีม ไทย-ญี่ปุ่น-จีน





เสื้อดำ อิลี่ ผู้จัดการกองประกวด
ภาพข่าวสื่อเลบานอน

เรื่องย่อละคร "ข้าวนอกนา"
เรื่องย่อละคร "ข้าวนอกนา"
ดำเป็นลูกของสาวไทยกับฝรั่งนิโกร มีพี่สาวชื่อเดือน เป็นลูกครึ่งฝรั่งผิวขาวจากแม่เดียวกัน ทั้งสองอายุห่างกัน1ปี แม่ฝากดำกับเดือนให้ป้าหมอนกับ ลุงชาญ เพื่อนบ้านในสลัมเดียวกันช่วยเลี้ยง จนทั้งสองอายุได้ 4-5 ขวบ แม่ก็ทิ้งไปและไม่กลับมาอีกเลย แต่โชคดีที่เดือนเป็นเด็กลูกครึ่งฝรั่งผิวขาว หน้าตาน่ารัก ส่วนดำเป็นเด็กตัวดำ หน้าตาขี้เหร่ในสายตาคนอื่น เธอจึงมักถูกเปรียบเทียบกับเดือนเสมอ ดำรู้สึกว่าตนเองเกิดมาอาภัพ ทำให้เกิดความริษยาเดือน กลายเป็นปมด้อยและความเกลียดชังที่ฝังลึกโดยไม่รู้ตัว ดำจึงชอบแกล้งเดือน พอเดือนไปฟ้องป้าหนอม ดำก็จะโดนตี แต่ดำกลับไม่เคยร้องไห้ ป้าหนอมจึงมักต่อว่าดำนั้นใจดำเหมือนสีผิว
[ข้อมูลที่ถูกลบ]
[ข้อมูลที่ถูกลบ]
[ข้อมูลที่ถูกลบ]
[ข้อมูลที่ถูกลบ]
กำลังโหลดความคิดเห็น